5 เทคนิคการเลี้ยงลูก ตอบโจทย์ในยุคสมัยปัจจุบัน

คู่มือสำหรับคุณแม่

เมื่อคุณกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นั้นจะต้อง ทำความเข้าใจว่าทุกคนล้วนเกิดมาอยู่ในยุคสมัยที่แตกต่าง ทำให้ระบบความคิดและการอบรมสั่งสอนที่ถูกต้องนั้นแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อคุณมีลูกน้อยเป็นของตัวเองแล้ว ก็ต้องอยากเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด อยากดูแลเขาให้เจริญเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด และประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา การอบรมสั่งสอนในรูปแบบเก่าหรือตามฉบับตายายนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์ของการเลี้ยงดูในปัจจุบันเท่าที่ควร คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อยับยั้งกระบวนการคิดและลดปัญหาการเป็นคุณพ่อคุณแม่หัวโบราณ โดยเลี้ยงลูกตามคุณหมอเพื่อให้เขาเจริญเติบโตมาเป็นเด็กที่มีคุณภาพ และมีสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ พร้อมเผชิญกับสังคมในทุกรูปแบบ วันนี้เราจึงมีเทคนิคในการเลี้ยงลูก และส่งเสริมให้ลูกนั้นเจริญเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยความคิดแนวใหม่ และยับยั้งการเป็นคุณพ่อคุณแม่หัวโบราณ จะมีเทคนิคใดบ้างและจะติดตามไปเลย  1. คุณพ่อคุณแม่ควรรับฟังปัญหาของลูกให้จบ เมื่อเกิดปัญหาใดก็ตามสิ่งแรกที่คุณพ่อควรปฏิบัติต่อลูกน้อย คือการรับฟังปัญหาของลูกให้จบก่อนที่จะตัดสินลูก เพราะแน่นอนว่าเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ลูกนั้นไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีเพียงคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นที่พร้อมจะรับฟังเขา และเป็นที่ปรึกษาให้เขา ซึ่งการรับฟังรูปนั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความไว้วางใจให้กับลูกแล้วยังช่วยให้ลูกเป็นคนกล้าที่จะเล่าปัญหาต่างๆให้เรารับฟังอีก จะทำให้เราได้รู้ถึง กระบวนการความคิดของลูกและสั่งสอนลูกได้ถูกทางนั้นเอง 2. ทำความเข้าใจในตัวตนของลูกผ่านมุมมองของลูก เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราควรทำความเข้าใจในตัวเขาผ่านทางมุมมองของความเป็นเด็ก ไม่ใช่มองในมุมมองของผู้ใหญ่ที่อยากจะให้เขาเป็นในแบบที่เราต้องการ การปฏิบัติวิธีนี้จะทำให้เรารู้และเข้าใจในความเป็นตัวตนของเขาได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการมองในมุมมองของลูกนั้นจะช่วยให้เรารับมือและจัดการกับปัญหาต่างๆได้ง่ายและตรงจุดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 3. เคารพสิทธิ์ของลูก คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องไม่ยึดแนวคิดว่า ลูกคือสมบัติของเรา เพราะเด็กทุกคนที่เกิดมาล้วนแล้วต้องการใช้ชีวิตในรูปแบบของตน ต้องการความเป็นอิสระ ต้องการเป็นตัวของตัวเอง หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ดีคือการเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยไม่จำกัดกรอบ โดยไม่บังคับลูกให้เติบโตมาในรูปแบบที่เราต้องการ คุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่คอยปกป้องและ ประคองค้ำจุนให้ลูกนั้นเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เขาออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง 4. ย้อนเวลานึกถึงเราตอนยังเป็นเด็ก แน่นอนว่าทุกคนมีช่วงเวลาในวัยเด็กด้วยกันทั้งนั้น ตอนเด็กเราอยากให้พ่อแม่ใส่ใจเราขนาดไหน หรืออยากได้ความรักในรูปแบบไหน […]

5 ช่วงวัยของเด็ก จะได้รับประโยชน์จากกิจกรรมทางดนตรีที่แตกต่างกัน

คู่มือสำหรับคุณแม่

คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าเสียงดนตรีนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับลูกน้อยเป็นอย่างมาก ดนตรีเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน ซื้อตัวนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยชูใจที่ทำให้เราเพลิดเพลินแล้วแต่ยังมีประโยชน์ ต่อพัฒนาการทางด้านต่างๆของเด็กเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็กในวัยทารกจะช่วยส่งเสริมทักษะทางด้านดนตรีให้ลูก ได้เป็นอย่างดีซึ่งเด็กที่มีดนตรีในหัวใจจะช่วยให้เขามีปัญหากันทั้งด้านต่างๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแตกต่างจากเด็กทั่วไป ซึ่งประโยชน์ของดนตรีกับพัฒนาการของลูกนะจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย ดนตรีจะมีประโยชน์กับช่วงวัยไหนบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. เด็กในวัย 4-8 เดือน ชื่นชอบเป็นอย่างมากกับ เสียงดนตรีกุ๊งกิ๊ง โดยของเล่นแนะนำได้แก่กองใบเล็ก กระดิ่ง ลูกแซก เป็นเครื่องเล่นที่มีเสียง เมื่อเขย่า จะช่วยเสริมสร้างเชาว์ปัญญา เด็กในวัยนี้กิจกรรม ทางด้านดนตรี จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้โดยการจัดของเล่นและเครื่องดนตรีที่มีเสียงกุ๊งกิ๊ง หรือเครื่องดนตรีที่เป็นประเภทตีกระทบ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะวางเครื่องดนตรีเหล่านี้ไว้ใกล้ๆตัวของลูก การเขย่าหรือการขอเครื่องดนตรีนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ถามว่าพูดคำศัพท์ 2-3 คำประกอบกับการเขย่าอยู่เครื่องดนตรีเหล่านั้นจะช่วยให้ลูกนั้นเรียนรู้ผ่านเสียงดนตรีได้เป็นอย่างดี 2. เด็กในวัย 8 ถึง 12 เดือน  เครื่องดนตรีที่เหมาะสมสำหรับลูกคือ ไซโลโฟน คีย์บอร์ด หรือเครื่องดนตรีที่ กด เป่า ตี แล้วมีเสียง ถือเป็นกิจกรรมทางดนตรีที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยนี้ ของเล่นประเภทนี้จะช่วยให้ลูกนั้นเรียนรู้เสียงของดนตรีได้ด้วยตัวเอง จะทำให้เขาตื่นตาตื่นใจและสนุกสนานกับเสียงดนตรีนี้ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถทำกิจกรรมร่วมกับลูกโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่างให้เด็กเรียนแบบทั้งในด้านของเสียง ดัง เบา และความเร็ว ช้าของจังหวะดนตรี จะทำให้ลูกนั้นเกิดความรู้สึกท้าทายมากยิ่งขึ้น 3. เด็กในวัย 1-2 ขวบ  การเล่นดนตรีตามจังหวะเพลงด้วยการเขย่า […]

5 ประโยชน์ ของการเล่นบทบาทสมมติ ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คู่มือสำหรับคุณแม่

การเป็นเด็กกล้าแสดงออกนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างลักษณะนิสัยของลูกให้เป็นเด็กที่กล้าแสดงออกได้ด้วยการเล่นบทบาทสมมติ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีประโยชน์และพัฒนาทักษะที่หลากหลายให้กับลูกได้เป็นอย่างดี หากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่กำลังประสบปัญหากับลูกน้อยพูดอยู่เพียงลำพังหรือเล่นกับตุ๊กตา หรือไม่มีทักษะการเข้าสังคมที่ดี รวมไปถึง ไม่กล้าแสดงออก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเด็กในวัยกำลังเรียนรู้ ซึ่งการเล่นบทบาทสมมุตินั้นจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้อีกแบบหนึ่งในการกล้าแสดงออกหรือสามารถช่วยพัฒนาทักษะทางด้านภาษา อารมณ์ ความจำ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์และการเข้าสังคมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมประโยชน์ของการเล่นบทบาทสมมติมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ทราบ การเล่นบทบาทสมมุตินี้จะสามารถช่วยพัฒนาทักษะใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. พัฒนาทักษะทางด้านภาษา การเล่นบทบาทสมมุติจะช่วยให้ลูกน้อยรู้จักใช้คำที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นรู้จักการพูดจาในหลากหลายรูปแบบ ยิ่งเขาได้เล่นเป็นตัวละครที่มีหลายบทบาทมากเท่าไหร่จะยิ่งช่วยพัฒนาการทางระดับภาษามากขึ้นเท่านั้น เช่นการชวนลูกเล่นเป็นชาวต่างชาติหรือลองเรียนแบบภาษาต่างๆหรือพยายามออกสำเนียงให้คล้ายกับเจ้าของภาษาให้ได้มากที่สุดจะทำให้ลูกพัฒนาทักษะในด้านภาษาได้เป็นอย่างดี 2. พัฒนาทางด้านความจำ การเล่นบทบาทสมมุตินี้จะช่วยให้เขาจดจำและพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลของลูกให้ดียิ่งขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีการแสดงจำเป็นจะต้องมีการวางแผน โดยกระบวนการทั้งหมดจะถูกกลั่นกรองออกมาจากสมองของเด็กทำให้เขามีความคิดที่เป็นระบบอยู่ตลอดเวลา ว่าเขาจะแสดงออกมาในลักษณะไหน เช่นการจำบทบาท จำสิ่งของที่ต้องใช้ในตัวละครนั้นๆ เป็นต้น ดังนั้นการเล่นบทบาทสมมุติจึงช่วยพัฒนาการทางด้านความจำได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 3. พัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์ การเล่นบทบาทสมมุตินี้จะช่วยให้ลูกน้อยนั้นเข้าใจถึงอารมณ์ในรูปแบบต่างๆ นักแสดงออกมาทางสีหน้าหรือท่าทาง เช่นอารมณ์ไหนที่ลูกกำลังเสียใจ กำลังโกรธ หรือกำลังมีความสุข การเล่นเช่นนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจกิริยาของลูกได้ง่ายยิ่งขึ้น และเข้าถึงอารมณ์ของลูกได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง รวมถึงลูกจะสามารถการแสดงอารมณ์ให้รับรู้ตามความต้องการของเขาได้มากยิ่งขึ้น ไม่กลายเป็นเด็กเก็บกด นี่ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับตัวเด็ก 4. พัฒนาด้านความคิดสร้างสรรค์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคสมัยนี้ต้องการเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก การเล่นบทบาทสมมุตินี้จะช่วยต่อยอดจินตนาการของเขาให้ออกมาเป็นภาพหรือเป็นเสียงรวมไปถึงการส่งผ่านทางด้านร่างกายและสติปัญญาให้ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะที่เขาต้องการได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้เขามีความคิดที่อยากจะรังสรรค์ตัวละครออกมาให้สนุก และแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น ด้วยความคิดสร้างสรรค์นี้จะเกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกหรือตามจินตนาการของเขานั่นเอง 5. พัฒนาทางด้านสังคม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก การที่ลูกกล้าแสดงออกและรู้จักการวางตัวให้เป็นอยู่ในแต่ละบทบาทจะช่วยให้เขามีความกล้าที่จะพูดกับผู้อื่นมากยิ่งขึ้น รู้จักการเข้าหาและปรับตัวให้เป็นธรรมชาติกับผู้อื่น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเขาเจริญเติบโตขึ้นมาจะทำให้เขามีสังคมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น […]

5 เคล็ดลับ เพิ่มความสูงให้กับลูกน้อยอย่างได้ผล

คู่มือสำหรับคุณแม่

เมื่อพูดถึงความสูงแล้วก็เชื่อว่าแม่ทุกคนต้องอยากให้ลูกนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่แข็งแรงฉลาดและมีบุคลิกภาพที่ดี  และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เด็กนั้นมีบุคลิกภาพที่ดีเป็นอันดับต้นๆเลยนั่นก็คือในเรื่องของความสูง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสูงนั้นมีอีกคนต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่าง ความสูงนั้นเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน เช่นในเรื่องของอาชีพการงาน ที่ใช้ความสูงเป็นเกณฑ์ในการรับเข้าทำงาน  เช่น แอร์โฮสเตส ตำรวจ ทหาร เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าอาชีพเหล่านี้อาจเป็นอาชีพในฝันของเด็กๆหลายๆคน วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการเพิ่มความสูงให้กับลูกน้อยมาฝากกัน ซึ่งวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นรับรองว่าใช้แล้วได้ผล นอกจากจะเพิ่มความสูงให้กับลูกได้แล้วยังช่วยให้ลูกนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้อีกด้วย จะมีวิธีใดบ้าง ไปติดทางไปเลย 1. ชวนลูกออกกำลังกาย วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ลูกฝึกมีการเข้าสังคมที่ดีแล้ว ยังส่งผลดีกับสุขภาพของลูกได้อีกด้วย การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ลูกนั้นสูงได้  การออกกำลังกายนี้นอกจากจะช่วยให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรงแล้วยังช่วยเพิ่มกิจกรรมในครอบครัวเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของสถาบันครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกๆออกกำลังกายง่ายๆได้เช่นการชวนลูกเต้นแอโรบิค ก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยนี้ พอได้เคลื่อนไหวร่างกายทุกวันอย่างสม่ำเสมอและไม่หนักจนเกินไป ที่สำคัญการออกกำลังกายควรทำติดต่อกันอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเป็นประจำจะช่วยให้ลูกนั้นสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หรือหาครอบครัวไหนอยากให้ลูกสูงไวๆลองให้ลูกกระโดดเชือก กระโดดแทมโพลีน หรือแม้กระทั่งกระโดดแตะก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ช่วยเพิ่มความสูงได้ 2. ชวนลูกเข้านอนก่อน 3 ทุ่ม ถือเป็นช่วงเวลาการนอนที่ดีและเพียงพอสำหรับลูกวัยกำลังโตเพราะช่วงนั้นร่างกายกำลังจะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่า Growth hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและเรื่องของพัฒนาการให้สมบูรณ์สมวัย ที่สำคัญฮอร์โมนนี้ยังช่วยกระตุ้นให้กระดูกของลูกเจริญเติบโตมากขึ้นในแนวยาวได้อีกด้วย จึงทำให้ลูกมีความสูงที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง  3. ทานโปรตีน เช่นเนื้อ นม และไข่ นอกจากจะให้ลูกทานอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่แล้วหากอยากให้ลูกน้อยมีความสูงที่เพิ่มมากขึ้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเน้นที่อาหารที่ทำมาจากโปรตีนเนื้อสัตว์เช่น นม ไข่ เนื่องจากโปรตีนจากสัตว์เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ต่างจากโปรตีนจากพืช อาหารเหล่านี้จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพสูงสุดนั่นเอง ซึ่งโปรตีนจากพืชส่วนมากมักขาดกรดอะมิโนที่จำเป็นบางชนิด […]

5 เคล็ดลับ ในการเลี้ยงลูกอย่างไรให้มีพฤติกรรมที่น่ารัก ไม่ให้เป็นเด็กหัวโจก

คู่มือสำหรับคุณแม่

เมื่อลูกถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนไปเจอกับสังคมใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าอีกหนึ่งปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่นั้นกังวลใจคือการเข้าสังคมและการมีเพื่อนที่ดี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจเคยเห็นสถานการณ์เรื่องของการทำร้ายร่างกายกันภายในโรงเรียนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมรุนแรงเหล่านี้เกิดจากการเลี้ยงดูและเกิดจากสถาบันครอบครัวเป็นหลัก คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกไปทำร้ายใครเช่นเดียวกัน ดังนั้นหน้าที่ที่สำคัญคือการอบรมบ่มนิสัยของลูกให้มีพฤติกรรมที่น่ารัก ไม่เกเร และไม่ทำร้ายผู้อื่นก่อนจนกลายเป็นเด็กหัวโจกนั่นเอง  วันนี้เราจึงมี 5 เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กน่ารัก จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. ใส่ใจลูกให้มากขึ้น สถาบันครอบครัวและการเลี้ยงดูคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กที่เป็นหัวโจกนั้นเมื่อมองรากฐานนิสัยของเขาแล้วจะพบว่าการที่เขาทำร้ายคนอื่นเป็นเพราะว่าการทำเช่นนี้จะได้รับการยอมรับจากเพื่อน และจะมีความโดดเด่นกว่าคนอื่น ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเขากำลังรู้สึก ขาดความอบอุ่น จึงอยากจะได้รับการเติมเต็มๆจากเพื่อน ซึ่งแน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากสถาบันครอบครัวนั้นเอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เวลาคุณภาพกับลูกให้มากที่สุด ใส่ใจเขาให้มาก ให้ลูกรู้สึกว่าบนโลกนี้เขายังมีคนที่รักและปรารถนาดีกับเขามากที่สุด 2. อย่าตามใจลูกจนเกินไป แน่นอนว่าการตามใจตลอดเวลานั้นไม่ใช่การแสดงความรักที่ถูกต้อง อีกทั้งการตามใจตลอดเวลานั้นอาจส่งผลร้ายกับเด็กโดยตรง เพราะนั่นอาจทำให้เขาเรียนรู้ว่าเขาจะทำอะไรพ่อแม่ก็ตามใจอยู่แล้ว ไม่เคยขัดใจถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ตาม ลักษณะนิสัยแบบนี้ถือเป็นอันตรายสำหรับเด็กอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องปลูกฝัง และบ่มนิสัยของลูกตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ควรตามใจมากจนเกินไป จนเขาติดเป็นนิสัย 3. ไม่ควรเข้าข้างลูกในทุกเรื่อง คุณพ่อคุณแม่บางคนรักมืดมากจนมองข้ามข้อเสียของลูกไป มองแต่ด้านดีของลูก ซึ่งนั่นถือเป็นการให้ท้ายและทำให้ลูกนั้นได้ใจหากทำผิดคุณพ่อคุณแม่ก็ยังเข้าข้าง จนลูกมีพฤติกรรมทำผิดจนเป็นนิสัยไม่รู้ผิดชอบชั่วดี หน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่คือการอบรมสั่งสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำ หากทำผิดก็ต้องได้รับโทษ หรือหากทำถูกต้องจะได้รับคำชมเชยเป็นต้น การสั่งสอนลูกเช่นนี้จะช่วยแก้พิธีกรรมที่ไม่ดีของลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กร้านจะยิ่งส่งผลดีให้กับเขาในอนาคตภายหน้า 4. เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าลูกเป็นเงาสะท้อนของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะเด็กเรียนรู้พฤติกรรมการเลียนแบบจากคนสนิทใกล้ชิดกับเขามากที่สุด การที่เขาได้เห็นพฤติกรรมอะไรซ้ำซ้ำบ่อยๆเขาจะคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แล้วเขาจะเลียนแบบจนติดเป็นนิสัย เช่นพ่อแม่ชอบพูดคำหยาบใส่กัน หนูก็จะคิดว่าคำหยาบนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นเรื่องปกติที่คนเราพูดต่อกัน หรือหาพ่อแม่มีนิสัยชอบทะเลาะทำร้ายร่างกายกัน […]

5 เคล็ดลับในการดูแลผิวของลูกน้อย ให้สะอาดและสุขภาพดี

คู่มือสำหรับคุณแม่

การอาบน้ำชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่ร่างกายของลูกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก เด็กๆส่วนมากมักจะไม่ค่อยชอบอาบน้ำกันสักเท่าไหร่นะกว่าจะพาอาบได้ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะลูกเคยอาบน้ำแล้วเจอเหตุการณ์ที่ฝังใจหรือรู้สึกไม่สบายตัว จึงทำให้รู้สึกไม่อยากอาบน้ำนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามการดูแลรักษาความสะอาดร่างกายของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยปละละเลย วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการอาบน้ำและดูแลผิวของลูกมาฝากกัน ซึ่งเทคนิคที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นจะช่วยเปิดประสบการณ์ในการอาบน้ำของลูกใหม่ ที่มีความอ่อนโยน อีกทั้งยังสนุกไปกับการอาบน้ำอีกด้วยพร้อมทั้งบำรุงผิวพรรณของลูกน้อยให้สุขภาพดี จะมีเคล็ดลับใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. อาบน้ำโดยใช้น้ำอุ่นที่กำลังพอดี การอาบน้ำนอกจากจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากตัวลูกแล้วยังนับเป็นช่วงเวลาที่จะสามารถสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วยถึงแม้เวลาจะสั้นแต่มีความหมายอย่างมาก โดยการอาบน้ำลูกน้อยนั้นเราควรใช้น้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิกำลังดีหรือใช้น้ำอุณหภูมิห้อง เพราะถ้าหากน้ำร้อนเกินไปจะทำให้ผิวของลูกสูญเสียความชุ่มชื้น  ซึ่งความสูงที่ใช้ในการอาบน้ำลูกนั้นไม่ควรเกินระดับเอว เราไม่ควรให้ลูกแช่อยู่ในน้ำนานเกิน 10 นาทีเพราะอุณหภูมิของน้ำจะค่อยๆลดลง  และอาจทำให้ลูกนั้นหนาวการอ่านการเป็นประสบการณ์การอาบน้ำที่ไม่ดีแล้วฝังใจของลูกไปเลยก็ได้  2. ช่วยนวดศีรษะของลูก ขณะสระผมจะทำให้ลูกนะรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น โดยศีรษะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เหงาออกเยอะมากเป็นพิเศษหากไม่ได้สระผมก็จะทำให้เกิดการหมักหมมและมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ลูกอาจจะรู้สึกไม่สดชื่นและไม่สบายตัว อีกหนึ่งสาเหตุที่เด็กๆไม่ชอบสระผมแม่นก็อาจเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์น้ำเข้าตา หรือแชมพูเข้าตาทำให้รู้สึกแสบจนกลายเป็นพฤติกรรมฝังใจนั่นเอง แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการนวดศีรษะของลูกน้อยนั้นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น แล้วจะทำให้ลูกนั้นรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวได้มากเลยทีเดียว 3. ใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนสำหรับผิว ซึ่งผิวของเด็กๆนั้นจะบอบบางเป็นพิเศษเพราะฉันผิวของลูกยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ คุณพ่อคุณแม่จึงควรหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีความอ่อนโยนต่อผิวของลูกน้อย  ส่วนประกอบที่ใช้ควรได้จากสารสกัดธรรมชาติ  organic และ ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้สำหรับลูก ปราศจากเหมือนกันเสีย สารเพิ่มความหนืด และสารที่ทำให้เกิดฟอง จะช่วยรักษาสมดุลของผิวและช่วยปกป้องแบคทีเรียประจำถิ่นบนผิวของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ทั้งสระผมและอาบน้ำในเวลาเดียวกันจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้มากเลยทีเดียว  4. นวดตัวด้วยโลชั่นที่มีกลิ่นหอม คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการนวดตัวลูกเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการนวดตัวยังมีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสุขภาพและอารมณ์ให้กับลูกได้เป็นอย่างดี เพราะการสัมผัสเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงความรักได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้กินหอมจากโลชั่นจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านระบบประสาทสัมผัสทางจมูกช่วยให้ลูกน้อยและผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นได้ 5. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับช่วงวัย ช่วงวัยของลูกนั้นมีความสำคัญในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นอย่างมาก เพราะเด็กในแต่ละช่วงวัย จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่นเด็กแรกเกิด 0-12 […]

5 กิจกรรมสร้างสรรค์ ที่อยู่บ้านก็ชวนลูกสนุกได้ พร้อมพัฒนาทักษะทางด้านต่างๆของลูกอย่างครบครัน

คู่มือสำหรับคุณแม่

ช่วงนี้เด็กปิดเทอมถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาทองที่คุณพ่อคุณแม่จะได้รังสรรค์กิจกรรมต่างๆมาเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยและช่วยกระชับความสัมพันธ์กันภายในครอบครัวได้มากยิ่งขึ้น การเล่นกิจกรรมต่างๆกับลูกน้อยจะช่วยให้เขามีพัฒนาการและทักษะการดำเนินชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกทั้งยังช่วยสร้างความไว้วางใจ ช่วยให้เขาเปิดเผยความเป็นตัวตนให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างครบถ้วน เช่นการพาไปเที่ยว หรือเล่นกิจกรรมเสริมทักษะต่างๆนอกบ้าน จะทำให้เขาได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และช่วยฝึกฝนพัฒนาการทางด้านสมองให้ดีได้ยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงมี 5 กิจกรรมสร้างสรรค์ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกน้อง  กิจกรรมสร้างสรรค์ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกน้อยและ ช่วยให้เขาฝึกฝนทักษะทางด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีกิจกรรมใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. สร้างสนามเด็กเล่นในบ้าน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็กๆจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบอลที่เจ้าตัวเล็กจะได้วิ่งเล่นทั้งวันโดยคุณสามารถยกบอกบอลมาไว้ในบ้านได้ หากบ้านไหนมีคอกกั้นเป็นนวมแบบนั้นก็ง่ายเลยเพียงแค่สั่งซื้อรางวัลพลาสติกมาใส่ไว้ในบ่อให้เต็ม เราก็จะเนรมิตบ่มวนไว้ให้ลูกๆได้เล่นที่บ้านได้อย่างง่ายๆ อีกทั้งยังสะอาดปลอดภัย ให้ลูกๆได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่กันได้เลย 2. เล่านิทาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมง่ายๆที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นกับลูกได้ ซึ่งการเล่านิทานนั้นมีประโยชน์มากๆเลยทีเดียวคุณพ่อคุณแม่จะใช้ช่วงเวลาทองเหล่านี้ ด้วยการเล่านิทานที่สอดแทรกคุณธรรม หรือคติสอนใจบางอย่าง การเล่านิทานจะช่วยพัฒนาทักษะการฟังและการจับใจความให้กับลูกได้เป็นอย่างดีบางครั้งเราอาจจะสลับให้ลูกเป็นคนอ่านบ้างจะช่วยพัฒนาทักษะในการอ่านและการเล่าเรื่องไปในตัวอีกด้วย นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถที่จะใช้บทบาทสมมติเป็นตัวละครในนิทานเพื่อเสริมสร้างจินตนาการให้กับลูกได้อีกด้วย 3. ทำอาหารแสนอร่อยด้วยกัน การทำอาหารถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้ใช้เวลาร่วมกัน โดยคุณพ่อคุณแม่อาจหาเมนูอาหารง่ายๆมาสอนลูกในวันหยุดเช่น การทำวุ้น ในรูปสัตว์ต่างๆ หรือช่วยให้ลูกเป็นผู้ช่วยเตรียมอาหารหรือหยิบจับสิ่งของเล็กๆน้อยๆจะทำให้เขารู้สึกของการมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของการทำกับข้าวในมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี การทำอาหารร่วมกันจะช่วยให้ลูกน้อยเปิดกว้าง ได้เห็นมุมมองใหม่ๆและสนุกกับการทำได้มากยิ่งขึ้น 4. ชวนลูกเล่นของเล่นเสริมพัฒนาการ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุกและเด็กๆชื่นชอบเป็นอย่างมาก การเล่นของเล่นนั้นนอกจากจะสนุกแล้วยังมีประโยชน์ได้พัฒนาทักษะในหลากหลายด้านได้ยินดีด้วยคุณพ่อคุณแม่อาจเลือกของเล่นเสริมพัฒนาการลูกน้อยชื่นชอบเช่น ตัวต่อไม้ ตัวต่อเลโก้หรือของเล่นที่มีเสียงต่างๆเพราะจะช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างจินตนาการให้กับลูกได้เป็นอย่างดี รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ยังสามารถใช้เวลาร่วมกันได้มีความสุขมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 5. วาดรูประบายสี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เด็กๆจะชื่นชอบเป็นอย่างมากเพียงแค่มี กระดาษกลับสีก็สามารถสนุกร่วมกันได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการวาดรูประบายสีนั้นมีประโยชน์ต่อเจ้าตัวน้อยเป็นอย่างมากเพราะจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กและช่วยให้ลูกมีจินตนาการก้าวไกลได้อีกด้วย เวลาที่ลูกวาดรูประบายสีจะเป็นการแสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาคุณพ่อคุณแม่จะลงไปนั่งเล่นหรือว่าเป็นเรื่องเป็นราวกับลูกสลับกันว่าสลับกันระบายสีก็สามารถช่วยสร้างสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัวได้อีกด้วย ซึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆที่เรานำมาฝากกันในวันนี้นั้นล้วนแล้วแต่มีประโยชน์และสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับครอบครัวได้ทุกๆครอบครัว ซึ่งกิจกรรมที่เรานำมาฝากนั้นสามารถเล่นด้วยกันได้อย่างง่ายดาย […]

4R  หลักในการดูแลลูกน้อย ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี เสริมสร้าง EF ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คู่มือสำหรับคุณแม่

สำหรับคุณพ่อคุณแม่การพัฒนาทักษะ EF สำหรับเด็กนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากในการเลี้ยงลูกน้อยให้มีพัฒนาการที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสินใจ และการวิเคราะห์ ต่างๆซึ่งหากลูกน้อยนั้นได้รับพัฒนา EF มากก็จะยิ่งช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะมีคำถามว่าการพัฒนา EF นั้นจะเป็นการยัดเยียดให้เจ้าตัวเล็กงั้นรีบโตและมีความคิดแบบผู้ใหญ่เร็วเกินไปหรือไม่ ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลใจของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายๆคน วันนี้เราจะมาแนะนำหลักการปฏิบัติง่ายๆเพื่อเสริมสร้างให้ลูกมี EF ได้อย่างธรรมชาติ โดยไม่ต้องเกิดการบังคับ ไปพร้อมกับการเรียนรู้อย่างมีความสุข ด้วยหลัก 4R จะมีวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. หลักพัฒนาทักษะ EF คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงสงสัยว่า EF คืออะไร  ซึ่ง มีชื่อเต็มว่า Executive Functions หรือเรียกในความเข้าใจง่ายๆว่าหลักทักษะการบริหารจัดการตนเอง  ซึ่งการพัฒนา EF คือการพัฒนาความคิดของสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ  คือการพัฒนาความคิดของสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ ความรู้สึก และการกระทำ เมื่อเด็กมี EF สูงก็จะช่วยให้เขามีพัฒนาการทางด้านเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้นซึ่งถือเป็นหลักพื้นฐานในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนั่นเอง  หลัก EF นี้จะส่งผลให้ธนาคารในเรื่องของการตัดสินใจได้อย่างเฉียบแหลมและมีความคิดสร้างสรรค์รวมถึงมีความเชื่อมั่นในตนเองอีกด้วย 2. 1R ( Respect) การให้เกียรติลูก เป็นอย่างแรกเลยที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ควรแสดงออกให้ลูกเห็นว่าเราให้เกียรติเขาและสนใจเขาอยู่เสมอ เมื่อเราทำให้ลูกรู้สึกว่าเราเคารพในความเป็นเขาเขาจะเรียนรู้การให้เกียรติคนอื่นเช่นกัน ซึ่งถือเป็นลักษณะนิสัยที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ อย่างไรก็ตามการปลูกฝังนิสัยนี้ ไม่ใช่การตะโกนสั่งหรือรีบบอกให้ทำตามที่เราต้องการ แต่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเข้าถึงตัวและพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจกับลูกจะทำให้เขารับรู้ถึงการให้เกียรติในตัวเขานั่นเอง […]

7 เคล็ดลับ เตรียมพร้อมลูกน้อยให้มีอนาคตที่ดีในแบบที่ลูกต้องการ 

คู่มือสำหรับคุณแม่

ความชอบและความฝันของเด็กๆนั้นเป็นสิ่งที่สวยงาม การได้ปล่อยให้เขาเดินตามทาง ที่ได้ฝันไว้จะทำให้เขาเกิดกระบวนการเรียนรู้และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้คือการช่วยสนับสนุนในความฝันของลูกอย่างเต็มที่ วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการเตรียมพร้อมลูกน้อยให้ออกไปสู่โลกกว้างตามหาความฝันที่จะช่วยสร้างอนาคตที่ดีในแบบที่ลูกต้องการได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่กำลังมองหาวิธีการสอนลูกให้ลูกมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ วันนี้เรามีมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. คิดตามเหตุได้ตามผล คุณพ่อคุณแม่ที่จะส่งเสริมให้ลูกทำตามความฝันว่ามีอนาคตที่ดีได้เริ่มจากการฝึกให้ลูกคิดเองและทำตามเหตุผลเป็นหลักเป็นการเสริมสร้างสมองให้ลูกรู้จักคิดและตัดสินใจภายใต้เหตุผล โดยไม่ทำตามอารมณ์ เมื่อลูกโตขึ้น เขาจะสามารถจัดการกับอารมณ์และกำกับพฤติกรรมของตนเองได้ หลักการสอนนี้จะส่งผลต่อเนื่องกลายเป็นพฤติกรรมในระยะยาวของลูกไปจนโต 2. เรื่องของลูกนั้นสำคัญเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่หลักคือคอยสนับสนุนเรื่องเล็กๆรวมถึงเรื่องใหญ่ของลูกอยู่เสมอ โดยอาศัยความเข้าใจกันภายในครอบครัว ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะบ่งบอกถึงการเอาใจใส่และการเทคแคร์ความรู้สึกของลูกไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ทุกเรื่องของลูกนะสำคัญไม่ต่างกัน มาทำให้ลูกไว้วางใจได้ลูกจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้คุยกับพ่อแม่ แล้วเขาจะยอมบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกของเขาให้เราฟังนั่นเอง 3. พูดคุยกับลูกด้วยเหตุผลโดยไม่ใช้อารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะการสื่อสารที่ดีของคุณพ่อคุณแม่และมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตของลูกเป็นอย่างมาก เพราะหากพ่อแม่สื่อสารกับรูปแบบไม่เข้าใจกันจะทำให้เกิดปัญหาระยะยาว และทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว ดังนั้นคำพูดจึงมีความสำคัญและอ่อนไหวต่ออารมณ์ความรู้สึกเป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่จะต้องระมัดระวังคำพูดโดยไม่ใช้อารมณ์กับลูก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อใดที่ต้องสั่งสอนลูกต้องไม่ใช้อารมณ์ และใช้เหตุผลเป็นหลัก คำนึงถึงความรู้สึกของลูกให้มากที่สุด 4. ใช้ความสงบสยบความดื้อ เมื่อลูกเริ่มเกเรหรืองอแงให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ความเงียบสงบ โดยไม่สนใจลูกจะทำให้ลูกนั้นได้เรียนรู้และเข้าใจได้ว่าหากเขาทำแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่จะไม่สนใจเขา วิธีนี้จะช่วยให้เด็กไม่ทำตามใจตัวเองมากจนเกินไป ซึ่งเป็นทักษะการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต 5. ทุกคนมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ การสอนให้ลูกฝึกฝนให้มีความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กๆนั้นเป็นประโยชน์และจะช่วยให้เขาเกิดการเรียนรู้และมีประสบการณ์ได้มากยิ่งขึ้น สอนให้เขารับผิดชอบกับเรื่องง่ายๆเช่นการอาบน้ำให้ตรงเวลา ทานข้าวให้ตรงเวลา มีหน้าที่เลี้ยงสัตว์ เก็บที่นอนเป็นประจำเป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขาเกิดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รวมถึงเขาสามารถแบ่งความสำคัญและจัดการเวลาได้อย่างลงตัวมากยิ่งขึ้น 6. พ่อแม่เป็นต้นแบบของลูก ลูกมักจะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็กดังนั้นสำคัญและจำเป็นอย่างมากคุณไม่ควรทะเลาะกันหรือพูดคำหยาบต่อหน้าลูก เพราะจะทำให้ลูกจดจำและเลียนแบบพฤติกรรมของคุณในอนาคต  7. ฟังความคิดเห็นของลูก […]

6 items เด็ด แนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ต้องมีติดบ้านไว้ ได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน

คู่มือสำหรับคุณแม่

สำหรับใครที่กำลังเป็นคุณแม่มือใหม่อยู่นั้นการเลี้ยงลูกสักคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือเป็นเด็กที่มีคุณภาพมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามช่วงวัยนั้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่เป็นอย่างมาก ซึ่งจะต้องอาศัยประสบการณ์และระยะเวลาในการปรับตัวที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกน้อย แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่มีตัวช่วยที่ดีจะช่วยให้การเลี้ยงลูกนั้นง่ายยิ่งขึ้น และช่วยให้เขาเติบโตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง สำหรับวันนี้เราจึงมี 5 ไอเทมเด็ดที่เหล่าแม่ๆนิยมมีติดบ้านไว้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเลี้ยงลูกน้อยจะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. เป้อุ้มเด็ก เรียกได้ว่าทุกบ้านที่มีลูกน้อยจะต้องมีเป้อุ้มเด็กอย่างน้อย 1 ชิ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมหลักที่สำคัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เป้อุ้มเด็กนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี โดยที่คุณแม่ไม่ต้องมานั่งเมื่อยหลังหรืออุ้มให้เมื่อยแขนกันเลยทีเดียว เป้อุ้มเด็กนี้สามารถพกพาได้สะดวกเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สำหรับคุณแม่มือใหม่หากมีติดบ้านไว้ได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน 2. รถเข็นเด็ก หากวันไหนคุณแม่อยากพาลูกน้อยไปเที่ยวชิลนอกบ้าน สิ่งที่ต้องมีติดไว้แล้วจะต้องได้ใช้งานอย่างแน่นอนคือรถเข็นเด็ก หาคุณแม่ใช้รถเข็นเด็กจะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยนั้นได้เที่ยวชิวเพลินๆกันได้นานยิ่งขึ้น รถเข็นนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่เป็นอย่างมาก นอกจาก แต่ใช้พาเดินเล่นชิวๆแล้วยังสามารถใช้เป็นที่นอนให้กับลูกน้อยได้อีกด้วย อีกทั้งภายในรถเข็นยังมีชั้นที่สามารถวางสัมภาระของลูก ช่วยให้คุณแม่นั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น 3. เก้าอี้ทานข้าว เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะต้องมีติดบ้านไว้ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกได้แล้วเก้าอี้ทานข้าวยังช่วยฝึกนิสัยการทานข้าวที่ดีให้กับลูกได้อีกด้วย เคยสงสัยกันไหมคะว่าเด็กญี่ปุ่นเวลาทานข้าวนั้นเขาจะมีระเบียบวินัยในการทานเป็นอย่างมาก จะไม่เดินไปทางไป  จะทานข้าวเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะเด็กญี่ปุ่นถูกฝึกนิสัยมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดีจะช่วยให้ลูกมีระเบียบวินัยตั้งแต่เด็กๆ 4. กระเป๋าเก็บความเย็น คุณแม่หลายท่านคิดว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก แต่กระเป๋าเก็บความเย็นนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างมากหากคุณพ่อคุณแม่จะต้องเดินทางไกล  ซึ่งอาจจะประสบกับปัญหานมบูดได้ง่าย ยิ่งหากเจออากาศร้อนแบบเมืองไทยแล้วเราก็จะยิ่งทำให้นมนั้นมีอายุอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งกระเป๋าเก็บความเย็นนี้จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ไปได้มากเลยทีเดียว เปรียบเสมือนตู้เย็นขนาดเล็กเลยก็ว่าได้ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่มีกระเป๋านี้จะอุ่นใจในทุกการเดินทางอย่างแน่นอน 5. เครื่องดูดฝุ่นกำจัดฝุ่นละออง ฝุ่นเป็นตัวร้ายที่ทำให้ก่อให้เกิดภูมิแพ้ในเด็ก ยิ่งอากาศสมัยนี้แล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก ฝุ่นละอองที่เรามองไม่เห็นหากสูดดมเข้าไปในร่างกายแล้ว อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ในเด็กและมีผลต่อระบบหายใจทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งฝุ่นละอองตัวร้ายนี้ปะปนอยู่กับอากาศส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเครื่องดูดฝุ่นจึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะช่วยให้คุณนั้นไม่คุ้มกระจายทั่วบ้าน และคุณแม่สามารถทำความสะอาดบ้านได้อย่างง่ายดายและประหยัดเวลาไปได้มากเลยทีเดียว 6. ของเล่นชิ้นโปรดสำหรับลูกน้อย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ […]