5 ภาวะทางอารมณ์ส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องระวัง
ช่วงเวลาตั้งครรภ์ของคุณแม่ ถือเป็นช่วงที่พิเศษและสำคัญที่สุด คุณแม่จะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆในชีวิตมากมาย จึงต้องใส่ใจและดูแลตัวเองเป็นพิเศษทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง สร้างความสุขให้กับตัวเองอยู่เสมอ เพราะเมื่อร่างกายเกิดความสุข จะหลั่งฮอร์โมนที่ดีออกมา ส่งผลให้ลูกในครรภ์เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย อารมณ์ดี มีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง ซึ่งการดูแลสุขภาพใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณแม่อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่มากมาย เนื่องจากอารมณ์ที่แปรปรวณและยากจะควบคุม แต่ทราบหรือไม่ว่าอารมณ์เหล่านั้นจะนำความเสี่ยงและส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้โดยตรง ซึ่งปัญหาสุขภาพจิตเหล่านั้นมีอะไรบ้างที่คุณแม่ต้องคอยระมัดระวังไว้ไปติดตามกันเลย 1. โรควิตกกังวล เป็นความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นมากกว่าบุคคลทั่วไป ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ในขณะที่ตั้งครรภ์ คุณแม่จะสังเกตได้ว่ามีความย้ำคิดย้ำทำมากขึ้น คิดวนคิดซ้ำอยู่กับเรื่องเดิมๆนานๆ ส่งผลให้เกิดเป็นความเครียดสะสมเกิดขึ้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ส่งผลดีต่อทารกในครรภ์เลย หากพบว่าตัวเองกำลังมีความวิตกกังวลมากจนเกินไป ให้หาวิธีการผ่อนคลาย เช่น การออกไปเดินเล่นนอกบ้าน รดน้ำต้นไม้ ดูหนัง ฟังเพลง แทนการคิดวิตกกังวลที่มากเกินไปนั่นเอง 2. โรคซึมเศร้า เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์จะพบกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจ ในช่วงนี้คุณแม่จะอ่อนไหวง่าย ไวต่อความรู้สึก ในบางรายอาจมีความวิตกกังวลมากจนเกินไปจนเกิดเป็นภาวะซึมเศร้าขึ้นได้ ซึ่งโรคนี้จะส่งผลให้นอนไม่หลับ เริ่มไม่มีสมาธิ มีอารมณ์ที่ฉุนเฉียวมากขึ้น จนทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่และไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิต ซึ่งภาวะเหล่านี้จะส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้โดยตรง หากพบว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที 3. พฤติกรรมการทานอาหารที่ผิดปกติ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่พบมากในคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ส่งผลให้คุณแม่มีพฤติกรรมการทานอาหารที่มากขึ้น หรือในบางรายทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มาสาเหตุมาจากภาวะทางอารมณ์และสภาพจิตใจโดยตรง หากร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ ทารกในครรภ์จะไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ อาจมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ หรือในคุณแม่บางรายสามารถทานอาหารได้มากจนเกินไป […]
5 ชุดชั้นในให้นม เนื้อผ้านิ่ม สวมใส่สบาย เปิดให้นมสะดวก อัพเดท 2021
สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่เพิ่งคลอดลูกไป อีกหนึ่งกิจกรรมที่คุณแม่จะต้องทำทั้งวันคือการให้นมกับลูกน้อย สิ่งที่จำเป็นอย่างมากและคุณแม่จะต้องได้ใช้อย่างแน่นอนเลยคือชุดชั้นในให้นม ยิ่งถ้าหากคุณแม่วางแผนที่จะให้นมลูกจากเต้าให้ได้นานที่สุด เสื้อชั้นในจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ที่จะช่วยให้เรื่องการให้นมลูกนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น การเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้นม สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรกเลยคือความสะดวกในการเปิดใช้งาน ยิ่งเวลาที่ลูกหิวนม คุณแม่จะต้องมีความพร้อมและสามารถเปิดให้นมได้อย่างรวดเร็ว หากสวมใส่ชุดชั้นในที่ดีจะช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องเสียเวลาในการเปิดให้นมเลย นอกจากนี้คุณภาพของชุดชั้นในก็สำคัญ จะต้องสวมใส่แล้วมีความนุ่ม ละมุน ไม่ระคายเคืองผิวจนทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นได้ วันนี้เราจึงรวบรวมเสื้อชั้นในสำหรับให้นมมาฝากคุณแม่กัน จะมีแบรนด์ไหนที่สวมใส่แล้วสบายบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. Marks & Spencer รุ่น T330775 เป็นชุดชั้นในให้นมที่มีดีไซน์การออกแบบที่เรียบ หรูหรา มีความทันสมัยสามารถตอบทุกโจทย์ของการใช้งานมาในรูปแบบลูกหมาสีดำเข้มช่วยขับผิวให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เนื้อผ้าผลิตจากพอลิเอไมด์ สวมใส่แล้วให้ความรู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด ช่วยกระชับหน้าอกได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการให้นมลูกนั้น จะใช้เป็นตะขอเปิดจากด้านบน ทำให้การให้นมนั้นสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ราคา 499 บาท 2. Wacoal ชุดชั้นในให้นมแบบไร้โครง มีฟองน้ำ เป็นแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เนื่องจากเนื้อผ้านั้นสวมใส่แล้วให้ความรู้สึกนุ่มสบาย ใส่แล้วไม่อึดอัด ระบายอากาศได้ดี รุ่นนี้ออกแบบมาให้เป็นโครงยางพารา จึงช่วยให้อกกระชับได้ดีขึ้นแต่ให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายกว่าโครงทั่วไป ผลิตจากนวัตกรรม Soft Elastic ช่วยรองรับการขยายตัวของหน้าอกได้เป็นอย่างดีจึงทำให้ไม่เกิดการกดทับและไม่ระคานเคืองผิว ตัวฟองน้ำถูกออกแบบมาให้สามารถซึมซับน้ำนมที่ไหนออกมาไม่ให้เลอะเทอะ ฟองน้ำไม่หนาววันก่อนใครใส่ออกมาแล้วให้ตรงสวยไม่หย่อนคล้อยราคา 492 […]
แนะนำ 5 ของเตรียมคลอด ที่จำเป็นต้องใช้อย่างแน่นอน
สำหรับคุณแม่มือใหม่ ช่วงใกล้คลอดนับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เริ่มมีความกังวลอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการเตรียมตัวคลอดลูก รวมไปถึงการเตรียมความพร้อม ของใช้ลูกน้อยสำหรับหลังคลอด ซึ่งถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นต้องได้ใช้ที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน ยิ่งในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดเช่นนี้ การเข้าออกโรงพยาบาลแต่ละครั้งมีข้อจำกัดมากมาย ดังนั้น คุณแม่จึงต้องเตรียมของใช้หลังคลอดให้พร้อมเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการใช้งานนั่นเอง ซึ่งของใช้สำหรับเด็กทารกนั้นจะต้องมีคุณภาพ อ่อนโยนสำหรับลูกน้อย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว คุณแม่จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกเป็นพิเศษ ซึ่งการเตรียมของเตรียมคลอดนั้น ไม่ใช่เพียงแต่ของใช้ของลูกเท่านั้น ยังรวมไปถึงของใช้คุณแม่ หรือเอกสารจำเป็นต่างๆ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำของสำหรับเตรียมคลอดกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เอกสารสำคัญ ที่ต้องยื่นให้กับโรงพยาบาล ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว อาทิ สมุดฝากครรภ์ ใบนัดแพทย์ เอกสารประกันสุขภาพต่างๆ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หนังสือส่งตัวคลอด เป็นต้น เอกสารเหล่านี้คุณแม่จะต้องยื่นให้กับทางโรงพยาบาล แต่ทั้งนี้ คุณแม่ควรสอบถามเพิ่มเติมกับทางโรงพยาบาลที่จะคลอดด้วยเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเตรียมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 2. เซ็ทเสื้อผ้าเด็กทารก YUYING หลังจากที่คุณแม่คลอดน้องเรียบร้อยแล้ว เครื่องแต่งกายและของใช้สำหรับลูกน้อย อาทิ หมวก ชุดเด็กทารก ผ้าอ้อม ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าคลุมตัว หมอนรอง แนะนำแบรนด์ YUYING เนื่องจากเป็นเซ็ทที่พร้อมสำหรับเด็กแรกเกิดเลย มาในชุดเซ็ทสีขาว […]
5 เคล็ดลับ เพิ่มน้ำนมจากพืชผักตามแหล่งธรรมชาติ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าน้ำนมแม่นั้นถือเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วงวัย 6 เดือนแรก เพราะในน้ำนมแม่นั้นประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทั้งทางด้านร่างกาย และด้านสมองของลูกน้อย เพราะในน้ำนมแม่มีสฟริงโกไมอีลินเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก ช่วยให้ลูกน้อยฉลาด เรียนรู้ได้ไว ซึ่งไม่อาจหานมชนิดใดมาเทียบคุณค่าจากน้ำนมแม่ได้เลย จะสังเกตเห็นได้ว่าทารกที่ได้รับนมแม่นั้นส่วนใหญ่แล้วจะมร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เจ็บป่วยได้ยากกว่าทารกที่ได้รับนมผง ในน้ำนมแม่นอกจากจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของลูกน้อยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย สำหรับแม่ท่านไหนที่ตั้งใจจะให้นมแม่ล้วนกับลูกน้อยนั้น จะต้องมีการวางแผนการบำรุงทั้งน้ำนมและร่างกายให้เป็นอย่างดี เนื่องจากสารอาหารในน้ำนมแม่นั้นจะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับอาหารที่แม่ๆทานเป็นส่วนใหญ่ คุณแม่จึงต้องบำรุงร่างกายให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ในเวลาเดียวกันคุณแม่ก็จะต้องบำรุงร่างกาย อาจจะด้วยวิตามินเสริม เพื่อให้ร่างกายไม่เกิดภาวะขาดสารอาหาร ลดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนในอนาคตได้อีกด้วย แต่สำหรับแม่ท่านไหนที่น้ำนมไม่เพียงพอให้ลูกทาน วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆมาฝากแม่ๆกัน ด้วยเทคนิคการเพิ่มน้ำนมจากผักมหัศจรรย์ รับรองว่าสามารถเรียกน้ำนมให้เพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน 1. หัวปลี มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากอาหารเสริมสำหรับคุณแม่ให้นม ส่วนมากจะมีส่วนผสมของหัวปลีอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรไทยที่เป็นแหล่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญสำหรับทารกมากมาย เช่น อุดมไปด้วยแคลเซียมสูง โปรตีน ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีน ฟอสฟอรัส เป็นต้น โดยสารอาหารที่ได้จากหัวปลีนั้นมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย ให้ฉลาดสมวัยได้อีกด้วย สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่ต้องการให้ลูกดื่มนมตัวเองนานๆ สามารถทานหัวปลีเพื่อบำรุงและเพิ่มสารอาหารให้กับน้ำนมได้ 2. น้ำขิง ถือเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรไทย ที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี น้ำขิงจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร เพราะ น้ำขิงจะช่วยเพิ่มการหลังฮอร์โมนโปรแลคติน ในร่างกายของคุณแม่ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้ มีหน้าที่กระตุ้นการสร้างและหลังน้ำนม […]
อาหารที่คนท้องควรหลีกเลี่ยง เพื่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ที่สมบูรณ์
ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ควรระมัดระวังในเรื่องของอาหารการกินเป็นพิเศษ ควรให้ความสำคัญกับอาหารที่ทานเข้าสู่ร่างกาย เพราะอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไปนั้น จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์โดยตรง ซึ่งในระหว่างการตั้งครรภ์นั้นมีอาหารมากมายที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้ ซึ่งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงนั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภท วันนี้เราจึงรบรวมสาระดีๆเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินของคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝากกัน มีประเภทไหนบ้างที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง ไปติดตามกันเลย 1. เนื้อสัตว์ติดมัน ถึงแม้จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่เนื้อสัตว์ติดมันเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัวที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายถ้าหากแม่ท้องทานมากเกินไปอาจทำให้ไขมันสะสมในร่างกายและไปอุดตันในหลอดเลือดได้ซึ่งอาจส่งผลเสียให้แม่ท้องกลายเป็นคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วมเกินกว่าน้ำหนักที่มาตรฐานกำหนดซึ่งน้ำหนักที่ขึ้นมานี้ส่วนมากมักลงที่แม่และจะทำให้แม่ท้องมีน้ำหนักค้างอยู่มากหลังคลอด รวมถึงอาจเกิดความเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษได้อีกด้วย 2. อาหารรสหวาน อาทิ ลูกอม ช็อคโกแลต ขนมหวาน ซึ่งอาหารเหล่านั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลเสียให้แม่ท้องเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งยังอาจส่งผลเสียให้คุณแม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนขณะตั้งครรภ์อีกด้วย 3. เบเกอรี่และขนมกรุบกรอบ อาทิ พาย โดนัท ขนมปัง อาหารเหล่านี้ เป็นของว่างที่เต็มไปด้วย แป้ง ไขมัน น้ำตาลและโซเดียมปริมาณสูง ให้คุณค่าทางโภชนาการต่ำ อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ 4. อาหารรสเค็ม คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลือกทานอาหารที่ไม่ใส่ผงชูรสหรือ ใส่น้ำปลา ซีอิ้ว รวมถึงเครื่องปรุงรสที่น้อยกว่าปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงนอกใดที่อาจเกิดขึ้นในคุณแม่ตั้งครรภ์และโรคความดันโลหิตสูงที่จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ 5. อาหารแปรรูป เป็นอีกอาหารประเภทหนึ่งที่ควรงดในช่วงตั้งครรภ์เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ต่อลูกน้อยในครรภ์แล้วยังอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของทารกได้เช่นกัน อาหารแปรรูปเช่นไส้กรอก ลูกชิ้น แหนม อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง เป็นต้น ซึ่งอาหารแปรรูปเหล่านี้จะผ่านกระบวนการผลิตโดยการเติมสารเคมีและสารปรุงแต่งเช่นโซเดียมไนเตรท โซเดียมฟอสเฟตรวมถึงผงชูรสเป็นต้น […]
ห้ามพลาด สำหรับ 6 สารอาหารที่ทำให้ลูกในครรภ์ฉลาดแข็งแรง
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ต้องใส่ใจในอาหารการกินเป็นพิเศษ เพราะทุกสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายของคุณแม่ไป จะสามารถส่งผ่านให้กับลูกน้อยในครรภ์ได้โดยตรง ดังนั้น คุณแม่จึงควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อป้องกันลูกเกิดอาการแพ้ รวมถึงผักผลไม้ ที่จะเสริมสร้างวิตามินให้กับลูกน้อย ช่วยให้เขาสามารถเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรงตั้งแต่ในครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับสารอาหารให้ครบถ้วนโดยเฉพาะ 6 สารอาหารสำคัญที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. โปรตีน คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับโปรตีนให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างลูกน้อยให้แข็งแรง โดยแหล่งโปรตีนที่เหมาะสำหรับคนท้องคือ เนื้อหมูไม่ติดมัน ควรเลือกเป็นส่วนของสันในหรือสันนอก เพื่อลดไขมันสะสมโดยควรกินเนื้อหมูครั้งละ 4 ช้อนโต๊ะต่อครั้งก็ถือว่าได้รับโปรตีนเพียงพอสำหรับมื้อนั้นแล้ว เนื้อไก่ไม่ติดมันส่วนของหน้าอกไก่ ตับหมูตับไก่นำมาปรุงอาหารเช่นผัดพริกไทยดำผัดพริกสดจะช่วยบำรุงเลือดและเสริมธาตุเหล็กได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ไข่ยังจัดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ง่ายโดยไข่ขาว 1 ฟองมีโปรตีน 6-7 กรัม ซึ่งเป็นโปรตีนดีย่อยง่ายๆช่วยให้คุณแม่ขับถ่ายได้สะดวกอีกด้วยอีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง 2. แคลเซียม ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ ในช่วงไตรมาสแรกคุณแม่ควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอไปตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ เพราะแคลเซียมจะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกของทารกให้แข็งแรง ซึ่งแหล่งแคลเซียมที่ดีได้มาจาก นม ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง เต้าหู้ ผักใบเขียว โยเกิร์ต ชีส นม ธัญพืชต่างๆ ผักคะน้าเป็นต้น ซึ่งแม่ท้องควรได้รับแคลเซียมอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม การได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง […]
สัญญาณอันตรายของคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ต้องรีบไปพบแพทย์
สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ หมั่นตรวจสอบและสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ เพราะตลอดช่วงอายุครรภ์ระหว่างตั้งครรภ์นั้น ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้แม่หลายคนเป็นกังวลได้ว่า อาการแบบไหนเรียกว่าอาการปกติ หรืออาการแบบไหนควรเฝ้าระวังและต้องพบแพทย์ทันที วันนี้เราจึงรวบรวมสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่ได้ จะมีอาการใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. มีเลือดออกที่ช่องคลอด อาการนี้ถือเป็นอาการที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่นการติดเชื้อภายในช่องคลอดการติดเชื้อในปากมดลูกหรือคุณแม่อาจมีภาวะรกเกาะต่ำก็เป็นได้ซึ่งอาการเลือดออกทางช่องคลอดนี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายมากที่ควรไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อเฝ้าระวังอาการต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 2. อาการลูกดิ้น มากเกินหรือน้อยไปอย่างผิดสังเกต การนับลูกดิ้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เพราะจะช่วยติดตามอาการของลูกน้อยภายในครรภ์ได้โดยทั่วไปแล้วเด็กทารกจะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป โดยจะดิ้นประมาณ 200 ครั้งใน 12 ชั่วโมง และจะดิ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุครรภ์ แต่เมื่อใกล้คลอดทารกจะดิ้นน้อยลงซึ่งไม่ควรน้อยกว่า 10 ครั้ง แต่ถ้าหากลูกหยุดนิ่มเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไปให้รีบพบแพทย์ทันที 3. อาการแพ้ท้อง ซึ่งถือเป็นอาการปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ทั่วไปเนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอาการที่สังเกตได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน พะอืดพะอม เบื่ออาหาร อาการแพ้ท้องนี้เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นเกิน 14 สัปดาห์ฮอร์โมนจะอยู่ในระดับปกติอาการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากคุณแม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนทานอาหารไม่ได้น้ำหนักลดซึ่งอาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ คุณแม่อาจมีภาวะขาดสารอาหารขาดน้ำเช่นใจสั่นปัสสาวะน้อยอาการเหล่านี้ต้องรีบพบแพทย์ทันที 4. ตกขาวมากผิดปกติ อาการตกขาวในหญิงตั้งครรภ์นั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณแม่สังเกตเห็นว่า ตกขาวนั้นเริ่มมีกลิ่น มีสีที่เปลี่ยนไป ซึ่งนั่นอาจบ่งบอกได้ว่าอาจมีการติดเชื้อที่บริเวณช่องคลอดได้ ไม่ควรนิ่งนอนใจควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที 5. ตัวบวม ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดหากคุณแม่มีอาการตัวบวมเท้าบวม […]
แนะนำ นมสำหรับคนท้อง แบบไหนดี มีแคลเซียมสูง
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการบำรุงลูกน้อยในครรภ์คือ นม ซึ่งนมจะเป็นแหล่งเสริมแคลเซียมให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่การดื่มนมในขณะตั้งครรภ์นั้น จะต้องดื่มไม่มากเกินกว่าปกติที่เคยดื่มในช่วงก่อนตั้งครรภ์ เพื่อลดโอกาสที่ลูกจะแพ้นมวัวนั่นเอง และที่สำคัญ คุณแม่ต้องดื่มนมให้หลากหลาย สลับกันไป เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และช่วยลดโอกาสที่ลูกจะแพ้นมวัวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง โดยแคลเซียม ถือเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะเป็นสารที่ลูกน้อยจะดึงไปสร้างมวลกระดูกในเจริญเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงนั่นเอง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน คุณแม่จึงควรได้รับแคลเซียมให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยปริมาณผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องการงั้นส่งถึงวันละ 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม เลยทีเดียว วันนี้เราจึง มาแนะนำนมสำหรับคนท้อง ที่มีแคลเซียมสูง เพื่อให้คุณแม่ได้รับอย่างเพียงพอในแต่ละวันนั่นเอง จะมีนมประเภทไหนบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. นมวัว ถือเป็นนมที่นิยมทานมากที่สุดในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะนมที่ปราศจากไขมัน นมพร่องมันเนยที่มีรสชาติอร่อยให้กรดอะมิโนสูง ซึ่งกรดอะมิโนมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในนมวัวยังประกอบไปด้วยวิตามินอีสูงช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีวิตามินเอที่ช่วยในการมองเห็นและเสริมสร้างเนื้อเยื่อได้เป็นอย่างดีรวมถึงสามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยได้ด้วยเช่นกันโดยนมวัว 1 แก้วจะให้แคลเซียมกับคุณแม่ได้สูงถึง 240 mg 2. นมแพะ หลายคนอาจเคยได้ยินและเธอลองชิมกันมาบ้าง ซึ่งนมแพะนั้นหาซื้อได้ยากและมีราคาแพงกว่านมวัวแต่มีสารอาหารสูงมีให้เลือกทั้งแบบนมสดและแบบนม uht นมแพะจะให้โปรตีน รวมถึงมีไขมันต่ำและมีวิตามินบี 2 ที่สูงกว่านมวัว การดื่มนมแพะจึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญให้ร่างกายมีระบบการย่อยอาหารที่ดียิ่ง อีกทั้งยังมีวิตามินเอที่ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง โดยนมแพะ 1 แก้วจะให้แคลเซียมกับคุณแม่ได้ถึง […]
คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ การเตรียมตัวก่อนผ่าคลอด
หลังจากที่อุ้มท้องมานาน 9 เดือน ก็ถึงเวลาที่ลูกน้อยจะลืมตามาดูโลกภายนอกแล้ว เชื่อว่าแม่ๆทุกคนจะต้องมีอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมมา หนึ่งในนั้นคุณแม่จะต้องตื่นเต้นอย่างมากแน่นอน ซึ่งการคลอดลูกนั้น คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าจะคลอดธรรมชาติ หรือว่าจะผ่าคลอด ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ผสมผสานกับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ทำให้แม่ๆไม่น้อยเลยทีเดียวที่เลือกวิธีการผ่าคลอด สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่กำลังเตรียมตัวผ่าคลอดอยู่นั้น วันนี้เรามีวิธีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการผ่าคลอดมาฝากกัน รวมถึงสิ่งของจำเป็นที่ต้องเตรียมให้พร้อมต้อนรับลูกน้อยที่จะลืมตาออกมาดูโลก จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. กระเป๋าเตรียมคลอด ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ คุณแม่ควรทยอยเตรียมกระเป๋าคลอดไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งกระเป๋าเตรียมคลอดนั้นจะบรรจุของใช้ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ ลูกน้อย รวมถึงเอกสารที่จำเป็นที่ต้องยื่นให้กับโรงพยาบาลด้วย ซึ่งของใช้ส่วนตัวคุณแม่ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าอนามัย หวี ผ้าเช็ดตัว เสื้อชั้นในสำหรับให้นม ถุงเก็บน้ำนม เสื้อผ้าสำหรับใส่วันออกจากโรงพยาบาล เป็นต้น ของใช้ลูกน้อย อาทิ หมวก เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ผ้ารองฉี่ ผ้าห่อตัว อุปกรณ์อาบน้ำ เป็นต้น เอกสารสำคัญ อาทิ สมุดฝากครรภ์ บัตรโรงพยาบาล สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารสำหรับการแจ้งเกิดลูก เป็นต้น 2. […]
คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามพลาด กับ 6 สัญญาณเตือนใกล้คลอด
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายใกล้คลอด โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่จะต้องมีความกังวลและตื่นเต้นอย่างมากแน่นอน ซึ่งในช่วงนี้คุณแม่ต้องเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายได้อยู่ตลอดเวลา และระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ เพราะในช่วงนี้ร่างกายและทารกเตรียมพร้อมที่จะคลอดอยู่ตลดเวลา ซึ่งก่อนการคลอดนั้นมักมีสัญญาณเตือนให้คุณแม่ได้เตรียมตัว เตรียมความพร้อมที่จะได้เห็นลูกน้อยในครรภ์ลืมตาดูโลกครั้งแรก ซึ่งอาการก่อนคลอดนั้น มักเกิดขึ้นเตือนก่อนกำหนดคลอดไม่กี่สัปดาห์ จะมีอาการเตือนที่คุณแม่ต้องเฝ้าระวังใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. อาการเจ็บท้องเตือน เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว อาการเจ็บท้องเตือนนั้นเกิดจากมดลูกที่ขยายขนาดเต็มที่แล้วค่อยๆเคลื่อนต่ำลง สภาวะนี้คุณแม่จะรู้สึกว่ามีท้องแข็งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่บ่อยและถี่มากเท่ากับการเจ็บท้องจริง เมื่อนั่งพักแล้วจะรู้สึกดีขึ้น แตกต่างจากการเจ็บท้องจริงที่ปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย 2. อาการท้องลด ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ต้องเตรียมพร้อมที่จะคลอดลูกน้อยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสภาวะนี้ทารกได้มีการกลับหัวเคลื่อนต่ำลง จะสังเกตได้จากความสูงของยอดมดลูกที่ลดลง ทำให้คุณแม่รู้สึกหายใจได้โล่งสบายมากยิ่งขึ้น หากมีอาการนี้ในท้องแรกจะคลอดภายใน 1 เดือน แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในท้องหลังคุณแม่อาจคลอดทารกภายในไม่กี่วันที่จะถึงนี้ 3. มีมูกไหลออกมาทางช่องคลอด โดยปกติแล้วหญิงตั้งครรภ์บริเวณปากมดลูกจะมีเมื่อที่เรียกว่า mucus plug มูกนี้มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่มดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อร่างกายเข้าสู่กระบวนการคลอดปากมดลูกจะเริ่มเปิดและบางลงทำให้เมื่อกี้นี้หลุดออกมาซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าร่างกายใกล้คลอดแล้วและบางครั้งนี้อาจมาพร้อมกับเลือดฝนออกมาด้วย นอกจากนี้เมื่อร่างกายใกล้คลอดแล้วปากมดลูกเริ่มขยายมากขึ้นทำให้เส้นเลือดบริเวณปากมดลูกมีการแตกและมีมูกเลือดไหลปนออกมา หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ควรเตรียมตัวให้พร้อม 4. อาการเจ็บท้องคลอด สภาวะนี้คุณแม่จะรู้สึกเจ็บท้องคล้ายกับการเจ็บท้องหลอก แตกต่างกันตรงที่ อาการปวดนั้นรุนแรงกว่าหลายเท่า จะสังเกตได้ว่าถ้าคุณแม่มีอาการเจ็บท้องคลอดจะเจ็บถี่ต่อเนื่องกัน โดยอาการปวดนั้นจะปวดถี่ๆทุกๆ 10 นาที และมีอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนคลอด เมื่อนั่งพักก็ไม่คลายปวด อาจมาพร้อมกับอาการปวดยอดมดลูกและแผ่นหลัง หรือบางกรณีอาจมีมูกเลือดปนออกมาทางช่องคลอดด้วยเช่นกัน 5. ท้องเสีย […]