บทความนี้ขอแนะนำ “คลอดลูกแบบไหนดี คลอดแบบธรรมชาติหรือผ่าคลอด ต่างกันอย่างไร” คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจจะยังมีคำถามที่คิดไม่ตกว่าจะคลอดลูกแบบไหนดีถึงจะดี และปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบันการคลอดลูกก็มีหลายวิธีเช่น คลอดลูกธรรมชาติ คลอดลูกแบบผ่าคลอด แต่ละวิธีนั้นจะแตกต่างกันอย่างไรนั้น เรามีข้อมูลมาฝากกัน
คลอดธรรมชาติ กับ ผ่าคลอด แบบไหนดีกว่า เพราะอะไร
การคลอดธรรมชาติ คือ การคลอดทารกผ่านทางช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำเนื่องจากมีความปลอดภัยต่อแม่และลูกมาก และมีภาวะแทรกซ้อนน้อย วิธีนี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายมีความพร้อม เช่น อุ้งเชิงกรานกว้าง ทารกอยู่ในท่ากลับหัวแล้ว ทารกตัวไม่ใหญ่มากจนเสี่ยงภาวะคลอดติดไหล่
การผ่าคลอด หรือการผ่าตัดคลอด คือ การผ่าตัดเปิดหน้าท้องและมดลูกเพื่อนำทารกออกจากถุงน้ำคร่ำ เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีข้อบ่งชี้ทางสุขภาพที่ตรวจพบมาก่อน เช่น ภาวะรกเกาะต่ำ ครรภ์เป็นพิษ อุ้งเชิงกรานแคบ ทารกไม่กลับหัว หรือมีความจำเป็นต้องคลอดเร่งด่วน เพื่อช่วยชีวิตแม่และทารกไว้ก่อน เช่น การคลอดก่อนกำหนด คลอดธรรมชาติแล้วยังไม่สามารถคลอดได้สำเร็จ ที่เรียกว่า “ภาวะคลอดเนิ่นนาน”
จะเห็นได้ว่า คลอดธรรมชาติกับผ่าคลอดมีข้อบ่งชี้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการที่จะบอกว่า การคลอดวิธีไหนดีกว่ากันนั้นจึงต้องพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างๆ ไป
คลอดลูกแบบไหนดี
คลอดลูกธรรมชาติ
การคลอดตามธรรมชาติ (Active Birth) เป็นวิธีปกติที่คุณแม่เบ่งคลอดเองทางช่องคลอด โดยเมื่อถึงกำหนดคลอด (ตั้งครรภ์ครบ 40 สัปดาห์) ปากมดลูกจะค่อย ๆ เปิดกว้างจาก 1 เซนติเมตร และจะเปิดกว้างไปเรื่อย ๆ เมื่อปากมดลูกเปิดหมด ศีรษะเด็กจะเคลื่อนลงมาต่ำ จนกระทั่งถึงระดับที่มองเห็นศีรษะเด็กผลุบโผล่ที่บริเวณช่องคลอด แม่จะมีลมเบ่งเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยผู้ช่วยคลอดจะแนะนำการเบ่งที่ถูกวิธี คือเบ่งพร้อมกับการบีบตัวของมดลูก ก้มหน้าคางชิดอก เอามือจับใต้เข่า หายใจเข้าลึกสุด เบ่งยาวให้แรงดันลงมาที่ก้นเบ่งอย่างน้อย 10 วินาที ต่อเนื่องกันและเบ่งอย่างน้อย 3 ครั้ง ในหนึ่งการบีบตัวของมดลูก
ข้อดี ของการคลอดลูกธรรมชาติ
– ร่างกายฟื้นตัวเร็ว
– เสียเลือดน้อยกว่าผ่าคลอด
– หลังคลอดมดลูกหดตัวเล็กลงเอง
– ไม่มีแผลผ่าตัด และแผลที่มดลูก
– พร้อมให้นมลูกน้อยได้ทันที
– หุ่นเข้าที่เร็วกว่าผ่าคลอด
– ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด
– ทารกได้รับการบีบของเหลวออกจากปอดขณะคลอด
– ไม่มีความเสี่ยงจากการเจ็บครรภ์ในครั้งต่อไป
– ค่าใช้จ่ายไม่สูง
ข้อเสีย ของการคลอดลูกธรรมชาติ
– ไม่สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้
– ใช้เวลาคลอดนาน กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้
– อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉินได้
– มีโอกาสต้องใช้เครื่องดูดสุญญากาศหรือคีม หากแม่ไม่มีแรงเบ่งคลอด
– ช่องคลอดอาจไม่กระชับเหมือนเดิม
คลอดลูกแบบผ่าคลอด
การผ่าคลอด (Cesarean Section) คือการคลอดด้วยการผ่าตัดแทนการคลอดแบบธรรมชาติทางช่องคลอด ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีเปิดปากแผลบริเวณระหว่างหน้าท้องและมดลูก หากคลอดปกติไม่ได้ หรือการคลอดธรรมชาติอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแม่และบุตร มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น เชิงกรานแคบ ทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หัวใจทารกเต้นผิดปกติ ครรภ์แฝด ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ สายสะดือสั้นเกินไป และความไม่พร้อมทางด้านร่างกาย หรือแม้แต่การคลอดในภาวะฉุกเฉิน แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดคลอด
ข้อดี ของการผ่าคลอด
– สะดวก มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า
– สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้
– ไม่เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนระหว่างรอคลอด
– ไม่เจ็บระหว่างทำคลอด
– หากสภาวะครรภ์มีความเสี่ยงจะช่วยให้ปลอดภัยได้ดีกว่าคลอดแบบธรรมชาติ
– สามารถทำหมันได้เลย
– ช่องคลอดยังกระชับเหมือนเดิม
ข้อเสีย ของการผ่าคลอด
– มีความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบหรือ บล็อกหลังสูง
– ฟื้นตัวช้า แผลผ่าหายช้า เสี่ยงต่อแผลผ่าตัดติดเชื้อ
– เกิดรอยแผลเป็นที่หน้าท้องจากการผ่า
– เกิดแผลที่มดลูก ทำให้เสี่ยงในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
– เสียเลือดมากกว่าคลอดเอง
– ไม่สามารถให้น้ำนมลูกได้ทันที เพราะคุณแม่จะยังมีอาการมึนยาสลบอยู่
– หากท้องแรกผ่าแล้วการท้องครั้งต่อไปต้องผ่าเท่านั้น
– ค่าใช้จ่ายค่อนสูง
คลอดแบบไหนเจ็บกว่า
การคลอดธรรมชาติจะมีช่วงเวลาในการเจ็บท้องนานหลายชั่วโมง เนื่องจากมดลูกบีบตัวเป็นระยะๆ นั่นเอง จากนั้นต้องรอให้ปากมดลูกเปิดกว้างมากพอก่อนจึงจะคลอดได้ เมื่อถึงเวลาคลอด คุณหมอจะกรีดฝีเย็บเพื่อให้สะดวกแก่การคลอด ซึ่งขั้นตอนนี้แม่ส่วนใหญ่แทบไม่รู้สึกเจ็บเพราะจดจ่ออยู่กับการเบ่งคลอด และการปวดท้องคลอดมากกว่า จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขั้นตอนการเย็บแผลเท่านั้น บางรายอาจต้องได้รับยาชาในขั้นตอนนี้
ส่วนการผ่าคลอดจะช่วยลดระยะเวลาในการเจ็บท้องจึงเจ็บท้องน้อยกว่า ในขณะผ่าคลอดแม่จะได้รับการดมยา หรือการระงับความรู้สึก ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดนั่นเอง จนกว่าเมื่อยาชาหมดฤทธิ์จึงเริ่มเจ็บแผลมากขึ้นตามลำดับ
อาการเจ็บปวดนี้จะคงอยู่หลายวันจนกว่าแผลจะสมานตัวติดกันดีแล้ว อีกทั้งแม่ยังหมั่นเคลื่อนไหวบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืด และต้องระมัดระวังการออกแรง การยกของ เพราะอาจทำให้แผลแยก แผลปริแตกได้
ไม่ว่าคุณแม่จะตัดสินใจเลือกคลอดวิธีไหน สุดท้ายแล้วจะขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของคุณแม่ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งความพร้อมของร่างกายคุณแม่ ณ เวลานั้นด้วย ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีคลอดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดในแต่ละราย
คลอดลูกแบบไหน เหมาะกับใครบ้าง
การคลอดลูกธรรมชาติ
เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ร่างกายแข็งแรง และมีภาวะครรภ์ปกติ
การผ่าคลอด
เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ภาวะครรภ์ไม่ปกติหรือไม่สามารถคลอดเองได้ จำเป็นต้องผ่าคลอดด้วยข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ เช่น เด็กไม่กลับหัว ทารกตัวโต อุ้งเชิงกรานมารดาแคบ ทารกมีความพิการที่ไม่สามารถคลอดเองได้ ปากมดลูกไม่เปิดหรือเปิดช้า หรือทารกมีภาวะหัวใจเต้นช้า เป็นต้น
บทส่งท้าย
การคลอดลูกถือเป็นการเจ็บปวดที่แสนล้ำค่า ฉะนั้นคุณแม่จะเลือกคลอดด้วยวิธีไหนนั้นก็ดีด้วยกันทั้งสองแบบ แต่การเลือกวิธีคลอดก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงในวันคลอดด้วยว่าตัวของคุณแม่มีความพร้อมแบบไหนมากกว่ากัน
เครดิตรูปภาพ parenting.firstcry.com www.ahdubai.com www.daytoday.health www.istockphoto.com madisonwomenshealth.com