บทความนี้ขอแนะนำ “หมอนข้างเด็กจำเป็นไหม เลือกหมอนข้างเด็กแบบไหนให้เหมาะกับลูกน้อย” หมอนข้างก็เปรียบเสมือนเพื่อนซี้คู่ใจที่อยู่ข้างกายของลูกน้อยในขณะที่กำลังนอนหลับ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าตัวน้อยรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย แต่คุณพ่อคุณแม่น่าจะยังไม่ทราบว่า วิธีเลือกหมอนข้างเด็กที่ดีควรเลือกยังไง เพื่อให้มีความเหมาะสมกับลูกน้อย บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน
หมอนข้างเด็กจำเป็นสำหรับลูกน้อย
ถ้าถามถึงความจำเป็นต้องมีไหม ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและวิธีการเลี้ยงของแต่ละบ้าน แต่ถ้าถามว่าหมอนข้างช่วยอะไรได้บ้างนั้น บอกเลยข้อดีก็มีอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นการจัดท่านอนที่เหมาะสมด้วยหมอนข้างเด็กเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกน้อยหลับสนิท ช่วยลดปัญหาการผวากลางดึกได้อย่างดี นั่นเพราะการมีหมอนข้างวางไว้ใกล้ตัวจะให้ความรู้สึกอบอุ่นคล้ายกับถูกโอบกอด ช่วยป้องกันการนอนกลิ้งได้
อีกทั้งการใช้หมอนข้างหนุนหัวเข่าให้มีตำแหน่งเสมอหรือสูงกว่าสะโพกในยามนอนนั้น จะช่วยลดอาการเกร็งกล้ามเนื้อและเป็นการจัดระเบียบร่างกายทางอ้อม จึงทำให้ลูก ๆ ที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างหลับสบายกว่านอนตะแคงปกติ
วิธีเลือกหมอนข้างเด็กอย่างไรให้เหมาะสม
1.เลือกจากขนาด เนื้อสัมผัส และสีสัน
สำหรับวิธีการเลือกหมอนข้างเด็กวิธีแรกที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่คำนึงถึงนั่นก็คือ ควรเลือกหมอนข้างจากขนาด เนื้อสัมผัส และสีสันที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก ๆ เพราะว่าเด็ก ๆ ในแต่ละวัยจะมีพฤติกรรม และ ลักษณะการนอน รวมถึงความสามารถในการพลิกตัวที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งการเลือกหมอนข้างเด็กที่ดีต้องมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกอึดอัด หลับไม่สบาย อีกทั้งหมอนข้างที่มีขนาดใหญ่จะทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถโอบกอดได้อีกด้วย และต้องมีความนุ่มเพื่อให้เด็ก ๆ รู้สึกปลอดภัยสบายใจในการกอด ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยหลับสบายตลอดทั้งคืน ไม่ผวา หรือ สะดุ้งตื่นกลางดึก
2.เลือกจากวัสดุของหมอนข้าง
วัสดุที่นำมาทำหมอนข้างเด็กนั้น จะต้องเป็นวัสดุที่ไม่ตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือเป็นที่หมักหมม ซึ่งบางวัสดุอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ ส่วนใหญ่จะนิยมใช้วัสดุดังต่อไปนี้มาใช้ทำไส้หมอนข้าง
– ใยไมโครเจล โดยใยไมโครเจลที่นำมาผลิตเป็นหมอนข้างจะทำมาจากใยสังเคราะห์ ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับใช้ทำเครื่องนอนเท่านั้น โดยจะเหมาะมาก ๆ เพราะว่าจะช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ที่มาจากขนสัตว์ อาทิ เช่น หมอนข้างที่ทำมาจากขนเป็ด หรือ ขนไก่ เพราะหมอนข้างที่ทำมาจากขนสัตว์นอกจากจะสามารถก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้แล้วยังเป็นหมอนข้างที่ฝุ่น ไรฝุ่น รวมถึงละอองสิ่งสกปรกเล็ก ๆ เกาะติดได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งหมอนข้างที่ทำมาจากใยไมโครเจลจะมีความนุ่ม คืนรูปง่าย ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ สามารถนำมาซักได้
– ยางพารา และสำหรับวัสดุที่นิยมนำมาทำหมอนข้างเด็กชนิดสุดท้ายนั่นก็คือยางพารา ซึ่งจุดเด่นของยางพารา คือมีความยืดหยุ่นสูงแต่สามารถคงรูปทรงเดิมได้ดี จึงทำให้หมอนข้างไม่บี้ หรือ แบนเมื่อใช้ไปนาน ๆ อีกทั้งยังไม่จับตัวเป็นก้อน ช่วยลดการเกิดกลิ่นอับ รวมถึงไม่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ไรฝุ่น หรือ เชื้อโรคที่เป็นตัวการในการทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เพราะด้วยเนื้อของยางพาราจะมีความเรียบเนียนไม่มีซอกให้สิ่งสกปรกเหล่านี้เข้าไปเกาะติดนั่นเอง
– ใยสังเคราะห์อื่น ๆ ในกลุ่มใยสังเคราะห์ที่นิยมนำมาใช้ไส้หมอนข้าง หรือเครื่องนอนส่วนใหญ่มักเป็นใยโพลีเอสเตอร์ เพราะมีคุณสมบัติทนทาน ไม่ดูดซับความชื้น น้ำหนักเบา มีความนุ่ม แต่เส้นใยชนิดนี้หากซักไม่ถูกวิธีจะทำให้จับกลุ่มเป็นก้อนและไม่ฟู
3.เลือกปลอกหมอนข้างที่ทำความสะอาดง่าย
ปลอกหมอนข้าง จะสัมผัสกับเด็ก ๆ โดยตรง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกปลอกหมอนข้างที่ทำความสะอาดง่าย และสามารถถอดซักได้บ่อย ผึ่งแดดฆ่าเชื้อโรคได้ทั่วถึง โดยการเลือกปลอกหมอนข้างควรเลือกใช้วัสดุดังนี้
– ผ้าฝ้าย มีคุณสมบัติที่ดูดซับความชื้น ระบายอากาศได้ดี ทนความร้อน ฆ่าเชื้อโรคได้หลังจากการซัก หากเลือกใช้ผ้าฝ้ายควรทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการสะสมและความชื้น
– ผ้าเยื่อไผ่ :เป็นผ้าที่ถูกผลิตขึ้นจากเยื่อไผ่หรือใยไผ่ ซึ่งมีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดี มีกลิ่นอับน้อยกว่าผ้าฝ้าย สามารถซักทำความสะอาดได้ง่าย
– ผ้าSpandex เป็นผ้าที่ถักทอจากเส้นใยสังเคราะห์ เนื้อละเอียดยืดหยุ่น ทนต่อการเสียดสี ทำให้หมอนข้างเด็กที่สวมปลอกหมอนชนิดนี้สามารถยืดหรือบิดงอได้ เนื้อผ้าไม่แข็งกระด้าง และไม่ดูดซับความเปียกชื้นมากเกินไป ทำให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
บทส่งท้าย
การเลือกหมอนข้างสำหรับเด็ก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจคือ หมอนหรือปลอกหมอนต้องไม่เก็บฝุ่น เพราะจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการภูมิแพ้ได้ หากลูกน้อยได้หลับสบายตลอดวันหรือตลอดคืน เมื่อลูกตื่นมาก็จะสดใส พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในทุกวันค่ะ ส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ