สำหรับใครที่กำลังวางแผนมีบุตรนั้น คงมีหลายคำถามสำหรับการตั้งครรภ์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่า อาการเริ่มแรกที่จะบ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์นั้นมีสัญญาณอะไรเตือนบ้าง ซึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่นั้นไม่เหมือนกัน อาการแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป โดยในช่วงสัปดาห์แรกนั้นคุณแม่อาจจะยังไม่มีอาการใดแสดงออกมากนัก บางคนมีอาการแพ้ท้องหนักมาก หรือในบางคนไม่เกิดอาการแพ้เลย วันนี้เราจึงรวบรวมอาการที่จะบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมาฝากกัน เพื่อการเตรียมความพร้อมเป็นคุณแม่มือใหม่ได้อย่างเป็นอย่างดี
1. ประจำเดือนขาด
ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่อาจบ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ประจำเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน โดยปกติแล้วจะมาใกล้เคียงกันทุกเดือน แต่ถ้าประจำเดือนขาดไปมากกว่า 10 วัน นั่นอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะตั้งครรภ์ เพราะเมื่อเกิดการปฏิสนธิกันระหว่างไข่กับอสุจิ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาเป็นจำนวนมาก เพื่อยับยั้งไม่ให้ผนังมดลูกนั้นหลุดลอกออกมากลายเป็นประจำเดือน เพราะจะเริ่มมีการฝังตัวของตัวอ่อน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่ประจำเดือนขาดนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งครรภ์เสมอไป อาจขึ้นอยู่จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด ยาคุมกำเนิด หรือในบางคนอาจเป็นโรคที่มีผลต่อการขาดประจำเดือนได้ เช่น โรคของระบบต่อมไร้ท่อ เบาหวาน เป็นต้น
2. จมูกไวต่อกลิ่น
เป็นอีกหนึ่งอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ คุณจะมีอาการเหม็นหรือได้กลิ่นสิ่งรอบข้างแปลกๆจนอยากอาเจียนเช่นกินข้าวสุก กลิ่นแป้ง กลิ่นน้ำหอม คุณจะรู้สึกเหม็นมากผิดปกติอาการนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายที่มีมากเพิ่มขึ้นในขณะที่คุณกำลังท้องทำให้จมูกไวต่อกลิ่นเป็นพิเศษหรือในบางคนอาจจะเหม็นสามีก็เป็นได้
3. มีตกขาวมากผิดปกติ
เมื่อมีการตั้งครรภ์ร่างกายจะปรับฮอร์โมนให้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่าปกติ รวมถึงตกขาว ที่จะเพิ่มขึ้นในปริมาณมากซึ่งลักษณะของตกขาวจะเป็นมูกเหลวสีขาวขุ่นหรือมีสีครีมซึ่งไม่ต้องตกใจไปถือเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะมีการสร้างของเหลวขึ้นมาที่บริเวณปากมดลูกและช่องคลอดเพื่อหล่อลื่นบริเวณปากช่องคลอดอยู่แล้วเพียงแต่จะผลิตมากขึ้นคุณแม่ต้องดูแลรักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นสม่ำเสมอ เพื่อลดความอับชื้นและลดโอกาสที่จะเกิดเชื้อราขึ้นได้ ตกขาวที่มีลักษณะที่ผิดปกติเช่นมีสีเขียว สีเหลือง หรือมีอาการคันร่วมด้วย ลักษณะนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ
4. มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
ส่วนมากมักเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนหลังจากที่เริ่มตั้งครรภ์ หรือเรียกโดยทั่วไปว่า อาการแพ้ท้อง ซึ่งอาการคลื่นไส้อาเจียนนี้เกิดขึ้นไม่เท่ากัน บางคนแพ้ท้องหนักมาก ในขณะที่บางคนไม่มีอาการเลยก็มี ซึ่งอาการแพ้ท้องนี้บางคนอาจเกิดขึ้น 2-3 เดือนหลังตั้งครรภ์ หรือในบางคนเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายก็มี
5. มีเลือดออกทางช่องคลอด
ในช่วงเริ่มตั้งครรภ์นั้น อาจพบว่ามีเลือดออกที่ช่องคลอดเล็กน้อยแต่ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป เพราะเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัว เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากมีการปฏิสนธิภายในมดลูก 11-12 วันหลังปฏิสนธิ ตัวอ่อนจะฝังตัวอยู่ที่ผนังมดลูก ทำให้มีเลือดออกมาเล็กน้อยสีแดงจางๆ และจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
6. หน้าอกขยายใหญ่มากขึ้น
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจากรก และรังไข่จะผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้หัวนมและลานนมมีสีเข้มขึ้น เต้านมขยายขนาดมากขึ้น และมีอาการเจ็บร่วมด้วย
7. มีอาการปวดหัว หรือเวียนศีรษะ
ในการตั้งครรภ์ระยะแรก คุณแม่จะมีอาการปวดหัวบ่อยขึ้น เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัวตามธรรมชาติ บางคนอาจเกิดจากความเครียด หรือการวิตกกังวลหลายๆเรื่อง ในช่วงนี้คุณแม่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อย วันละ 8 แก้ว พักผ่อนให้เพียงพอ สูดอากาศบริสุทธิ์ ทำจิตใจให้สงบนิ่ง จะช่วยให้บรรเทาอาการปวดหัวนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีอาการท้องอืดมากกว่าปกติ เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างช้าๆเพื่อเข้าสู่ช่วงของการตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อระบบย่อยอาหารนั้นทำงานได้ลดลง รวมถึง เกิดจากการขยายตัวของมดลูกที่ไปเบียดกับลำไส้ใหญ่ ทำให้การบีบตัวของลำไส้ทำงานได้ลดลง ส่งผลให้การเคลื่อนที่ของกากอาหารนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกิดอาหารไม่ย่อย มีลมในกระเพาะมาก จนท้องอืดมากขึ้นกว่าปกตินั่นเอง คุณแม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียว กล้วย เป็นต้น ซึ่งอาการข้างต้นเหลานี้สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อย่างแน่นอน เตรียมตัวเป็นคุณแม่ได้เลย
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ