อาการคนท้องระยะแรกและสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
สำหรับใครที่กำลังวางแผนมีบุตรนั้น คงมีหลายคำถามสำหรับการตั้งครรภ์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่า อาการเริ่มแรกที่จะบ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์นั้นมีสัญญาณอะไรเตือนบ้าง ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่นั้นไม่เหมือนกัน อาการแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป โดยในช่วงสัปดาห์แรกนั้นคุณแม่อาจจะยังไม่มีอาการใดแสดงออกมากนัก บางคนมีอาการแพ้ท้องหนักมาก หรือในบางคนไม่เกิดอาการแพ้เลย วันนี้เราจึงรวบรวมอาการที่จะบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมาฝากกัน เพื่อการเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่มือใหม่ได้อย่างเป็นอย่างดี 1. ประจำเดือนขาด ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่อาจบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน โดยปกติแล้วจะมาใกล้เคียงกันทุกเดือน แต่ถ้าประจำเดือนขาดไปมากกว่า 10 วัน นั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะตั้งครรภ์ เพราะเมื่อเกิดการปฏิสนธิกันระหว่างไข่กับอสุจิ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อยับยั้งไม่ให้ผนังมดลูกนั้นหลุดลอกออกมากลายเป็นประจำเดือน เพราะจะเริ่มมีการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่ประจำเดือนขาดนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งครรภ์เสมอไป อาจขึ้นอยู่จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด ยาคุมกำเนิด หรือในบางคนอาจเป็นโรคที่มีผลต่อการขาดประจำเดือนได้ เช่น โรคของระบบต่อมไร้ท่อ เบาหวาน เป็นต้น 2. จมูกไวต่อกลิ่น เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ คุณจะมีอาการเหม็นหรือได้กลิ่นสิ่งรอบข้างแปลกๆจนอยากอาเจียนเช่นกินข้าวสุก กลิ่นแป้ง กลิ่นน้ำหอม คุณจะรู้สึกเหม็นมากผิดปกติอาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายที่มีมากเพิ่มขึ้นในขณะที่คุณกำลังท้องทำให้จมูกไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษหรือในบางคนอาจจะเหม็นสามีก็เป็นได้ 3. มีตกขาวมากผิดปกติ เมื่อมีการตั้งครรภ์ร่างกายจะปรับฮอร์โมนให้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่าปกติ รวมถึงตกขาว ที่จะเพิ่มขึ้นในปริมาณมากซึ่งลักษณะของตกขาวจะเป็นมูกเหลวสีขาวขุ่นหรือมีสีครีมซึ่งไม่ต้องตกใจไปถือเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างของเหลวขึ้นมาที่บริเวณปากมดลูกและช่องคลอดเพื่อหล่อลื่นบริเวณปากช่องคลอดอยู่แล้วเพียงแต่จะผลิตมากขึ้นคุณแม่ต้องดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นสม่ำเสมอ เพื่อลดความอับชื้นและลดโอกาสที่จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ ตกขาวที่มีลักษณะที่ผิดปกติเช่นมีสีเขียว สีเหลือง […]
6 อริยบถประจำวันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อัพเดท 2021
สำหรับใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่นั้น จะต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างแน่นอน ในช่วงตั้งครรภ์นั้น มดลูกของคุณแม่จะค่อยๆขยายขนาดมากยิ่งขึ้น จนทำให้ไปกดอวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกายได้ จึงอาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวดเมื่อย หายใจไม่สะดวก และยิ่งในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย น้ำหนักตัวจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาต้องรับน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปวดขามากกว่าปกติได้ ดังนั้นทุกอริยบถของคุณแม่จึงสำคัญ และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทั้งสิ้น วันนี้เราจึงมีอริยบถในชีวิตประจำวันของคุณแม่ตั้งครรภ์มาแนะนำกัน เพื่อให้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ลดอาการปวดเมื่อ ลงปได้มากเลยทีเดียว จะมีท่าใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. ท่ายืนของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อลดอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณแม่ไม่ควรยืนแอ่นหน้าท้องมากจนเกินไป จะทำให้บริเวณส่วนหลังนั้นรับน้ำหนักมากจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ปวดหลังได้ คุณแม่ควรทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่ส้นเท้าและกลางเท้า เพื่อให้น้ำหนักถ่ายเทได้อย่างสมดุล ลดอาการปวดเข่า ปวดกระดูก โดยสังเกตให้เข่าตึง หลังต้องตั้งตรง หน้าตรง ท่ายืนในลักษณะนี้จะช่วยลดอาการปวดหลังลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ท่าเดิน ของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น จะต้องเริ่มจากการยืนที่ถูกต้อง หลังตรง ขณะที่จะก้าวเดินออกนั้นให้ยืดหน้าท้องขึ้น จัดไหล่ให้ตั้งตรง แล้วจึงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ การขึ้นลงบันไดก็เช่นกัน จะต้องวางเท้าให้เต็มขั้นบันได เทน้ำหนักตัวลงที่กลางเท้า เพื่อกระจายน้ำหนักให้ได้อย่างสมดุล ใช้กล้ามเนื้อขายกตัวขึ้นในขณะที่หลังตั้งตรง โดยไม่เอนตัวไปด้านหน้ามากเกินไป 3. ท่านั่งของคุณแม่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่ต้องนั่งเก้าอี้เป็นเวลานานควรนั่งให้เต็มก้น วางเท้าลงบนพื้น หรือหากนั่งเก้าอีกแล้วรู้สึกว่าขาลอย ให้หาเก้าอี้ตัวน้อยมาวางพักเท้าจะให้ความรู้สึกว่านั่งสบายมากยิ่งขึ้น ขณะที่นั่งควรจัดหลังให้ตั้งตรงไหล่และสะโพกต้องชิดกับเก้าอี้ […]
คุณแม่ตั้งครรภ์ น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะดีต่อลูกน้อยในครรภ์
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ อาจมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระดับฮอร์โมน อาการวิงเวียนศีรษะ แพ้ท้องหน้ามืด หรือรวมไปถึงในเรื่องของน้ำหนักตัว ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าตกใจ ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวนั้นเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องทำความเข้าใจ และยอมรับ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของคุณแม่นั้น สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ สารอาหารที่คุณแม่ได้ทานเข้าไปนั้น ล้วนแล้วแต่ไปบำรุงลูกน้อยในครรภ์ทั้งนั้น ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์นี้คุณแม่ต้องปล่อยใจสบายๆ ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของน้ำหนักตัว เมื่อคลอดลูกน้อยออกมาแล้วนั้น ก็มีโอกาสที่จะกลับไปน้ำหนักตัวเท่าเดิมได้เช่นกัน วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของคุณแม่มาฝากกัน ว่าในช่วงตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสนั้น ควรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ถึงจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับใครที่สนใจนั้น ไปติดตามข้อมูลกันได้เลย ในช่วงการตั้งครรภ์ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในช่วงตั้งครรภ์นี้ ร่างกายจะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน เพื่อใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อให้กับลูกน้อย อาหารที่คุณแม่ท้องควรทานเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวให้กับลูกน้อย ควรเน้นเป็นอาหารสดใหม่ที่ได้จากธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งน้อย หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูป โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ วันละ 5-6 มื้อ โดยเน้นเป็นโปรตีนเพื่อช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับลูกน้อย คุณแม่ก็จะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งคุณแม่สามารถคำนวณ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดเพื่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ โดยคำนวณจากดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ คำนวณจาก น้ำหนักตัว หารด้วยส่วนสูง ยกกำลังสอง จะได้ดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ เช่น หากก่อนตั้งครรภ์คุณแม่มีน้ำหนักตัวปกติ (18.5-24.9) น้ำหนักตัวที่เพิ่มจากการตั้งครรภ์ควรเท่ากับ โดยในช่วงไตรมาสที่ […]
5 เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ยี่ห้อไหนดี อัพเดท 2021
ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก เชื่อว่าครั้งแรกที่คุณแม่ได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยในครรภ์จะต้องรู้สึกพิเศษจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อย่างแน่นอน แล้วจะดีแค่ไหนถ้าหากเราได้ยินเสียงหัวใจลูกน้อยเต้นในทุกๆวัน เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกจะสามารถตอบโจทย์ความรู้สึกของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วหัวใจของทารกในครรภ์จะเริ่มเต้นครั้งแรกเมื่อมีอายุประมาณ 5 สัปดาห์ ซึ่งอัตราการเต้นจะอยู่ประมาณ 80-85 ครั้งต่อนาที และจะค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น เมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง โดยคุณแม่จะสามารถได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยเต้นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ 10 หรือ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจวัดเสียงหัวใจของลูกน้อย คือตอนตื่นนอนภายใน 30 นาที หลังอาหารกลางวันภายใน 1 ชั่วโมง และครึ่งชั่วโมงก่อนนอน เป็นต้น วันนี้เราจึงรวบรวมเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกที่มีคุณภาพมาฝากกัน จะมียี่ห้อใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. Jumper Angelsoundsรุ่น JPD-100S หลักการใช้งานของเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกเครื่องนี้โดยการเคลื่อนที่ช้าๆเพื่อตรวจจับการเต้นของหัวใจของลูกน้อย คุณแม่สามารถฟังเสียงหัวใจของลูกผ่านทางหูฟังได้หรือสามารถใช้สาย data ต่อกับลำโพงก็ได้เช่นกัน ซึ่งคุณแม่สามารถบันทึกเสียงหัวใจของลูกผ่านทางเครื่องบันทึกเสียง รุ่นนี้ใชแบตเตอรี่ขนาด 9 V เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 14-16 สัปดาห์ขึ้นไป เครื่องนี้ราคาประมาณ 2,500 บาท 2. JDP100s6+ รุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นหลัก มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่มีระบบการประมวลผลออกมาในรูปแบบตัวเลขและกราฟ ให้คุณฟังเสียงหัวใจได้ชัดมากยิ่งขึ้นด้วยลำโพงเสียงดังฟังชัดที่แถมมากับตัวเครื่อง ใช้งานง่าย […]
6 เข็มขัดพยุงครรภ์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยลดอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี อัพเดท 2021
เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่คุณแม่หลังคลอดจะต้องมีไว้ใช้ ซึ่งสำคัญและจำเป็นมาก โดยเฉพาะแม่ผ่าคลอด เนื่องจากเข็มขัดพยุงครรภ์นี้จะช่วยทำหน้าที่ดึงหรือรั้งหน้าท้องเราไว้ไม่ให้ห้อยหรือย้อยไปกดทับแผลผ่าตัด มีประโยชน์ช่วยลดอาการเจ็บแผลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยพยุงหลังให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม ลดอาการปวดหลังได้อีกด้วย และที่สำคัญจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้ไวมากยิ่งขึ้น หน้าท้องกระชับไว ไม่หย่อนคล้อยนั่นเอง สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการเลือกซื้อเข็มขัดคือขนาดจะต้องเหมาะสมกับหน้าท้อง ไม่คับหรือแน่นจนเกินไป ต้องสามารถปรับระดับความกระชับได้ วัสดุที่ใช้ผลิตจะต้องมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ระคายเคืองผิว และต้องระบายอากาศได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายคือจะต้องสามารถทำความสะอาดได้ง่ายไม่ยุ่งยาก วันนี้เราจึงรวบรวมเข็มขัดพยุงครรภ์ที่มีคุณภาพสูงมาฝากกัน จะมีแบรนด์ใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เข็มขัดพยุงครรภ์ Jumper Kids เป็นเข็มขัดที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่น สามารถปรับระดับความกระชับได้ตามต้องการ มาในขนาดไซต์ XXL สามารถช่วยพยุงท้อง สามารถช่วยลดการแตกลายของผิวที่เกิดจากการยืดขยายและหดของหน้าท้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยพยุงหลัง ช่วยลดอาการปวดหลังได้อีกด้วย รุ่นนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ช่วยให้คุณสวมใส่สบายไม่อึดอัด และสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ราคาประมาณ 300 บาท 2. เข็มขัดพยุงครรภ์ No Brand ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังและเอวโดยเฉพาะ เข็มขัดสามารถปรับระดับความกระชับได้ สวมใส่สบาย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้อึดอัด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดการแตกลายของผิวหน้าท้องที่ขยายอย่างรวดเร็วได้ ใช้ได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดเลย โดยมีความยาวก่อนยืดประมาณ 110 เซนติเมตร ราคา […]
เทคนิคสำหรับ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อัพเดท 2021 เพื่อการเลี้ยงลูกน้อยอย่างมีคุณภาพ
การปรับตัวหรือเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณแม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว คุณจะต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตให้เติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งระหว่างทางนั้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลายคนประสบกับปัญหามากมาย แต่เพื่อลูกน้อยของเราแม่ๆย่อมอดทนได้เสมอไม่ว่าจะผ่านเรื่องร้ายแรงแค่ไหน โดยเฉพาะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องแบกรับหน้าที่ที่สำคัญนี้ไว้เพียงคนเดียว อาจมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อหันไปเจอลูก แม่ๆย่อมมีแรงฮึดสู้ขึ้นมากเลยทีเดียว แต่สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ไม่ต้องเศร้าหรือกังวลใจไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาฝากกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นแรงผลักดันให้คุณแม่ได้มีกำลังใจอดทน และสู้กับปัญหา เพื่อลูกน้อยต่อไป 1. พูดคุยกับคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณ การได้ระบายหรือมีคู่คิดที่ดีที่กำลังประสบกับปัญหาชีวิตในด้านเดียวกัน จะทำให้เราได้เห็นถึงมุมองใหม่ๆที่จะช่วยในการแก้ปัญหาที่เราพบเจอในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี พาตัวเองและลูกออกไปพบกับสังคมใหม่ๆที่ใช้ชีวิตเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน วิธีนี้จะทำให้คุณเลี้ยวลูกอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น 2. วางแผนล่วงหน้าไว้เสมอ การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แน่นอนว่าจะหันไปพึ่งพาใครก็สามารถทำได้ยาก เราจึงต้องมีแผนสำหรับอนาคตอยู่เสมอ เมื่อเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้รับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที หรืออาจจะตั้งกลุ่มไลน์เฉพาะกิจไว้เลย เพื่อความอุ่นใจ เมื่อต้องการความช่วยเหลือจะได้ไลน์หาผู้ที่ไว้วางใจได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนั่นเอง 3. เตรียมของใช้ของลูก สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ให้รีบเตรียมข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูกไว้เลย เพื่อที่จะไม่เกิดความวุ่นวายหลังจากที่คลอดลูกแล้ว เพราะถ้าหากคลอดลูกแล้วเราจะต้องคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา แม่ไม่มีเวลาที่จะไปซื้อของเครื่องใช้ได้อย่างแน่นอน 4. ดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง อยู่เสมอนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากเลยทีเดียว เพราะคุณแม่จะต้องเก็บแรงไว้เลี้ยงลูกน้อย ยิ่งช่วง 1-3 เดือนแรก จะเป็นช่วงที่คุณแม่จะต้องเหนื่อยมากๆ ต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาต่างๆมากมาย ในช่วง 3 เดือนแรกลูกน้อยจะยังตื่น หรือนอนไม่เป็นเวลา อาจทำให้แม่นั้นต้องลุกกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้อดนอน อ่อนล้าได้ 5. […]
แนะนำ 5 เรื่องที่ คุณแม่มือใหม่ ควรรู้ 2021 เพื่อเตรียมความพร้อมเลี้ยงลูกน้อยอย่างมีคุณภาพ
เราไม่สามารถเป็นคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบได้ทั้งหมดทุกเรื่อง แต่เราสามารถพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้ สำหรับใครที่กำลังเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่อยู่นั้น จะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไว้อย่างมากเพื่อที่จะเลี้ยงลูกน้อยให้ออกมาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบที่สุด ยิ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่แล้วล่ะก็ จะต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีกมากเลยทีเดียว พอเมื่อถึงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปในทันที คุณจะต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลก และต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนในการเลี้ยงลูก วันนี้เราจึงมีวิธีในการเตรียมความพร้อมในการเป็นคุณแม่มือใหม่ที่คุณควรรู้มาฝากกัน 1. คุณไม่ได้ใช้ชีวิตคนเดียวอีกต่อไป เป็นเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ต้องยอมรับและเข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าคุณจะต้องเลี้ยงดูอีกหนึ่งชีวิต คุณต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของหน้าที่ที่ต้องเพิ่มมากขึ้น มีเวลาส่วนตัวในชีวิตของตนเองน้อยลง 2. ผมร่วง เป็นอีกหนึ่งอาการที่คุณแม่หลังคลอดจะต้องเจออย่างแน่นอน ให้คุณแม่เตรียมใจไว้เลยว่าคุณแม่จะต้องพบกับภาวะผมร่วงอย่างหนัก ก็ไม่ต้องตกใจไป ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หลักๆเลยคือร่างกายของคุณแม่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนี้จะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นผมทำให้เกิดผมร่วง หรืออาจเกิดจากร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญเช่น ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ก็สามารถทำให้ผมหลุดร่วงได้ ซึ่งภาวะผมร่วงนี้จะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการนวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันธรรมชาติ นวดศีรษะด้วยเจลว่านหางจระเข้ หวีผมให้น้อยลง รวมไปถึงการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ก็จะช่วยลดอาการผมร่วงลงได้ 3. อดนอน ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว สำหรับคุณแม่มือใหม่ ยิ่งระยะเวลา 1-3 เดือนแรก เป็นช่วงการปรับตัวของทั้งคุณแม่และลูกน้อย ทำให้ต้องเรียนรู้พฤติกรรมและการใช้ชีวิตร่วมกันมากพอสมควร รวมถึงคุณแม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกให้นมลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ทำให้ชั่วโมงการนอนนั้นน้อยลง ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณแม่จะต้องเตรียมรับมือและเตรียมปรับตัวเพื่อให้การเลี้ยงลูกนั้นเป็นเรื่องสนุกและมีความสุขมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 4. ความสัมพันธ์ของคุณและสามีอาจมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาทั้งหมดคุณทุ่มเทให้กับลูกน้อย บางคนดูแลลูกจนถึงขั้นไม่มีเวลาพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความโรแมนติกที่เคยมีกับคุณสามีเลย […]
ท่านอนคนท้อง อัพเดท 2021
สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวเป็นคุณแม่อยู่ หรือใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นอาจจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของร่างกาย ซึ่งบางคนท้องแรกยังไม่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ถูกต้องในขณะตั้งครรภ์ ซึ่งแม่ท้องส่วนใหญ่จะเกิดคำถามภายในหัวมากมายว่าสิ่งนั้นทำได้ไหม สิ่งนี้ทำแล้วจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในครรภ์หรือไม่ โดยเฉพาะเวลานอน ยิ่งถ้าแม่ท้องใหญ่มากขึ้นแล้ว การนอนจะลำบากมากในแต่ละคืน ท่านอนแบบไหนที่เหมาะสมและไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ วันนี้เราได้รวบรวมท่านอนที่เหมาะสมในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์มากฝากแม่ๆกัน เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพและไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยนั่นเอง 1. สามารถนอนได้ทุกท่าที่รู้สึกสบาย ช่วงไตรมาสที่ 1 คือช่วงการตั้งครรภ์ระหว่างเดือนที่ 1-3 เป็นช่วงเวลาที่ท้องของแม่ๆ ยังไม่ใหญ่มากเท่าไหร่นัก คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของท่านอนเลย เพราะในช่วงนี้คุณแม่สามารถนอนท่าไหนก็ได้ โดยเน้นให้ตัวเองนอนแล้วสะดวกหลับสบายมากที่สุด เพราะในช่วง 1-3 เดือนแรก คุณแม่จะเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย อยากพักผ่อนมากยิ่งขึ้น หรือใครที่แพ้ท้องหนัก ก็อาจต้องการเวลาในการนอนเพิ่มมากยิ่งขึ้น คุณแม่สามารถนอนได้ทั้งท่านอนตะแคง ซ้าย ขวา หรือรวมไปถึงนอนหงาย แต่ในช่วงไตรมาสนี้ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนของคุณแม่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และอาจทำให้เกิดหน้ามืดได้ ดังนั้นคุณแม่ควรระมัดระวังอย่างมากในการลุกออกจากเตียงนอน เป็นต้น 2. แนะนำท่านอนตะแคง ในช่วงไตรมาสที่ 2 คือช่วงการตั้งครรภ์ระหว่างเดือนที่ 4-6 ช่วงนี้ท้องคุณแม่จะเริ่มใหญ่ขึ้นแล้ว ท่านอนที่เหมาะสมที่สุดคือท่านอนตะแคง ส่วนมากจะแนะนำให้นอนตะแคงซ้าย เนื่องจากขนาดครรภ์ใหญ่มากขึ้น การนอนตะแคงจะช่วยลดอาการหน้ามืดลงได้ เพราะช่วงนี้ขนาดของมดลูกจะใหญ่มากขึ้นจนอาจไปกดทับเส้นเลือดใหญ่ด้านหลัง ส่งผลให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้น้อยลงหรือเลือดลมไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างสะดวกเหมือนปกติ การนอนตะแคงจึงสามารถช่วยลดภาวะหน้ามืดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณแม่ไม่ควรนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งซ้ำๆเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท […]
10 อาหารสำหรับคนท้อง อัพเดท 2021
เรื่องโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญมากโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองเป็นพิเศษ ต้องเลือกทานแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ เพื่อส่งผ่านสารอาหารที่ดีไปให้แก่ทารกในครรภ์ไปหล่อเลี้ยงและเสริมสร้างเซลล์ ให้ลูกน้อยเติบโตอย่างสมบูรณ์นั่นเอง ซึ่งสำหรับใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นควรใส่ใจในการเลือกทานอาหารเป็นพิเศษ เพราะอาหารบางชนิดอาจส่งผลเสีต่อลูกน้อยในท้องได้ อาหารบางชนิดอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้คลอดก่อนกำหนด หรือแท้งได้เลยก็มี วันนี้เราจึงมีอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อแม่ตั้งครรภ์มาฝากกัน เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างให้ลูกน้อยแข็งแรงตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเลิศที่จะมาช่วยเสริมสร้างเซลล์สำคัญต่างๆให้กับลูกน้อยในครรภ์ เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันนั้นจะมีปริมาณธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงให้กับคุณแม่และลูกในท้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยได้อีกด้วย 2. ไข่ เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาทานได้อย่างง่ายดาย เชื่อว่าจะต้องมีติดบ้านไว้อย่างแน่นอน ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเช่นกัน อุดมไปด้วยวิตามินดีที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันของลูกน้อยให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ไข่ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย สำหรับแม่ท่านไหนที่ลูกน้ำหนักตัวน้อยไม่ถึงเกณฑ์ สามารถทานไข่บำรุงได้ รวมถึงช่วยลดภาวะครรภ์เป็นพิษได้อีกด้วย 3. น้ำมันตับปลา หลายคนคงรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า 3 EPA และ DHA ที่มีประโยชน์ในการพัฒนาสมองและดวงตาของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินดีที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง 4. ควินัว เป็นธัญพืชที่เป็นประโยชน์ต่อแม่ท้องเช่นกัน อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อของทารกมากมาย โดยควินัว 1 เมล็ดนั้น ประกอบไปด้วยโปรตีน 8 กรัม, ไฟเบอร์ 5 กรัม และธาตุเหล็ก 3 กรัม […]
คนท้องห้ามกินอะไร อัพเดท 2021
สำหรับใครที่กำลังจะเตรียมตัวเป็นคุณแม่นั้น อาจกำลังกังวลในหลายๆเรื่อง เพราะการตั้งครรภ์นั้นจะทำให้การใช้ชีวิตของเราแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คุณแม่ต้องมีความเตรียมพร้อม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวลูกน้อย ให้เขาได้เติบโตมาอย่างสมบูรณ์และแข็งแรงนั่นเอง ซึ่งการตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องพิเศษที่สุดคุณจึงต้องดูแลรักษาร่างกายเป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ต้องละเอียดอ่อนและใส่ใจกับทุกสิ่งที่ทานเข้าปากไป เพราะคุณทานอะไรลูกก็จะได้รับอาหารเหล่านั้นเช่นกัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องเลือกทานแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเซลล์สมองและเนื้อเยื่อร่างกายของลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ และต้องระวังอาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ วันนี้เราจึงมีอาหารต้องห้ามที่คุณแม่ควรลดและหลีกเลี่ยง มาเตือนคุณแม่ๆกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. อาหารที่ผสมบอแรกซ์ สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ผสมบอแรกซ์ เพราะสารบอแรกซ์นี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ทางเดินอาหาร หรือทำให้ลำไส้เป็นแผลได้ ซึ่งสารบอแรกซ์มักพบมากใน หมูยอ ไส้กรอก ลูกชิ้น เป็นต้น 2. คนท้องควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่ผงชูรส เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพได้อีกด้วย ผงชูรสทำมาจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาล อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง หรือไตวายได้ 3. ห้ามทานปลาดิบ ปลาถือเป็นวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ในคนทั่วไป แต่สำหรับแม่ๆที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นควรหลีกเลี่ยงปลาบางชนิดที่มีสารปรอทเจือปนอยู่มาก เช่น ปลาโทงแทง หูฉลาม ปลาดาบเงิน เป็นต้น ปลาเหล่านี้มีสารต้องห้ามอย่างปรอท ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการสร้างเซลล์สมองของทารกในครรภ์ได้ 4. อาหารดิบ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง เช่นเนื้อสัตว์สุกๆดิบๆ ปลาดิบ รวมไปถึงอาหารทะเลอย่าง หอย ปู กุ้ง ที่ไม่ได้ปรุงสุก เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่เกิดกรติดเชื้อจากแบคทีเรียในอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทารกที่อยู่ในครรภ์เลย 5. […]