บทความนี้ขอแนะนำ “อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ ต้องฝึกต้องสอนเขาด้วยวิธีไหนดี” ภาษาอังกฤษถือว่าเป็นภาษาสำคัญสำหรับเด็กๆ ในปัจจุบัน เป็นภาษาที่สามารถเปิดโอกาสในด้านต่างๆ ให้กับเด็กๆ ได้ ทั้งการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต แต่หากคุณพ่อคุณแม่อย่างเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน คุณแม่ไม่ถนัดเอาเสียเลย จะมีวิธีการสอนลูกให้เก่งหรือรู้ภาษาได้อย่างไร
อยากให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ พูด อ่าน เขียน ได้คล่องต้องทำอย่างไร
การจะให้เด็กเรียนรู้ภาษาได้ดีนั้นยิ่งเริ่มได้เร็ว ความสามารถในการพูดภาษาที่สองก็ยิ่งมีมากขึ้น โดยเฉพาะก่อนอายุ 3 ขวบเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และไม่ควรช้าเกิน 7 ขวบ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงควรเริ่มต้นทันที แม้คุณพ่อคุณแม่จะไม่เก่งภาษาก็สามารถทำได้เช่นกัน
1.คุณพ่อคุณแม่ต้องเลิกพูดว่า “ฉันอ่อนภาษา”
หากคุณพ่อคุณแม่จะสอนลูก เราต้องบอกตัวเองเสมอว่าเราทำได้ และเชื่อมั่นว่าเราทำได้เสียก่อน เลิกบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนอ่อนภาษา เพราะเหมือนจะเป็นการตอกย้ำจิตของเราว่าเราไม่เก่ง เพราะฉะนั้นหากเราสามารถสอนลูกพูดภาษาไทยได้ นั้นก็แปลว่าไม่ว่าจะภาษาไหน เราก็สอนได้เช่นกัน เพียงแค่ฝึกฝนซ้ำๆ ก็เก่งได้นั้นเอง
2.เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกไปเลย
หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มต้นสอนภาษาให้ลูกจากสิ่งง่าย ๆ รอบตัวแล้ว ก็สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมกับลูกได้นะ อย่างเวลาที่คุณพ่อคุณแม่พบเจอสิ่งใด หรือพบเจออะไรที่น่าสนใจ ก็นำมาคุยแลกเปลี่ยนกันกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะการไปทานอาหารนอกบ้านตามร้านอาหาร ก็สอดแทรกคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้จากเมนูต่าง ๆ หรือไปซื้อของใน Supermarket ก็สามารถเรียนรู้ภาษาผ่านคำศัพท์ตามช่องสินค้าได้นะ บางครั้งอาจจะลองฝึกพูด หรือฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษไปพร้อมกับลูกก็ถือเป็นกิจกรรมที่ดีในครอบครัว และช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาของลูกไปในตัวอีกด้วย
3.หนึ่งคน หนึ่งภาษา
หนึ่งคน หนึ่งภาษา หรือที่เรียกว่า One Parent One Language เป็นระบบที่ได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการสอนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องตกลงกันว่าใครจะรับบทบาทภาษาอังกฤษ หรือใครจะรับบทบาทเป็นภาษาไทย หรือภาษาอื่นๆ ที่ต้องการฝึกฝนลูก แต่หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยคล่องภาษา ก็อาจจะให้คนอื่น ๆ ในครอบครัวรับผิดชอบสื่อสารกับลูกเป็นภาษานั้น ๆ เมื่ออยู่กับลูกนั้นเอง และที่สำคัญไม่ควรใช้วิธีไทยคำอังกฤษคำ เพราะจะทำให้ลูกนั้นสับสน เพราะเด็ก ๆ ช่วงแรกนั้นยังมีคำศัพท์ไม่มากพอ แต่หากฝึกไปเรื่อย ๆ แน่นอนว่าเขาจะเรียนรู้คำศัพท์มากขึ้นและสื่อสารได้อย่างเหมาะสม
4.ใช้เทคนิค English Time
เป็นเทคนิคที่ฝึกการสื่อสาร และสร้างความเคยชินเกี่ยวกับภาษาอังกฤษของเด็ก ๆ ด้วยการกำหนดช่วงเวลาของแต่ละวัน เช่น ทุกเวลา 18.30 – 19.00 น. ทุกคนในบ้านจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกัน เป็นที่มาของคำว่า “English Time” นั่นเอง ระหว่างนั้นห้ามใช้ภาษาไทย ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ด้วยโดยปกติแล้วการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ มา หากไม่ได้นำมาใช้จริงจะลืมได้ การได้ลองพูดลองคุย พอสงสัยว่าคำนี้พูดอย่างไร แล้วหาคำตอบจะยิ่งเกิดการเรียนรู้ที่มากขึ้นได้
5.ใช้เกม หรือกิจกรรมเป็นตัวช่วย
การเรียนรู้แบบตรง ๆ มีเด็กน้อยคนที่จะชอบ การเรียนรู้ที่ได้ทั้งความรู้ และความสนุกไปพร้อม ๆ กัน เป็นมิตรกับเด็กเล็กมากกว่า เพราะเด็กจะรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เรียนอยู่ แต่กำลังเล่น ช่วยสร้างความต้องการที่จะเรียนรู้ไปด้วยแบบเนียน ๆ ซึ่งมีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบทบาทสมมุติ การเล่นเกมที่เกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เช่น การทายคำ (Flash Card) ไปจนถึงการร้องเพลงภาษาอังกฤษ และการดูการ์ตูนภาษาอังกฤษสั้น ๆ เป็นต้น
6.รอบตัวเป็นภาษาอังกฤษ
อย่างที่เราชอบพูดกันว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ยิ่งเป็นภาษาอังกฤษยิ่งนำมาใช้ได้ เด็กเล็กนั้นเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว บางอย่างที่ลูกรักไม่รู้จักก็มักจะเอ่ยปากถามว่านั่นคืออะไร นี่คืออะไร ใช้ทำอะไร เรียกว่าอะไร แทนที่จะบอกลูกไปเฉย ๆ อาจเพิ่มภาษาอังกฤษตามไปด้วย บอกไปพร้อมกันเลยว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร แล้วให้ลูกพูดตาม เมื่อเจอสิ่งของ หรือสถานที่นั้น ๆ อีก ให้ถามลูกว่าจำได้ไหมว่าอันนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร
7.เรียนรู้ภาษาจากโรงเรียน
ในเมื่อเราไม่ค่อยเก่งภาษาสักเท่าไหร่ สอนได้เฉพาะสมัยเขายังเด็ก ๆ พอโตขึ้นคำศัพท์ก็ยากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องส่งเสริมให้ลูกเรียนโรงเรียนสองภาษา หรือโรงเรียนนานาชาติ เพื่อเพิ่มโอกาสการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษให้กับลูก หรือจริง ๆ ก็สามารถส่งลูกเรียนโรงเรียนปกติได้ แล้วเสริมทักษะด้านภาษาด้วยการเรียนเสริม ที่สถาบันภาษาเพิ่มเติมได้นั้นเอง แต่ยังไงก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของครอบครัวด้วยนะ ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ควรส่งเสริมเขาอย่างเหมาะสมนะ
8.เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
กลับมาที่การเรียนเหมือนเดิม แต่แตกต่าง คือ ความกดดันที่น้อยกว่า เพราะเป็นการเรียนจากคลิปวิดีโอ หรือจะสมัครเรียนออนไลน์ไม่ต้องเดินทางไปกลับสถาบันกวดวิชาก็ได้ การเรียนเสริมเป็นช่องทางที่สามารถเลือกให้เหมาะกับลูกได้มากกว่าที่โรงเรียนแน่นอน หากสังเกตว่าลูกไม่สนุกกับการเรียนที่โรงเรียน ผู้ปกครองก็สามารถหาคอร์สเรียนที่มีรูปแบบการสอนที่สนุก ไม่กดดัน สร้างความรู้สึกอยากเรียนให้กับลูกได้ ซึ่งในปัจจุบันคอร์สเรียนนั้นมีหลายแบบให้เลือก แน่นอนว่าต้องมีสักแบบที่เหมาะกับลูกรักตัวน้อยแน่นอน
9.ความตั้งใจไม่ควรขาดรางวัล
การให้รางวัลกับลูกเมื่อลูกทำได้ดี เช่น ทำกิจกรรมแล้วได้คะแนนดี มีทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น หรือทำคะแนนสอบได้ดี เมื่อลูกแสดงออกมาให้เห็นว่า มีความตั้งใจ มีความเข้าใจ และไม่ย่อท้อต่อการเรียนรู้ ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยไปเฉย ๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ารู้สึกภูมิใจในตัวลูกก็ให้พูดออกมา ให้ลูกได้รับรู้ว่าตนเองทำได้ดีแค่ไหน นอกจากนี้รางวัล หรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือสิ่งที่ลูกอยากได้ก็ควรซื้อมาให้เป็นกำลังใจต่อไปได้เช่นกัน
บทส่งท้าย
การจะกระตุ้นให้ลูกมีทักษะด้านภาษาให้ได้ผลมากที่สุด คือการพูดคุย การโต้ตอบต่าง ๆ เพราะเป็นการสื่อสารแบบสองทาง เด็กจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ไวกว่าการสื่อสารทางเดียว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องใช้ความพยายาม และเรียนรู้ไปพร้อมกันกับลูก เพื่อให้ลูกได้พัฒนาทักษะทางภาษาให้เกิดผลดีที่สุด
เครดิตรูปภาพ blog.cambly.com ruthrumack.com