แนะนำ นมสำหรับคนท้อง แบบไหนดี มีแคลเซียมสูง

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการบำรุงลูกน้อยในครรภ์คือ นม ซึ่งนมจะเป็นแหล่งเสริมแคลเซียมให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่การดื่มนมในขณะตั้งครรภ์นั้น จะต้องดื่มไม่มากเกินกว่าปกติที่เคยดื่มในช่วงก่อนตั้งครรภ์ เพื่อลดโอกาสที่ลูกจะแพ้นมวัวนั่นเอง และที่สำคัญ คุณแม่ต้องดื่มนมให้หลากหลาย สลับกันไป เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และช่วยลดโอกาสที่ลูกจะแพ้นมวัวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง โดยแคลเซียม ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะเป็นสารที่ลูกน้อยจะดึงไปสร้างมวลกระดูกในเจริญเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงนั่นเอง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน คุณแม่จึงควรได้รับแคลเซียมให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยปริมาณผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องการงั้นส่งถึงวันละ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม เลยทีเดียว วันนี้เราจึง มาแนะนำนมสำหรับคนท้อง ที่มีแคลเซียมสูง เพื่อให้คุณแม่ได้รับอย่างเพียงพอในแต่ละวันนั่นเอง จะมีนมประเภทไหนบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. นมวัว ถือเป็นนมที่นิยมทานมากที่สุดในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะนมที่ปราศจากไขมัน นมพร่องมันเนยที่มีรสชาติอร่อยให้กรดอะมิโนสูง ซึ่งกรดอะมิโนมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในนมวัวยังประกอบไปด้วยวิตามินอีสูงช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีวิตามินเอที่ช่วยในการมองเห็นและเสริมสร้างเนื้อเยื่อได้เป็นอย่างดีรวมถึงสามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้ด้วยเช่นกันโดยนมวัว 1 แก้วจะให้แคลเซียมกับคุณแม่ได้สูงถึง 240 mg 2. นมแพะ หลายคนอาจเคยได้ยินและเธอลองชิมกันมาบ้าง ซึ่งนมแพะนั้นหาซื้อได้ยากและมีราคาแพงกว่านมวัวแต่มีสารอาหารสูงมีให้เลือกทั้งแบบนมสดและแบบนม uht นมแพะจะให้โปรตีน รวมถึงมีไขมันต่ำและมีวิตามินบี 2 ที่สูงกว่านมวัว การดื่มนมแพะจึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญให้ร่างกายมีระบบการย่อยอาหารที่ดียิ่ง อีกทั้งยังมีวิตามินเอที่ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง โดยนมแพะ 1 แก้วจะให้แคลเซียมกับคุณแม่ได้ถึง […]
คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ การเตรียมตัวก่อนผ่าคลอด

หลังจากที่อุ้มท้องมานาน 9 เดือน ก็ถึงเวลาที่ลูกน้อยจะลืมตามาดูโลกภายนอกแล้ว เชื่อว่าแม่ๆทุกคนจะต้องมีอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมมา หนึ่งในนั้นคุณแม่จะต้องตื่นเต้นอย่างมากแน่นอน ซึ่งการคลอดลูกนั้น คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าจะคลอดธรรมชาติ หรือว่าจะผ่าคลอด ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ผสมผสานกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้แม่ๆไม่น้อยเลยทีเดียวที่เลือกวิธีการผ่าคลอด สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่กำลังเตรียมตัวผ่าคลอดอยู่นั้น วันนี้เรามีวิธีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าคลอดมาฝากกัน รวมถึงสิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียมให้พร้อมต้อนรับลูกน้อยที่จะลืมตาออกมาดูโลก จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. กระเป๋าเตรียมคลอด ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ คุณแม่ควรทยอยเตรียมกระเป๋าคลอดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งกระเป๋าเตรียมคลอดนั้นจะบรรจุของใช้ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ ลูกน้อย รวมถึงเอกสารที่จำเป็นที่ต้องยื่นให้กับโรงพยาบาลด้วย ซึ่งของใช้ส่วนตัวคุณแม่ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าอนามัย หวี ผ้าเช็ดตัว เสื้อชั้นในสำหรับให้นม ถุงเก็บน้ำนม เสื้อผ้าสำหรับใส่วันออกจากโรงพยาบาล เป็นต้น ของใช้ลูกน้อย อาทิ หมวก เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ผ้ารองฉี่ ผ้าห่อตัว อุปกรณ์อาบน้ำ เป็นต้น เอกสารสำคัญ อาทิ สมุดฝากครรภ์ บัตรโรงพยาบาล สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารสำหรับการแจ้งเกิดลูก เป็นต้น 2. […]
คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามพลาด กับ 6 สัญญาณเตือนใกล้คลอด

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายใกล้คลอด โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่จะต้องมีความกังวลและตื่นเต้นอย่างมากแน่นอน ซึ่งในช่วงนี้คุณแม่ต้องเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้อยู่ตลอดเวลา และระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ เพราะในช่วงนี้ร่างกายและทารกเตรียมพร้อมที่จะคลอดอยู่ตลดเวลา ซึ่งก่อนการคลอดนั้นมักมีสัญญาณเตือนให้คุณแม่ได้เตรียมตัว เตรียมความพร้อมที่จะได้เห็นลูกน้อยในครรภ์ลืมตาดูโลกครั้งแรก ซึ่งอาการก่อนคลอดนั้น มักเกิดขึ้นเตือนก่อนกำหนดคลอดไม่กี่สัปดาห์ จะมีอาการเตือนที่คุณแม่ต้องเฝ้าระวังใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. อาการเจ็บท้องเตือน เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว อาการเจ็บท้องเตือนนั้นเกิดจากมดลูกที่ขยายขนาดเต็มที่แล้วค่อยๆเคลื่อนต่ำลง สภาวะนี้คุณแม่จะรู้สึกว่ามีท้องแข็งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่บ่อยและถี่มากเท่ากับการเจ็บท้องจริง เมื่อนั่งพักแล้วจะรู้สึกดีขึ้น แตกต่างจากการเจ็บท้องจริงที่ปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย 2. อาการท้องลด ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ต้องเตรียมพร้อมที่จะคลอดลูกน้อยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสภาวะนี้ทารกได้มีการกลับหัวเคลื่อนต่ำลง จะสังเกตได้จากความสูงของยอดมดลูกที่ลดลง ทำให้คุณแม่รู้สึกหายใจได้โล่งสบายมากยิ่งขึ้น หากมีอาการนี้ในท้องแรกจะคลอดภายใน 1 เดือน แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในท้องหลังคุณแม่อาจคลอดทารกภายในไม่กี่วันที่จะถึงนี้ 3. มีมูกไหลออกมาทางช่องคลอด โดยปกติแล้วหญิงตั้งครรภ์บริเวณปากมดลูกจะมีเมื่อที่เรียกว่า mucus plug มูกนี้มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่มดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อร่างกายเข้าสู่กระบวนการคลอดปากมดลูกจะเริ่มเปิดและบางลงทำให้เมื่อกี้นี้หลุดออกมาซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าร่างกายใกล้คลอดแล้วและบางครั้งนี้อาจมาพร้อมกับเลือดฝนออกมาด้วย นอกจากนี้เมื่อร่างกายใกล้คลอดแล้วปากมดลูกเริ่มขยายมากขึ้นทำให้เส้นเลือดบริเวณปากมดลูกมีการแตกและมีมูกเลือดไหลปนออกมา หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ควรเตรียมตัวให้พร้อม 4. อาการเจ็บท้องคลอด สภาวะนี้คุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องคล้ายกับการเจ็บท้องหลอก แตกต่างกันตรงที่ อาการปวดนั้นรุนแรงกว่าหลายเท่า จะสังเกตได้ว่าถ้าคุณแม่มีอาการเจ็บท้องคลอดจะเจ็บถี่ต่อเนื่องกัน โดยอาการปวดนั้นจะปวดถี่ๆทุกๆ 10 นาที และมีอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนคลอด เมื่อนั่งพักก็ไม่คลายปวด อาจมาพร้อมกับอาการปวดยอดมดลูกและแผ่นหลัง หรือบางกรณีอาจมีมูกเลือดปนออกมาทางช่องคลอดด้วยเช่นกัน 5. ท้องเสีย […]
อาการคนท้องระยะแรกและสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังตั้งครรภ์

สำหรับใครที่กำลังวางแผนมีบุตรนั้น คงมีหลายคำถามสำหรับการตั้งครรภ์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่า อาการเริ่มแรกที่จะบ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์นั้นมีสัญญาณอะไรเตือนบ้าง ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่นั้นไม่เหมือนกัน อาการแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป โดยในช่วงสัปดาห์แรกนั้นคุณแม่อาจจะยังไม่มีอาการใดแสดงออกมากนัก บางคนมีอาการแพ้ท้องหนักมาก หรือในบางคนไม่เกิดอาการแพ้เลย วันนี้เราจึงรวบรวมอาการที่จะบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมาฝากกัน เพื่อการเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่มือใหม่ได้อย่างเป็นอย่างดี 1. ประจำเดือนขาด ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่อาจบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน โดยปกติแล้วจะมาใกล้เคียงกันทุกเดือน แต่ถ้าประจำเดือนขาดไปมากกว่า 10 วัน นั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะตั้งครรภ์ เพราะเมื่อเกิดการปฏิสนธิกันระหว่างไข่กับอสุจิ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อยับยั้งไม่ให้ผนังมดลูกนั้นหลุดลอกออกมากลายเป็นประจำเดือน เพราะจะเริ่มมีการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่ประจำเดือนขาดนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งครรภ์เสมอไป อาจขึ้นอยู่จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด ยาคุมกำเนิด หรือในบางคนอาจเป็นโรคที่มีผลต่อการขาดประจำเดือนได้ เช่น โรคของระบบต่อมไร้ท่อ เบาหวาน เป็นต้น 2. จมูกไวต่อกลิ่น เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ คุณจะมีอาการเหม็นหรือได้กลิ่นสิ่งรอบข้างแปลกๆจนอยากอาเจียนเช่นกินข้าวสุก กลิ่นแป้ง กลิ่นน้ำหอม คุณจะรู้สึกเหม็นมากผิดปกติอาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายที่มีมากเพิ่มขึ้นในขณะที่คุณกำลังท้องทำให้จมูกไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษหรือในบางคนอาจจะเหม็นสามีก็เป็นได้ 3. มีตกขาวมากผิดปกติ เมื่อมีการตั้งครรภ์ร่างกายจะปรับฮอร์โมนให้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่าปกติ รวมถึงตกขาว ที่จะเพิ่มขึ้นในปริมาณมากซึ่งลักษณะของตกขาวจะเป็นมูกเหลวสีขาวขุ่นหรือมีสีครีมซึ่งไม่ต้องตกใจไปถือเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างของเหลวขึ้นมาที่บริเวณปากมดลูกและช่องคลอดเพื่อหล่อลื่นบริเวณปากช่องคลอดอยู่แล้วเพียงแต่จะผลิตมากขึ้นคุณแม่ต้องดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นสม่ำเสมอ เพื่อลดความอับชื้นและลดโอกาสที่จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ ตกขาวที่มีลักษณะที่ผิดปกติเช่นมีสีเขียว สีเหลือง […]
6 อริยบถประจำวันสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ อัพเดท 2021

สำหรับใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่นั้น จะต้องพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างแน่นอน ในช่วงตั้งครรภ์นั้น มดลูกของคุณแม่จะค่อยๆขยายขนาดมากยิ่งขึ้น จนทำให้ไปกดอวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกายได้ จึงอาจส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวดเมื่อย หายใจไม่สะดวก และยิ่งในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย น้ำหนักตัวจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขาต้องรับน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปวดขามากกว่าปกติได้ ดังนั้นทุกอริยบถของคุณแม่จึงสำคัญ และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายทั้งสิ้น วันนี้เราจึงมีอริยบถในชีวิตประจำวันของคุณแม่ตั้งครรภ์มาแนะนำกัน เพื่อให้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง ลดอาการปวดเมื่อ ลงปได้มากเลยทีเดียว จะมีท่าใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. ท่ายืนของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อลดอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณแม่ไม่ควรยืนแอ่นหน้าท้องมากจนเกินไป จะทำให้บริเวณส่วนหลังนั้นรับน้ำหนักมากจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ปวดหลังได้ คุณแม่ควรทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่ส้นเท้าและกลางเท้า เพื่อให้น้ำหนักถ่ายเทได้อย่างสมดุล ลดอาการปวดเข่า ปวดกระดูก โดยสังเกตให้เข่าตึง หลังต้องตั้งตรง หน้าตรง ท่ายืนในลักษณะนี้จะช่วยลดอาการปวดหลังลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ท่าเดิน ของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น จะต้องเริ่มจากการยืนที่ถูกต้อง หลังตรง ขณะที่จะก้าวเดินออกนั้นให้ยืดหน้าท้องขึ้น จัดไหล่ให้ตั้งตรง แล้วจึงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ การขึ้นลงบันไดก็เช่นกัน จะต้องวางเท้าให้เต็มขั้นบันได เทน้ำหนักตัวลงที่กลางเท้า เพื่อกระจายน้ำหนักให้ได้อย่างสมดุล ใช้กล้ามเนื้อขายกตัวขึ้นในขณะที่หลังตั้งตรง โดยไม่เอนตัวไปด้านหน้ามากเกินไป 3. ท่านั่งของคุณแม่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่ต้องนั่งเก้าอี้เป็นเวลานานควรนั่งให้เต็มก้น วางเท้าลงบนพื้น หรือหากนั่งเก้าอีกแล้วรู้สึกว่าขาลอย ให้หาเก้าอี้ตัวน้อยมาวางพักเท้าจะให้ความรู้สึกว่านั่งสบายมากยิ่งขึ้น ขณะที่นั่งควรจัดหลังให้ตั้งตรงไหล่และสะโพกต้องชิดกับเก้าอี้ […]
คุณแม่ตั้งครรภ์ น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ถึงจะดีต่อลูกน้อยในครรภ์

สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่ อาจมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระดับฮอร์โมน อาการวิงเวียนศีรษะ แพ้ท้องหน้ามืด หรือรวมไปถึงในเรื่องของน้ำหนักตัว ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนน่าตกใจ ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวนั้นเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องทำความเข้าใจ และยอมรับ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของคุณแม่นั้น สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ สารอาหารที่คุณแม่ได้ทานเข้าไปนั้น ล้วนแล้วแต่ไปบำรุงลูกน้อยในครรภ์ทั้งนั้น ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์นี้คุณแม่ต้องปล่อยใจสบายๆ ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของน้ำหนักตัว เมื่อคลอดลูกน้อยออกมาแล้วนั้น ก็มีโอกาสที่จะกลับไปน้ำหนักตัวเท่าเดิมได้เช่นกัน วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวของคุณแม่มาฝากกัน ว่าในช่วงตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสนั้น ควรเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ถึงจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ สำหรับใครที่สนใจนั้น ไปติดตามข้อมูลกันได้เลย ในช่วงการตั้งครรภ์ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในช่วงตั้งครรภ์นี้ ร่างกายจะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน เพื่อใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อให้กับลูกน้อย อาหารที่คุณแม่ท้องควรทานเพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวให้กับลูกน้อย ควรเน้นเป็นอาหารสดใหม่ที่ได้จากธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งน้อย หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องหรืออาหารสำเร็จรูป โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ วันละ 5-6 มื้อ โดยเน้นเป็นโปรตีนเพื่อช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับลูกน้อย คุณแม่ก็จะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งคุณแม่สามารถคำนวณ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดเพื่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ โดยคำนวณจากดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ คำนวณจาก น้ำหนักตัว หารด้วยส่วนสูง ยกกำลังสอง จะได้ดัชนีมวลกายก่อนการตั้งครรภ์ เช่น หากก่อนตั้งครรภ์คุณแม่มีน้ำหนักตัวปกติ (18.5-24.9) น้ำหนักตัวที่เพิ่มจากการตั้งครรภ์ควรเท่ากับ โดยในช่วงไตรมาสที่ […]
5 เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ยี่ห้อไหนดี อัพเดท 2021

ถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก เชื่อว่าครั้งแรกที่คุณแม่ได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยในครรภ์จะต้องรู้สึกพิเศษจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อย่างแน่นอน แล้วจะดีแค่ไหนถ้าหากเราได้ยินเสียงหัวใจลูกน้อยเต้นในทุกๆวัน เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกจะสามารถตอบโจทย์ความรู้สึกของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วหัวใจของทารกในครรภ์จะเริ่มเต้นครั้งแรกเมื่อมีอายุประมาณ 5 สัปดาห์ ซึ่งอัตราการเต้นจะอยู่ประมาณ 80-85 ครั้งต่อนาที และจะค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น เมื่ออายุครรภ์เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง โดยคุณแม่จะสามารถได้ยินเสียงหัวใจของลูกน้อยเต้นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ 10 หรือ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจวัดเสียงหัวใจของลูกน้อย คือตอนตื่นนอนภายใน 30 นาที หลังอาหารกลางวันภายใน 1 ชั่วโมง และครึ่งชั่วโมงก่อนนอน เป็นต้น วันนี้เราจึงรวบรวมเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกที่มีคุณภาพมาฝากกัน จะมียี่ห้อใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. Jumper Angelsoundsรุ่น JPD-100S หลักการใช้งานของเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกเครื่องนี้โดยการเคลื่อนที่ช้าๆเพื่อตรวจจับการเต้นของหัวใจของลูกน้อย คุณแม่สามารถฟังเสียงหัวใจของลูกผ่านทางหูฟังได้หรือสามารถใช้สาย data ต่อกับลำโพงก็ได้เช่นกัน ซึ่งคุณแม่สามารถบันทึกเสียงหัวใจของลูกผ่านทางเครื่องบันทึกเสียง รุ่นนี้ใชแบตเตอรี่ขนาด 9 V เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 14-16 สัปดาห์ขึ้นไป เครื่องนี้ราคาประมาณ 2,500 บาท 2. JDP100s6+ รุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นหลัก มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่มีระบบการประมวลผลออกมาในรูปแบบตัวเลขและกราฟ ให้คุณฟังเสียงหัวใจได้ชัดมากยิ่งขึ้นด้วยลำโพงเสียงดังฟังชัดที่แถมมากับตัวเครื่อง ใช้งานง่าย […]
6 เข็มขัดพยุงครรภ์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยลดอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี อัพเดท 2021

เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่คุณแม่หลังคลอดจะต้องมีไว้ใช้ ซึ่งสำคัญและจำเป็นมาก โดยเฉพาะแม่ผ่าคลอด เนื่องจากเข็มขัดพยุงครรภ์นี้จะช่วยทำหน้าที่ดึงหรือรั้งหน้าท้องเราไว้ไม่ให้ห้อยหรือย้อยไปกดทับแผลผ่าตัด มีประโยชน์ช่วยลดอาการเจ็บแผลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยพยุงหลังให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม ลดอาการปวดหลังได้อีกด้วย และที่สำคัญจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้ไวมากยิ่งขึ้น หน้าท้องกระชับไว ไม่หย่อนคล้อยนั่นเอง สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการเลือกซื้อเข็มขัดคือขนาดจะต้องเหมาะสมกับหน้าท้อง ไม่คับหรือแน่นจนเกินไป ต้องสามารถปรับระดับความกระชับได้ วัสดุที่ใช้ผลิตจะต้องมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ระคายเคืองผิว และต้องระบายอากาศได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายคือจะต้องสามารถทำความสะอาดได้ง่ายไม่ยุ่งยาก วันนี้เราจึงรวบรวมเข็มขัดพยุงครรภ์ที่มีคุณภาพสูงมาฝากกัน จะมีแบรนด์ใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เข็มขัดพยุงครรภ์ Jumper Kids เป็นเข็มขัดที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่น สามารถปรับระดับความกระชับได้ตามต้องการ มาในขนาดไซต์ XXL สามารถช่วยพยุงท้อง สามารถช่วยลดการแตกลายของผิวที่เกิดจากการยืดขยายและหดของหน้าท้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยพยุงหลัง ช่วยลดอาการปวดหลังได้อีกด้วย รุ่นนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ช่วยให้คุณสวมใส่สบายไม่อึดอัด และสามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ราคาประมาณ 300 บาท 2. เข็มขัดพยุงครรภ์ No Brand ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยลดอาการปวดหลังและเอวโดยเฉพาะ เข็มขัดสามารถปรับระดับความกระชับได้ สวมใส่สบาย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้อึดอัด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดการแตกลายของผิวหน้าท้องที่ขยายอย่างรวดเร็วได้ ใช้ได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดเลย โดยมีความยาวก่อนยืดประมาณ 110 เซนติเมตร ราคา […]
เทคนิคสำหรับ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อัพเดท 2021 เพื่อการเลี้ยงลูกน้อยอย่างมีคุณภาพ

การปรับตัวหรือเปลี่ยนสถานะมาเป็นคุณแม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว คุณจะต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตให้เติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งระหว่างทางนั้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลายคนประสบกับปัญหามากมาย แต่เพื่อลูกน้อยของเราแม่ๆย่อมอดทนได้เสมอไม่ว่าจะผ่านเรื่องร้ายแรงแค่ไหน โดยเฉพาะคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องแบกรับหน้าที่ที่สำคัญนี้ไว้เพียงคนเดียว อาจมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อหันไปเจอลูก แม่ๆย่อมมีแรงฮึดสู้ขึ้นมากเลยทีเดียว แต่สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ไม่ต้องเศร้าหรือกังวลใจไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาฝากกัน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นแรงผลักดันให้คุณแม่ได้มีกำลังใจอดทน และสู้กับปัญหา เพื่อลูกน้อยต่อไป 1. พูดคุยกับคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับคุณ การได้ระบายหรือมีคู่คิดที่ดีที่กำลังประสบกับปัญหาชีวิตในด้านเดียวกัน จะทำให้เราได้เห็นถึงมุมองใหม่ๆที่จะช่วยในการแก้ปัญหาที่เราพบเจอในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี พาตัวเองและลูกออกไปพบกับสังคมใหม่ๆที่ใช้ชีวิตเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน วิธีนี้จะทำให้คุณเลี้ยวลูกอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น 2. วางแผนล่วงหน้าไว้เสมอ การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แน่นอนว่าจะหันไปพึ่งพาใครก็สามารถทำได้ยาก เราจึงต้องมีแผนสำหรับอนาคตอยู่เสมอ เมื่อเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้รับความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที หรืออาจจะตั้งกลุ่มไลน์เฉพาะกิจไว้เลย เพื่อความอุ่นใจ เมื่อต้องการความช่วยเหลือจะได้ไลน์หาผู้ที่ไว้วางใจได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนั่นเอง 3. เตรียมของใช้ของลูก สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ให้รีบเตรียมข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูกไว้เลย เพื่อที่จะไม่เกิดความวุ่นวายหลังจากที่คลอดลูกแล้ว เพราะถ้าหากคลอดลูกแล้วเราจะต้องคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา แม่ไม่มีเวลาที่จะไปซื้อของเครื่องใช้ได้อย่างแน่นอน 4. ดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง อยู่เสมอนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากเลยทีเดียว เพราะคุณแม่จะต้องเก็บแรงไว้เลี้ยงลูกน้อย ยิ่งช่วง 1-3 เดือนแรก จะเป็นช่วงที่คุณแม่จะต้องเหนื่อยมากๆ ต้องเจอกับอุปสรรคปัญหาต่างๆมากมาย ในช่วง 3 เดือนแรกลูกน้อยจะยังตื่น หรือนอนไม่เป็นเวลา อาจทำให้แม่นั้นต้องลุกกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง ทำให้อดนอน อ่อนล้าได้ 5. […]
แนะนำ 5 เรื่องที่ คุณแม่มือใหม่ ควรรู้ 2021 เพื่อเตรียมความพร้อมเลี้ยงลูกน้อยอย่างมีคุณภาพ

เราไม่สามารถเป็นคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบได้ทั้งหมดทุกเรื่อง แต่เราสามารถพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้ สำหรับใครที่กำลังเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่อยู่นั้น จะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไว้อย่างมากเพื่อที่จะเลี้ยงลูกน้อยให้ออกมาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบที่สุด ยิ่งเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่แล้วล่ะก็ จะต้องหาความรู้เพิ่มเติมอีกมากเลยทีเดียว พอเมื่อถึงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปในทันที คุณจะต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลก และต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่คุณไม่เคยเจอมาก่อนในการเลี้ยงลูก วันนี้เราจึงมีวิธีในการเตรียมความพร้อมในการเป็นคุณแม่มือใหม่ที่คุณควรรู้มาฝากกัน 1. คุณไม่ได้ใช้ชีวิตคนเดียวอีกต่อไป เป็นเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ต้องยอมรับและเข้าใจกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ว่าคุณจะต้องเลี้ยงดูอีกหนึ่งชีวิต คุณต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของหน้าที่ที่ต้องเพิ่มมากขึ้น มีเวลาส่วนตัวในชีวิตของตนเองน้อยลง 2. ผมร่วง เป็นอีกหนึ่งอาการที่คุณแม่หลังคลอดจะต้องเจออย่างแน่นอน ให้คุณแม่เตรียมใจไว้เลยว่าคุณแม่จะต้องพบกับภาวะผมร่วงอย่างหนัก ก็ไม่ต้องตกใจไป ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หลักๆเลยคือร่างกายของคุณแม่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนนี้จะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นผมทำให้เกิดผมร่วง หรืออาจเกิดจากร่างกายขาดสารอาหารที่สำคัญเช่น ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ก็สามารถทำให้ผมหลุดร่วงได้ ซึ่งภาวะผมร่วงนี้จะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการนวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันธรรมชาติ นวดศีรษะด้วยเจลว่านหางจระเข้ หวีผมให้น้อยลง รวมไปถึงการทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ก็จะช่วยลดอาการผมร่วงลงได้ 3. อดนอน ไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว สำหรับคุณแม่มือใหม่ ยิ่งระยะเวลา 1-3 เดือนแรก เป็นช่วงการปรับตัวของทั้งคุณแม่และลูกน้อย ทำให้ต้องเรียนรู้พฤติกรรมและการใช้ชีวิตร่วมกันมากพอสมควร รวมถึงคุณแม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกให้นมลูกทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ทำให้ชั่วโมงการนอนนั้นน้อยลง ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณแม่จะต้องเตรียมรับมือและเตรียมปรับตัวเพื่อให้การเลี้ยงลูกนั้นเป็นเรื่องสนุกและมีความสุขมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 4. ความสัมพันธ์ของคุณและสามีอาจมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเวลาทั้งหมดคุณทุ่มเทให้กับลูกน้อย บางคนดูแลลูกจนถึงขั้นไม่มีเวลาพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความโรแมนติกที่เคยมีกับคุณสามีเลย […]