คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ การเตรียมตัวก่อนผ่าคลอด

หลังจากที่อุ้มท้องมานาน 9 เดือน ก็ถึงเวลาที่ลูกน้อยจะลืมตามาดูโลกภายนอกแล้ว เชื่อว่าแม่ๆทุกคนจะต้องมีอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมมา หนึ่งในนั้นคุณแม่จะต้องตื่นเต้นอย่างมากแน่นอน ซึ่งการคลอดลูกนั้น คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าจะคลอดธรรมชาติ หรือว่าจะผ่าคลอด ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ผสมผสานกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้แม่ๆไม่น้อยเลยทีเดียวที่เลือกวิธีการผ่าคลอด สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่กำลังเตรียมตัวผ่าคลอดอยู่นั้น วันนี้เรามีวิธีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าคลอดมาฝากกัน รวมถึงสิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียมให้พร้อมต้อนรับลูกน้อยที่จะลืมตาออกมาดูโลก จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

1. กระเป๋าเตรียมคลอด

ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ คุณแม่ควรทยอยเตรียมกระเป๋าคลอดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งกระเป๋าเตรียมคลอดนั้นจะบรรจุของใช้ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ ลูกน้อย รวมถึงเอกสารที่จำเป็นที่ต้องยื่นให้กับโรงพยาบาลด้วย ซึ่งของใช้ส่วนตัวคุณแม่ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าอนามัย หวี ผ้าเช็ดตัว เสื้อชั้นในสำหรับให้นม ถุงเก็บน้ำนม เสื้อผ้าสำหรับใส่วันออกจากโรงพยาบาล เป็นต้น ของใช้ลูกน้อย อาทิ หมวก เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ผ้ารองฉี่ ผ้าห่อตัว อุปกรณ์อาบน้ำ เป็นต้น เอกสารสำคัญ อาทิ สมุดฝากครรภ์ บัตรโรงพยาบาล สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารสำหรับการแจ้งเกิดลูก เป็นต้น

2. เตรียมร่างกายก่อนผ่าคลอด

ในการเตรียมตัวก่อนผ่าคลอดนั้น คุณแม่จะต้องไปเตรียมความพร้อมของร่างกายที่โรงพยายบาล อย่างน้อย 1 คืน เพื่อที่คุณหมอจะทำการอธิบายขั้นตอนการผ่าคลอด การเตรียมตัวที่ถูกวิธี รวมถึงการอธิบายวิธีการดมยาสลบหรือวิธีการบล็อคหลัง เป็นต้น ซึ่งก่อนวันผ่าตัดนั้น คุณแม่ต้องมีการงดน้ำ งดอาหารภายในระยะเวลาที่แพทย์กำหนด นอกจากนี้ยังมีการทำความสะอาดและกำจัดขนบริเวณที่ผ่าตัดด้วย รวมถึงมีการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และใส่สายสวนปัสสาวะเตรียมก่อนเข้าห้องผ่าตัด 

3. การให้ยาเพื่อทำคลอด

นั้น สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นวิธี ฉีดยาชาเข้าที่บริเวณไขสันหลัง หรือจะใช้วิธีดมยาสลบแทน โดยส่วนใหญ่แล้วคนมักนิยมใช้เป็นวิธีการฉีดยาชาเข้าที่ไขสันหลังกัน เนื่องจากเป็นอันตรายต่อทารกน้อยที่สุด คุณแม่จะต้องเตรียมใจว่าจะมีอาการชาเฉพาะที่ส่วนล่าง ตั้งแต่เอวจนถึงปลายเท้า ในส่วนของวิธีดมยาสลบนั้น ส่วนมากมักใช้ในกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากยาสลบจะทำให้ไปกดการหายใจของทารกนั่นเอง

4. เตรียมใจหลังการผ่าตัด

คุณแม่จะต้องเตรียมใจยอมรับถึงความเจ็บปวดบาดแผลที่จะเกิดขึ้นหลังยาชาหมดฤทธิ์แล้ว โดยภายหลังผ่าตัดเสร็จแล้วจะต้องมีการประเมินความเจ็บของบาดแผล หากคุณแม่ปวดแผลมากกว่าปกติ สามารถขอยาแก้ปวดเพิ่มได้ โดยคุณแม่จะได้รับยาแก้ปวดผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยลดอาการปวดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

5. อาการหลังผ่าคลอด

อีกอาการหนึ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมใจพบกับอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลังผ่าตัด ซึ่งหากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ก็ไม่ต้องตกใจไป ถือเป็นเรื่องปกติ รวมถึงอาการคันตามร่างกายที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากมีอาการมากก็สามารถแจ้งแพทย์เพื่อให้ยาตามความเหมาะสมได้

6. การรับประทานอาหารหลังจากผ่าคลอด

แล้วนั้น หากแพทย์ตรวจสอบอาการแล้วปกติ สามารถจิบน้ำหรือในช่วงแรกนั้นลำไส้ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก จึงแนะนำให้รับประทานเป็นอาหารเหลวก่อนในเบื้องต้น แล้วค่อยขยับมาเป็นอาหารอ่อนๆเพื่อให้ลำไส้ได้มีการปรับตัวและเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดอาการท้องผูกที่อาจเกิดขึ้นนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าก่อนการผ่าตัดคลอดนั้นคุณแม่ต้องเตรียมทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อม รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ เพราะหลังจากที่ผ่าคลอดแล้ว คุณแม่จะต้องนอนพักฟื้น เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว อีกทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นหลังผ่าคลอด ดังนั้นหากคุณแม่เตรียมตัวเตรียมใจไปดี ก็สามารถช่วยลดความกังวลลงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ