บทความนี้ขอแนะนำ “แผลผ่าคลอด กี่วันหาย ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไรให้ถูกวิธี” ในปัจจุบัน การผ่าคลอดได้เข้ามาเป็นอีกวิธีหนึ่งในการคลอดลูก คุณแม่หลายคนที่ได้รับการประเมินว่าควรผ่าคลอด จะต้องเตรียมความพร้อมร่างกายทั้งก่อน และหลังการผ่า โดยเฉพาะการดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด ซึ่งมีข้อกำหนด และข้อหลีกเลี่ยงในการฟื้นตัว คุณแม่จึงจำเป็นต้องมีความรู้ และความเข้าใจ เพื่อดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แผลผ่าคลอดลักษณะเป็นอย่างไร
คุณแม่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีแผลเย็บหลังคลอด ไม่ว่าจะเป็นแผลจาก การผ่าตัดคลอด หรือการตัดฝีเย็บหรือรอยฉีกขาดบริเวณช่องคลอด บาดแผลผ่าคลอดจะมีรูปร่างและลักษณะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น วิธีและวัสดุที่แพทย์ใช้เย็บแผล โดยทั่วไปการผ่าตัดคลอดที่ผ่านการศัลยกรรมจะทำให้เกิดรอยแผลยาว 4-6 นิ้ว ซึ่งจะเป็นแผลลักษณะแนวนอนตามแนวขอบกางเกงชั้นใน หรือแผลอีกแบบคือแนวตั้งใต้สะดือ ขึ้นอยู่กับตอนผ่าคลอด และผิวชั้นนอกของแผลผ่าคลอดนี้จะเริ่มสมานกันหลังจากสัปดาห์แรกของการผ่าได้ผ่านไป จากนั้นแผลผ่าคลอดจึงปิดจะสนิท และเปลี่ยนลักษณะเป็นสีแดงอมม่วงราว 6 เดือน ก่อนจะจางเป็นสีขาวเรียบไปเรื่อย ๆ จนหายดี
แผลผ่าคลอดที่เย็บไว้จะหายดีเมื่อไร
แผลผ่าคลอดกี่วันหาย แผลผ่าคลอด เกิดจากการผ่าตัดคลอดลูก เกิดจากการที่แพทย์ทำการผ่าตัดคลอดลูกให้คุณแม่ทางหน้าท้อง เพื่อนำทารกออกมาทางแผลผ่าตัดบริเวณด้านหน้ามดลูก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หากคุณแม่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้การผ่าตัดคลอดลูก คือการเปิดเยื่อบุช่องท้องบริเวณมดลูก แล้วทำการคลอดโดยปกติอย่างปลอดภัย สำหรับแผลผ่าตัดหลังคลอด โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ แผลที่เย็บไว้จึงจะสมานกัน อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน หรือ 2 – 12 สัปดาห์ เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะของการเย็บของแต่ละท่าน ที่สำคัญคุณแม่ควรดูแลความสะอาดของแผลเป็นอย่างดี ไม่ให้ติดเชื้อ เพื่อให้แผลสมานเข้าด้วยกันโดยไม่มีปัญหา
วิธีการดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็วและบรรเทาเจ็บแผล
1.หลังการผ่าคลอด แพทย์จะปิดพลาสเตอร์กันน้ำมาให้จึงไม่จำเป็นต้องไปดูแลทำความสะอาดแผล เพียงแต่ให้สังเกตว่า แผลมีน้ำซึมออกมาหรือไม่ หากมีควรไปให้แพทย์ตรวจดูและเปลี่ยนพลาสเตอร์ใหม่ ห้ามเปิดดูเองเด็ดขาด
2.หลังคุณหมอตรวจแผลแล้วเรียบร้อยดี ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดพลาสเตอร์อีกต่อไปเพราะแผลสามารถโดนน้ำได้แล้ว แต่ยังคงต้องรักษาความสะอาดของแผลให้ดี ดูแลแผลให้แห้งเสมอ
3.เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ เพื่อรักษาสุขอนามัยโดยรวมให้สะอาดและช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค
4.ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้งทุกครั้งก่อนเปลี่ยนผ้าอนามัย
5.หากมีอาการปวดแผลแนะนำให้ลองประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง หรือเจลความเย็น ครั้งละไม่เกิน 2-3 นาที จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บและลดอาการบวมของแผลฝีเย็บได้ บางรายหากมีอาการปวดมาก แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการ
6.พยายามเดินบ่อย ๆ ตั้งแต่วันแรกหลังออกจากห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน การเกิดพังผืดในช่องท้อง และควรเดินให้ตัวตรงที่สุด อย่าเดินตัวงอ
7.อย่าทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากนัก คุณแม่ต้องห้ามยกของหนักเด็ดขาด โดยเฉพาะ 3 เดือนแรก เพราะอาจทำให้แผลฝีเย็บแยกได้
8.พยายามรับประทานอาหารที่เส้นใยอาหารสูงเพื่อป้องกันไม่ให้ท้องผูก จะได้ไม่เพิ่มความเจ็บปวดในการนั่งขับถ่าย และดื่มน้ำสะอาดมากๆ
พยายามรับประทานอาหารที่มีโปรตีน ผักใบเขียว ผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ แผลสมานตัวติดกันเร็วขึ้น
9.พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
10.แผลที่เย็บด้วยไหมละลาย ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ไฟด้วยการนั่งไม้กระดาน หรือสัมผัสความร้อนโดยตรง เพราะอาจทำให้ไหมละลายตัวเร็วกว่าปกติ
11.อาบน้ำช่วงแรกของการผ่าคลอด ให้ใช้การเช็ดตัวแทนอยู่ที่ประมาณ 7 วัน เพราะถ้าโดนน้ำจะทำให้แผลผ่าตัดอาจติดเชื้อและเกิดอักเสบ แต่หลังตัดไหมแล้ว วันถัดมาก็สามารถอาบน้ำได้ และควรปล่อยให้แผลลอกไปเอง อย่าแกะเกา ควรดูแลแผลผ่าคลอดให้สะอาดและแห้งเสมอ เพราะจะทำให้แผลหายช้า และถ้าพบว่าแผลเกิดการอักเสบ บวมแดง ดูผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์
12.หลังแผลแห้งสนิทแล้ว แผลปิดแล้ว ถ้าพบว่าเริ่มมีรอยแผลเป็น ให้ใช้ครีมซึ่งมีส่วนผสมของเสตียรอยด์อ่อน ๆ หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E
อาการแบบนี้แผลเสี่ยงติดเชื้อ
ในระหว่างที่ดูแลแผลผ่าคลอดให้คอยสังเกตเป็นประจำ เพราะแผลผ่าตัดเป็นแผลสด เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อักเสบ และปริได้ หากมีความผิดปกติต้องรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เช่น
– เจ็บแผลผ่าตัดมากขึ้น มีรอยแดง บวม ที่แผล มีเลือดซึมจากแผลผ่าตัด
– ปวดท้องมาก
– มีไข้ขึ้นสูง
– ปัสสาวะแสบขัด
– น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดไหลชุ่ม ทั้งที่น้ำคาวปลาสีจางลงไปแล้ว
– ไอ หายใจลำบาก ปวดบวมที่ขา
บทส่งท้าย
หลังจากการผ่าคลอดแล้ว แม่ ๆ ควรดูแลสุขภาพร่างกายตั้งแต่วันแรก หมั่นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ที่สำคัญ อย่าลืมสังเกตแผลผ่าคลอด สีของน้ำคาวปลา และความผิดปกติของร่างกาย เพื่อรีบรักษาอย่างทันท่วงที
เครดิตรูปภาพ www.netdoctor.co.uk livecorestrong.com