ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์ จะอันตรายต่อเด็กในครรภ์หรือเปล่า

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์ จะอันตรายต่อเด็กในครรภ์หรือเปล่า”  คนท้องไม่ใช่คนป่วย เรามักจะได้ยินคำนี้บ่อย ดังนั้นเมื่อคนท้องอยากทานอะไร ก็ได้ทั้งนั้นไม่มีข้อห้าม แต่อาจจะมีของกินบางอย่างที่คนท้องไม่ควรทานอย่างยิ่งนั่นคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันจะส่งผลต่อเด็กในครรภ์ได้ แต่จะส่งผลเสียอย่างไรบ้างนั้น เรามีข้อมูลมาฝากกัน ดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์เสี่ยงอย่างไร เหล้าหรือแอลกอฮอล์นั้น ส่งผลเสียต่อคนปกติและคนท้อง ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ดื่ม แต่ไม่ได้หมายความว่า แม้เพียงเล็กน้อยคุณแม่ท้องก็สามารถดื่มได้อย่างสบายใจ ดังนั้น คนท้องดื่มเครื่องดื่มที่ส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาก ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ เพราะจะส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์อย่างแน่นอน รู้หรือไม่ว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลร้ายแรงต่อทารกยาวนานไปถึงตลอดชีวิตของพวกเขาได้ เช่น อาการ FAS หรือ Fetal alcohol syndrome เป็นอาการผิดปกติได้ชัดเจนจากรูปร่างหน้าตา ไปถึงสมองและการพัฒนาการด้านอื่นๆ ของร่างกาย มาจากความเสี่ยงของพฤติกรรมคุณแม่ตั้งครรภ์ดังต่อไปนี้ 1.คนท้องมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นความเชื่อที่มีกันมานานแล้วว่า การดื่มเหล้า ดื่มยาดองแล้วจะทำให้เลือดลมดี ขับน้ำนมได้มาก คลอดง่าย จนแม่บางคนติดเหล้าและเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือการดื่มเบียร์แล้วจะช่วยล้างไขเคลือบตัวลูก เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรทำ เพราะการที่ร่างกายของทารกจะผลิตไขสีขาวหรือเหลืองอ่อน ๆ มาหุ้มตัวนั้น เป็นเกราะบาง ๆ ให้กับทารก ช่วยป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย […]

คุณแม่เสริมหน้าอกซิลิโคน แม่ทำนมมายังให้นมลูกได้ปกติไหม จะส่งผลร้ายต่อลูกหรือเปล่า

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “คุณแม่เสริมหน้าอกซิลิโคน แม่ทำนมมายังให้นมลูกได้ปกติไหม จะส่งผลร้ายต่อลูกหรือเปล่า” ก่อนมีลูก คุณแม่ไปทำหน้าอกเสริมซิลิโคนมา พอมีลูกแล้วยังสามารถให้นมลูกได้ปกติไหม จะส่งผลร้ายหรืออันตรายต่อลูกน้อยหรือเปล่า หรือต้องผ่าตัดเอาซิลิโคนออกกันแน่ เรื่องที่คุณแม่หลายท่านสงสับ ในบทความนี้มีข้อมูลมากฝากกัน เสริมหน้าอกให้นมลูกได้ไหม การเสริมหน้าอกก็ยังสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบต่อการสร้างน้ำนม เพียงแต่หลังเสริมหน้าอก ควรนวดหน้าอกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคน ร่างกายจะมีการสร้างพังผืดมาล้อมถุงซิลิโคนไว้ ถ้าพังผืดมีมากก็อาจทำให้เต้านมมีลักษณะแข็งตึงไม่เหมือนธรรมชาติได้ การเสริมหน้าอก ส่งผลต่อนมแม่อย่างไร 1.ตำแหน่งที่เสริมหน้าอก ตำแหน่งและขนาดของซิลิโคนสามารถส่งผลต่อแรงกดภายในเต้านม ซึ่งเต้านมประกอบด้วยเนื้อเยื่อต่อมผลิตน้ำนมด้านบนชั้นกล้ามเนื้อ หากเสริมหน้าอกในตำแหน่งระหว่างเนื้อเยื่อต่อมและชั้นกล้ามเนื้อ จะมีแนวโน้มได้รับแรงกดลงบนต่อมและท่อน้ำนม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการไหลของน้ำนมและลดปริมาณน้ำนมได้ แต่หากตำแหน่งที่เสริมหน้าอกอยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อ จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำนมน้อยกว่า 2.ตำแหน่งของแผล ตำแหน่งของแผลจะเป็นตัวกำหนดระดับความเสียหายของต่อมผลิตน้ำนม ท่อน้ำนม เส้นประสาท และเลือดที่มาหล่อเลี้ยงเต้านม ถ้าตำแหน่งแผลอยู่รอบขอบของหัวนม และลานนม อาจส่งผลต่อความรู้สึกบริเวณหัวนมและตัดเส้นประสาทที่จะเป็นในการหลั่งน้ำนม 3.การทำงานของเนื้อเยื่อเต้านม แม้ว่าการผ่าตัดเพื่อเสริมหน้าอกที่มีการพัฒนาผิดปกติ จะถูกระบุว่าอาจทำให้สูญเสียการทำงานของเนื้อเยื่อเต้านม ในกรณีเช่นนี้ อุปสรรคในการให้นมไม่ได้เกิดจากการเสริมหน้าอกโดยตรง แต่ปัญหาผิดปกติของหน้าอกสามารถทำให้การผลิตน้ำนมลดลงแม้จะยังไม่ได้เสริมหน้าอกก็ตาม 4.เนื้อเยื่อแผลเป็นและอาการคัดเต้านม เนื้อเยื่อแผลเป็นอาจทำให้เต้านมแข็ง ผิดรูป และเจ็บ ทั้งยังสามารถขยายเข้าไปในท่อน้ำนมและและส่งผลต่อการไหลของน้ำนม หากนมไม่สามารถไหลออกจากเต้าได้ คุณแม่อาจมีอาการคัดเต้านมอย่างมากและเกิดอาการเต้านมอักเสบได้ 5.การผลิตน้ำนมที่ไม่สัมพันธ์กับการให้นมแม่ บางครั้งการเสริมหน้าอกอาจทำให้เกิดการผลิตน้ำนมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้นมแม่ หรือเกิดซีสต์ที่มีน้ำนมอยู่ภายใน ในกรณีเช่นนี้มักเกิดหลังการผ่าตัด ซึ่งจำเป็นต้องเอาซิลิโคนที่เสริมเข้าไปออก […]

ความเครียดของคุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อเด็กในครรภ์หรือเปล่า 

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “ความเครียดของคุณแม่ตั้งครรภ์ จะส่งผลต่อเด็กในครรภ์หรือเปล่า” ช่วงขณะตั้งครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกตัวเองว่าทำไมหงุดหงิดขี้โมโหขึ้นง่าย บางครั้งความกังวลหลายอย่างก็ทำให้เกิดภาวะเครียด และมีอาการซึมเศร้าตามมา หากแม่เครียดตอนท้อง อาจส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์ได้ แต่จะส่งผลทางด้านไหนบ้างนั้น และจะมีวิธีรับมืออย่างไรบทความนี้มีข้อมูลมากฝากกัน ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์มักเกิดความเครียด ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่มักจะมีความกังวลระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งในเรื่องของน้ำหนัก ความเป็นอยู่ การปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อาการคลื่นไส้ อาเจียน กินข้าวไม่ได้ และการดูแลตัวเองอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ ส่วนความกังวลหลังคลอด มักจะเป็นความกังวลที่ว่าจะสามารถดูแลลูกได้ดีหรือไม่ โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการเครียด คือ 1.เป็นผลจากฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่ความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์เพิ่มขึ้น 2.ความกังวลของคุณแม่ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด เครียดตอนท้อง มีผลกับลูกไหม ? อารมณ์เครียดของแม่ท้อง นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาแล้ว อาการที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ก็เป็นผลให้เกิดภาวะเครียดได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย ปวดหลัง หรือนอนไม่หลับ เป็นต้น หากแม่ท้องที่รับมือและปรับตัวกับภาวะเหล่านี้ได้ดี มีความเครียดบ้าง แต่เล็กน้อย ก็จะไม่มีผลเสียต่อการตั้งครรภ์ แต่ถ้ามีความเครียดสูงมาก ก็อาจเกิดผลเสียทั้งต่อตัวแม่และทารกในครรภ์ได้ รู้ไหม? ความเครียดส่งต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้ เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์เครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน […]

ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์และทารก

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “ครรภ์เป็นพิษ ภาวะอันตรายของทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์และทารก” การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่สวยงาม และสำคัญที่สุดของผู้หญิงอีกช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้ คุณแม่ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง คลอดง่าย และภาวนาให้ไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นกับลูกในครรภ์ แต่มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ต้องเสี่ยงกับภาวะ “ครรภ์เป็นพิษ” ซึ่งครรภ์เป็นพิษมักเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ภาวะดังกล่าวนี้หากคุณแม่ไม่สังเกตอาการของตนเองอาจจะส่งผลประทบร้ายแรงต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้   ครรภ์เป็นพิษ คืออะไร ครรภ์เป็นพิษเกิดจากความผิดปกติของการฝังตัวของรก ซึ่งโดยธรรมชาติรกจะฝังบริเวณเยื่อบุผนังมดลูก แต่ในกรณีที่แม่ครรภ์เป็นพิษรกจะฝังตัวได้ไม่แน่น ส่งผลให้รกบางส่วนเกิดการขาดออกซิเจน ขาดเลือด เมื่อเลือดไปเลี้ยงรกได้น้อยลงจะเกิดการหลั่งสารที่เป็นสารพิษเข้าสู่กระแสเลือดของแม่ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อถึงจุดหนึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น เส้นเลือดสมองตีบ ตาพร่ามัว ตับวาย ฯลฯ ต้องรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะหากร้ายแรงถึงขั้นมีอาการชักร่วมด้วย อาจมีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตทั้งแม่และลูก ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดครรภ์เป็นพิษ 1. ผู้เป็นโรคอ้วน ซึ่งทำให้เกิดภาวะหัวใจตีบได้ง่าย 2. มีกรรมพันธุ์พบว่าคนในครอบครัวเคยเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน 3. ผู้ตั้งครรภ์ฝาแฝด หรือตั้งครรภ์มากกว่า 1 คน 4. ผู้ตั้งครรภ์ตอนมีอายุ 35 ปีขึ้นไป 5. ผู้มีบุตรยาก 6. มีโรคประจำตัว […]

อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจจะเสี่ยงต่อลูกน้อย

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจจะเสี่ยงต่อลูกน้อย” ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจะมีอาการแพ้ท้อง อยากทานโน่น ทานนี่ หรืออยากทานในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทาน หรือไม่ชอบทานมาก่อนได้ แต่คุณต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ตัวอยากทานนั้น จะส่งผลเสียอะไรต่อลูกน้อยหรือเปล่า และอาหารชนิดไหนบ้างที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงไม่ควรทานไปดูกัน อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง 1. เนื้อสัตว์ติดมัน แม้ว่าในเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น หมูสามชั้น ขาหมู คอหมู หนังไก่ เป็นต้น จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่กลับเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัวที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากคนท้องทานมากเกินไปจะทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายและในหลอดเลือดจนทำให้คุณแม่กลายเป็นคนรูปร่างอ้วนท้วมหรือมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ และอาจเกิดความเสี่ยงต่ออาการครรภ์เป็นพิษ ลูกตัวใหญ่เกินไปทำให้คลอดยาก ส่วนลูกน้อยอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนในอนาคตอีกด้วย 2.อาหารรสเค็ม รสเค็มเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่คนท้องหลายคนติดทานบ่อย ๆ จากการปรุงรสโดยใช้ น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือเครื่องปรุงรสเค็มอื่น ๆ  ซึ่งพฤติกรรมการกินแบบนี้เองที่อาจทำให้คุณแม่เกิดโรคไต และโรคความดันโลหิตสูงโดยไม่รู้ตัวจนอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงดีกว่า 3.อาหารรสหวาน สำหรับคุณแม่ที่ติดหวานคงจะขัดใจสักนิด เพราะไม่ว่าจะเป็นลูกอม ช็อกโกแลต หรือชอบเติมน้ำตาลในอาหารทุกครั้ง แต่เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์การหลีกเลี่ยงอาหารหวาน ๆ ย่อมดีกว่า เพราะหากคนท้องทานน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ จะทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเบาหวานที่เป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์ อีกทั้งน้ำตาลที่มากเกินความต้องการ ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใด แถมยังได้รับพลังงานที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย 4.เบเกอรี่ และขนมขบเคี้ยว ในความเป็นจริงอาหารพวกเบเกอรี่ล้วนมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วยแป้ง […]

เมื่อคุณแม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ถึงจะมีสุขภาพดีทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “เมื่อคุณแม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ถึงจะมีสุขภาพดีทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์” การดูแลสุขภาพในช่วงการตั้งครรภ์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และควรใส่ใจอย่างมาก เพราะคุณแม่ต้องคอยระมัดระวังอย่างมาก ถ้ากินหรือทำอะไรที่ไม่ควรจะกินเข้าไป มันจะไม่ได้ส่งผลแค่ตัวคุณแม่เท่านั้น แต่มันจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วย ดังนั้นคุณแม่จะต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้างนั้น บทความนี้มีมาฝากกัน เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง 1.ไปฝากครรภ์ในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล คุณแม่มือใหม่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ สิ่งแรกที่ควรทำคือ ไปฝากครรภ์ เพื่อให้คุณหมอตรวจสุขภาพร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งกับแม่หละลูก อีกทั้งการไปฝากครรภ์ยังได้รับคำแนะนำที่ดีจากคุณหมอ เพื่อให้คุณแม่มือใหม่ดูแลตัวเองและลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง 2.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และต้องมีประโยชน์ ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรมีประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกในครรภ์ และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารต่างๆที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวเองและเด็ก 3. ให้เริ่มรับประทานโฟลิคและวิตามินD การที่คุณแม่นั้นรับประทาน โฟลิค ในขั้นต้นกรดโฟลิคนั้นจะช่วยป้องกันการไม่ให้เด็กนั้นมีพัฒนาการด้านหลอดประสาทที่ผิดปกติ 4. เลิกการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนลง การที่คุณแม่นั้นดื่มกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน จะไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ แต่ถ้าคุณแม่นั้นดื่มกาแฟที่เข้มข้น และมีปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในระดับที่สูง จะส่งผลผ่านผนังรกไปสู่ทารกเช่นเดียวกับกับแอลกอฮอล์ได้ 5.หลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างในขณะที่ตั้งครรภ์ อาหารบางชนิดนั้นอาจทำให้ตัวคุณแม่เองหรือลูกน้อยในครรภ์เจ็บป่วยได้ ซึ่งรวมไปถึงชีสบางชนิด  เนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาดิบ ๆ และไข่ที่ปรุงไม่สุกด้วย 6.หยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีใครที่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นต้องดื่มไม่เกินเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย แต่ถ้าจะดื่มมันในช่วงที่ตั้งครรภ์ทางเลือกที่ดีที่สุดคืออย่าไปดื่มมันเลย […]

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่สบาย ต้องทำอย่างไรดี และยาประเภทไหนบ้างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทาน

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่สบาย ต้องทำอย่างไรดี และยาประเภทไหนบ้างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทาน” ในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ ตั้งระวังและต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วย เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ถ้าเกิดป่วยขึ้นมา การทานยานั้นก็อาจจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ด้วยเช่นกัน และยาชนิดไหนบ้างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรทาน บทความนี้มีมาฝากกัน อาการ ‘ไข้’ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยปกติแล้วคุณแม่ตั้งครรภ์มีโอกาสเป็นไข้ได้ง่ายเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ ซึ่งไข้คือปฏิกิริยาหนึ่งที่ร่างกายของคนเราแสดงออกมาเมื่อมีการติดเชื้อหรือมีอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย ฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณแม่ตั้งครรภ์มีไข้ ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังมีการติดเชื้อหรืออักเสบเกิดขึ้น จึงต้องรีบหาสาเหตุโดยเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อคุณแม่ไม่สบาย บางครั้งการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยหรืออาการไม่สบายที่ไม่รบกวนชีวิตประจำวันมากนัก คุณแม่ก็สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องไปพบคุณหมอ เช่น การเช็ดตัวเพื่อลดไข้ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น นอกจากนี้คุณแม่ยังสามารถกินยาสามัญทั่วไปเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยอย่างปลอดภัย  ได้แก่ – ไข้หวัด สามารถกินยาลดไข้พาราเซตามอล (ไม่เกิน 8 เม็ดหรือ 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานในขนาด 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือ 1 เม็ด 500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง) และยาลดน้ำมูกคลอเฟนิรามีน (ครั้งละ 1 เม็ด […]

คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรทานอาหารประเภทไหน ถึงจะดีต่อทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์

คู่มือสำหรับคุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรทานอาหารประเภทไหน ถึงจะดีต่อทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์” ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงจิตใจ และอารมณ์ของตัวคุณแม่เองด้วย ฉะนั้นเรื่องอาหารการกินจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะอาหารคือสิ่งสำคัญที่จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์อย่างมาก  ดังนั้นอาหารประเภทไหน ควรทานหรือไม่ควรทาน บทความนี้มีมาฝากกัน อาหารต่อคนท้องสำคัญแค่ไหน อาหารสำหรับคนท้อง เป็นอีกเรื่องสำคัญที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรใส่ใจ เพราะสารอาหารที่คุณแม่ได้รับ จะเป็นสิ่งเดียวกับที่ลูกจะได้รับไปด้วย คุณแม่ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารและวิตามินครบถ้วน เพื่อให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโต และเสริมสร้างพัฒนาการทุกด้านของทารกในครรภ์  อาหารคนท้อง ที่แม่ท้องควรรับประทาน นอกจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว สารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรให้ความใส่ใจ และเลือกกินมากเป็นพิเศษ มีดังต่อไปนี้ 1.อาหารที่มีโปรตีนสูง มีมากในเนื้อสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลิตภัณฑ์จากนม และไข่ เป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญเพราะถ้าคุณแม่ได้รับพลังงานไม่พอ ร่างกายจะดึงโปรตีนมาใช้แทน หากคุณแม่ได้รับโปรตีนไม่เพียงพออาจทำให้การพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ไม่สมบูรณ์ได้ 2.อาหารที่มี DHA สูง ดีเอชเอ (Docosahexaenoic Acid) คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาทางสมอง ดวงตา และระบบประสาท นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์บางอย่าง เช่น การคลอดก่อนกำหนด หรือโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้อีกด้วย อาหารที่มีดีเอชเอสูง […]

6 แคลเซียมเม็ดฟู่ สำหรับคุณแม่หลังคลอด ที่จะช่วยเสริมกระดูกให้แข็งแรง ลดอาการปวดหลังได้ดี

คู่มือสำหรับคุณแม่

แคลเซียมเม็ดฟู่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นมวลกระดูกเหลือลดต่ำลง แคลเซียมจึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะเข้ามาช่วยกอบกู้ให้ร่างกายและกระดูกของเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แคลเซียมยังมีหน้าที่ช่วยให้ระบบประสาท สั่งการ ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ และการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอีกด้วย ซึ่งถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการอาหารเสริมแคลเซียมคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ผู้ที่รับประทานเจ รวมไปถึงคุณแม่หลังคลอดที่ถูกดึงแคลเซียมไปใช้ในการสร้างกระดูกและฟันของลูกน้อย วันนี้ เราจึงมีแคลเซียมคุณภาพดีมาแนะนำ จะมียี่ห้อใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. DAS Gesunde Plus ความโดดเด่นของแคลเซียมแบรนด์นี้คือผลิตออกมาเพื่อให้มีรสส้ม ทานง่ายถูกปากแน่นอน ที่สำคัญมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยป้องกันกระดูกพรุนและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกเสื่อมในผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีของการทานแคลเซียมเป็นรูปแบบเม็ดฟู่คือร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ดีกว่าแบบที่ไม่ละลายน้ำ นั่นเอง 2. CDR calcium d redoxon แคลเซียมที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงของวัยเจริญเติบโต มีคุณสมบัติที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงนอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรที่มีแนวโน้มจะสูญเสียแคลเซียมมากกว่าคนทั่วไป เม็ดฟู่ CDR นี้ จะช่วยป้องกันการขาดแคลเซียมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินดี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามินดีวิตามินซีวิตามินซีและวิตามินบี 6 ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ดต่อวัน 3. Effer Calcium + Vitamin D เป็นแคลเซียมที่โด่งดังมากในประเทศเยอรมนี คุณสมบัติพิเศษของแคลเซียมยี่ห้อนี้คือจะมีส่วนผสมของวิตามินดีที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ดียิ่งขึ้น […]

6 เคล็ดลับ ทำอย่างไรให้คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอต่อความต้องการของลูก

คู่มือสำหรับคุณแม่

เคล็ดลับกระตุ้นน้ำนม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่สร้างความกังวลใจและทำให้เกิดภาวะเครียดสะสมในคุณแม่เป็นอย่างมากเลยทีเดียว กับปัญหาน้ำนมไม่ไหล น้ำนมไม่เพียงพอให้ลูกทาน หรือรวมไปถึงปัญหาลูกไม่ยอมเข้าเต้า โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่ทราบวิธีในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัญหาในเรื่องน้ำนมนี้ สามารถแก้ไขให้ไหลออกมาเพียงพอต่อความต้องการลูกได้ รวมถึงสามารถเพิ่มคุณค่าในทางสารอาหารให้กับน้ำนมได้อีกด้วย จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. ลูกไม่ยอมเข้าเต้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับคุณแม่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สามารถแก้ไขได้ แนะนำให้คุณแม่ลองเปลี่ยนวิธีการให้นมลูกให้ตรงเวลามากขึ้น เพื่อให้น้ำนมระบายออกได้สะดวกและเร็วขึ้น ลดปัญหาน้ำนมอุดตัน ทำให้นมไหลสะดวกทันใจลูกน้อยมากขึ้น หรือท่าหากปรับเปลี่ยนแล้วไม่ดีขึ้น ลองเปลี่ยนท่าให้นมลูกดู อาจช่วยลดอาการอึดอัดในเด็กลงได้ ที่สำคัญ บริเวณให้นมนั้นจะต้องสงบเงียบ ไม่มีเสียงรบกวนจะทำให้ลูกดูดนมได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน 2. นวดกระตุ้นน้ำนม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยเรียกน้ำนมได้ดีมาก การนวดเต้านมนี้ นอกจากจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย สบายเต้านมแล้ว ยังกระตุ้นให้น้ำนมไหลได้ดีมากขึ้น ลดการอุดตันในท่าอน้ำนม โดยเฉพาะคุณแม่ท่านไหนที่เต้านมคัด ท่อน้ำนมอุดตัน เกิดการบวดอักเสบ การนวดเต้าจะช่วยสลายไขมันที่อุดตันในท่อน้ำนมออกได้เป็นอย่างดี คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ใช้ฝักบัวที่เปิดด้วยน้ำอุ่น ฉีดวนเบาๆรอบๆเต้านมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายมากขึ้น หรือถ้าหากอุดตันหนักมาก แนะนำให้นวดเปิดท่อน้ำนม วิธีนี้จะช่วยเคลียร์เต้า สลายไขมัน ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมให้เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย 3. ลดความเครียดตัวการหลักที่ทำให้น้ำนมน้อย หากคุณแม่ท่านไหนรู้สึกว่าน้ำนมไหลน้อย ไม่พอให้ลูกทาน ลองสังเกตุและตรวจสอบพฤติกรรมทางด้านอารมณ์ของคุณดู หากมีภาวะวิตกกังวลหรือมีความเครียดสะสม จะไปลดการผลิตน้ำนมลง ดังนั้น แนะนำให้คุณแม่หาเวลาพักผ่อน หากรู้สึกมีความเครียด […]