เมื่อลูกติดโควิด 19  ควรดูแลอย่างไรดี

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “เมื่อลูกติดโควิด 19  ควรดูแลอย่างไรดี” โรคโควิด 19 แม้ในปัจจุบันจะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำท้องถิ่นไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะน่าไว้วางใจ เพราะโควิด 19 ยังอยู่รอบตัวเรา และยังมีผู้ที่เป็นโรคคิด 19 เกิดขึ้นทุกวัน แต่เมื่อลูกน้อยติดโควิด 19 คุณพ่อคุณแม่ ควรรับมืออย่างไรดี  วิธีสังเกตอาการของเด็กที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อโควิด-19  โดยอาการของเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่พบมากที่สุด จะมีอาการดังนี้ 1.มีไข้หลายวัน อาจจะไข้สูงหรือไข้ต่ำก็ได้ 2.ไอแห้ง 3.อ่อนเพลีย 4.เจ็บคอ 5.อาจมีหรือไม่มีน้ำมูกก็ได้ คัดจมูก จาม 6.บางรายอาจมีผื่นแดง  7.จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส 8.อาจพบอาการปวดเมื่อยตัว 9.เบื่ออาหาร หรือในเด็กทารกอาจจะกินนมได้น้อยลง 10. อาจมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ซึ่งพบได้เล็กน้อย แม้การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กส่วนใหญ่กว่า 90% จะมีอาการไม่รุนแรง แต่กลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หรือภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เพราะเด็ก […]

ศิลปะดีต่อเด็กอย่างไร ช่วยพัฒนาด้านไหนบ้าง

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “ศิลปะดีต่อเด็กอย่างไร ช่วยพัฒนาด้านไหนบ้าง” ศิลปะถือว่าเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ในหลากหลายด้าน เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งในเด็กเองนั้นก็ช่วยในเรื่องพัฒนาทักษะการเรียนรู้ จิตใจ อย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้” หรืออีกประโยคที่ว่า “ยิ่งเลอะ ยิ่งเยอะประสบการณ์” การที่ได้ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง แล้วยิ่งในเรื่องศิลปะมันช่วยให้เขาได้พัฒนาความรู้ มีจินตนาการมากขึ้น เขาจะได้มีอิสระมากขึ้น มันส่งผลดีต่อเขาในหลายด้านเช่นกัน แต่จะมีประโยชน์ด้านไหนบ้าง ช่วยพัฒนาด้านไหนบ้างนั้นลองไปดูกัน ศิลปะ คืออะไร ศิลปะคือสิ่งที่ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์ แสดงออกมาจากความรู้สึก ความคิด และอารมณ์ เป็นจินตนาการที่ไม่ขอบเขต แต่ศิลปะที่ถูกสร้างออกมา ก็สามารถสร้างสรรค์ให้เป็นสื่อกลาง สามารถสื่อสารให้คนที่ได้รับรู้ เห็นและเข้าใจ ในสิ่งที่ศิลปะพยายามจะสื่อออกมา ไม่มีถูก ไม่มีผิด พัฒนาการของเด็กแต่ละวัยกับคำว่าศิลปะ 1.อายุ 0-2 ปี เด็กจะใช้ประสาทสัมผัสรับรู้เกี่ยวกับศิลปะ ด้วยการดู การฟัง การรับรสและสัมผัสกลิ่น 2.อายุ 2 – 4 ปี เป็นขั้นขีดเขี่ย  เด็กๆจะเริ่มใช้อุปกรณ์ทางศิลปะ เล่น ขูด เขี่ย ลาก […]

ลูกนอนดึกไม่เป็นเวลา มีวิธีจัดการอย่างไรดี

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกนอนดึกไม่เป็นเวลา มีวิธีจัดการอย่างไรดี” ปัญหาที่หลายบ้านต้องเคยพบเจอ การที่ลูกนอนดึก นอนไม่เป็นเวลา ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกได้ ซึ่งเด็กนั้นควรจะนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่อย่างน้อย 9 – 13 ชั่วโมง ซึ่งถ้าน้อยกว่านั้นจะส่งผลให้ร่างกายของลูกเริ่มอ่อนแอ จนพาลทำให้ไม่สบายได้ แต่จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างนั้น ในบทความนี้มีมากฝากกัน สัญญาณที่บอกว่า ลูกนอนไม่พอ เด็ก ๆ ควรจะมีเวลานอนเต็มที่ ที่ 9 – 13 ชั่วโมง หากสังเกตว่าเวลาเดินทางไปไหนใกล้ ๆ พอพาขึ้นรถปุ๊บ ลูกหลับฟุบไปทันที ขยี้ตา หงุดหงิด ก้าวร้าวงอแง แปลว่าลูกกำลังนอนไม่พอ ฉะนั้นหากลูกเริ่มมีพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ควรรีบหาวิธีปรับแก้ไขแต่เนิ่น ๆ จะได้ส่งผลดีต่อลูกในอนาคต ลูกนอนดึก หรือเปล่า? ยิ่งลูกโตขึ้นเรื่อย ๆ เวลานอนของเขาก็เริ่มดึกขึ้น เนื่องจากสิ่งยั่วยุรอบตัวเริ่มมีมากขึ้น เช่น การดูคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเลต หรือต้องทำการบ้านที่ได้มาจากโรงเรียนให้เสร็จ หรือบางบ้าน คุณพ่อคุณแม่เลิกงานกลับมาบ้านดึก ลูกก็คอยรับคุณพ่อคุณแม่กลับบ้านถึงนอนได้ การนอนดึกจะทำให้เด็กเกิดอาการเครียดตามมาภายหลังได้ ซึ่งพอลูกเครียดก็จะส่งผลกับการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกายและจิตใจไปด้วย คุณแม่หลาย […]

ลูกติดหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวที่ต้องรีบแก้ไข ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกติดหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวที่ต้องรีบแก้ไข ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม” ความหวานเป็นรสชาติที่เด็ก ๆ หลายคนชื่นชอบ แต่มันเต็มไปด้วยภัยร้ายที่แอบแฝงอยู่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาทางป้องกัน และพยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้ลูกทานหวานมากเกินไป เพราะมันจะส่งผลเสียในหลายอย่างเช่นกัน สาเหตุที่ทำให้เด็กติดรสหวาน เนื่องจากต่อมรับรสหวาน เด็กจะพัฒนาไปได้เร็วกว่าและดีกว่ารสชาติอื่น ๆ จึงทำให้เด็ก ๆ ติดรสหวานได้ง่าย ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากกลไกของร่างกาย และที่สำคัญเมื่อกินน้ำตาลเข้าไป กระแสเลือดจะทำให้สมองหลั่งสารเอนโดฟินออกมาจึงทำให้มีความสุขสดชื่น สาเหตุนี้เองจึงทำให้เด็กๆ ยิ้ม และอารมณ์ดีทันทีเมื่อได้ทานขนมหวานๆ หากลูกได้ลิ้มรสหวานเร็วเพียงใด  เมื่อโตขึ้นลูกจะยิ่งต้องการเพิ่มปริมาณความหวานของอาหาร ขนมที่รับประทานมากขึ้นไปอีก  เพราะลูกเคยชินกับรสชาติของความหวานแล้ว ช่วงอายุของเด็กที่มีโอกาสติดรสหวาน – อายุ 0-1 ปี เด็กวัยนี้ติดหวานเนื่องจาก เด็กทารก 50% ไม่ได้กินนมแม่เด็กจึงต้องกินนมผงดัดแปลงถึงแม้ว่ามีการกำหนดมาตรการ 6 เดือนแรก ห้ามเติมน้ำตาลในนมผง แต่ก็สามารถเติมได้ในนมเด็กที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เมื่อเด็กเริ่มทานรสหวานตั้งแต่ 6 เดือน ถือว่าเป็นการเริ่มที่ค่อนข้างเร็วมาก ดังนั้นควรเลือกนมผงที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกินไป  – อายุ 1 ปีขึ้นไป เมื่อเด็กติดรสหวานแล้ว อาหารที่ตามมาส่วนใหญ่มักจะเป็นน้ำอัดลม น้ำหวาน […]

6 เคล็ดลับ ของคุณแม่หลังคลอด เปลี่ยนหุ่นพังให้กลับมาเป๊ะปังขึ้นได้ด้วยวิธีง่ายๆ

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ปั้นหุ่นปังของคุณแม่หลังคลอด อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว่าการตั้งครรภ์นั้นจะทำให้คุณผู้หญิิงมีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณจะต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ที่ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ที่ทำให้คุณน้ำหนักขึ้น มีไขมันส่วนเกิน หุ่นไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน สิ่งนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดหลายคนวิตกกังวลและเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับในการลดน้ำหนักให้หุ่นคุณแม่กลับมาฟิตกระชับเหมือนเดิม จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. ควบคุมอาหาร การจะมีหุ่นกลับมาเป๊ะเหมือนเดิมได้นั้นคุณต้องควบคุมการทานอาหาร ไม่ใช่เพื่อการลดน้ำหนัก แต่เพื่อการสร้างสุขภาพที่ดี ลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรห้ามลดอาหารอย่างเด็ดขาด ให้ทานตามปกติแต่คัดสรรค์แต่อาหารที่มีประโยชน์ มีโปรตีนสูง มีปริมาณไขมันต่ำ ลดของหวาน ลดของมัน นอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็วแล้ว การลดอาหารจำพวกนั้น ยังช่วยลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตันได้อีกด้วย  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปกติส่วนใหญ่คุณแม่หลังคลอดจะไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจสุขภาพร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นัก แต่คุณต้องอย่าลืมว่า คุณมีภาระที่ต้องดูแลลูกไปตลอดชีวิต ดังนั้น คุณต้องสร้างร่างกายให้แข็งแรง พร้อมรับกับทุกอุปสรรคอยู่เสมอ การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลา แต่เพียงแค่คุณสละเวลาส่วนตัวสัก 30 นาทีต่อวันเพื่อออกกำลังจะ จะช่วยให้หุ่นของคุณกลับมาเฟิร์มกระชับขึ้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน  3. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้น้ำหนักของคุณแม่หลังคลอดลดลงเร็วมาก เพราะกระบวนการในการผลิตน้ำนมจะดึงส่วนที่เป็นไขมันในร่างกายของเราไปใช้เพื่อสร้างน้ำนม ดังนั้นการให้นมลูกในทุกๆวันนั้น จะช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้สูงถึง 700-800 กิโลแคลอรี่ต่อวันเลยทีเดียว และยิ่งในยุคปัจจุบันนี้รณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน จะช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายของคุณแม่ลงได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง […]

6 ผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและระบบประสาท เมื่อลูกเป็นโรคติดทีวี

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ผลกระทบเมื่อลูกติดทีวี เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนยังคงสงสัยและหาคำตอบมาช่วยลบล้างความจำเป็นให้กับพฤติกรรมการติดทีวีของลูก ซึ่งในปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเด็กๆเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนดาบสองคมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะในวัยเด็กนั้นมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึก มีวุฒิภาวะในการแยกแยะทางอารมณ์ได้ต่ำ หากลูกได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านสังคมและอารมณ์ความรู้สึกของลูกได้ วันนี้เราจะมีผลกระทบของเด็กที่ติดทีวีมาฝากกัน จะมีข้อเสียอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. ลูกจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว จากผลการสำรวจของโรคเด็กติดที่วี ส่วนมากพบว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยจากผลงานวิจัยพบว่าเด็กอายุระหว่าง 2-3 ขวบ หากสัมผัสกับสื่อหรือดูทีวีมากจนเกินไปจะส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกให้มีความก้าวร้าว หงุดหงิดอารมณ์ และมีภาวะการต่อต้านกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น ดังนั้นถ้าหากคุณไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมที่รุนแรงเหล่านั้นแนะนำให้ใช้สื่ออย่างระมัดระวัง หากเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยง หรือเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการชวนลูกทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์แผนการนั่งดูทีวี จะเป็นประโยชน์กับเด็กมากกว่า 2. มีการเคลื่อนไหวที่น้อยลง จากผลการสำรวจ แล้วพบว่าหากเด็กที่นั่งดูทีวีหรือใช้สื่อออนไลน์ติดต่อกันมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน  มีแนวโน้มที่จะทำให้เด็กนั้นเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยลง ร่างกายไม่มีสิ่งเร้าที่จะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว กลายเป็นเด็กที่เฉยชา ไม่มีความกระตือรือร้น ชอบนั่งอยู่เฉยๆมากกว่าการออกไปวิ่งเล่นสนุกสนานแตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด 3. ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านภาษา อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาษานั้นเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จะสามารถช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้อย่างก้าวกระโดด หากลูกเด็กที่อายุ 2-3 ขวบ ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอทีวีมากจนเกินไป  จะทำให้เขามีพัฒนาการทางภาษาภาษาที่ล่าช้าลง ส่งผลกระทบในด้านการสื่อสาร กระบวนการทางความคิดและสติปัญญาประมวณเหตุการณ์ได้ช้าลง แตกต่างจากเด็กทั่วไป ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อนๆอีกด้วย 4. ส่งผลกระทบในการนอน มีหลายบ้านมากที่จะใช้ช่วงเวลาก่อนเข้านอน ในการดูทีวีร่วมกัน แต่จากการสำรวจแล้วพบว่า เด็กที่ดูทีวีก่อนเข้านอน เกิน […]

6 วิธี รับมือกับอาการวัยทอง 2 ขวบ อย่างไรให้ได้ผล

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

วิธีรับมือกับอาการวัยทอง 2 ขวบ ของลูกนั้นเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี  ในช่วงวัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม จึงทำให้เด็กต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ผสมผสานกับนิสัยส่วนตัว ที่เริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง อยากเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆด้วยตนเอง จึงทำให้ช่วงวัยระหว่าง 2-4 ขวบ เด็กจะมีพฤติกรรมที่เกเรเป็นพิเศษ แต่คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป วันนี้เรามีเคล็ดลับในการรับมือกับพฤติกรรมเหล่านี้มาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. คุณต้องใจเย็น การรับมือกับอาการวัยทอง 2 ขวบได้ดีที่สุดคือ ความสงบนิ่ง ของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกมีอาการ โมโห หงุดหงิด อารมณ์ฉุนเฉียว ในพื้นที่สาธารณะ สิ่งที่คุณควรปฏิบัติคือ ควรพาลูกออกมาจากพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เพราะอาจเกิดความวุ่นวายอื่นๆตามมาได้ หลังจากนั้น ให้ลูกระเบิดอารมณ์ออกมาเท่าที่ต้องการ โดยคุณต้องเข้าใจและยอมรับกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยการตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ และตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง สิ่งที่ต้องระวังคือความใจอ่อนที่จะยอมทำตามใจลูก จะยิ่งปลูกฝังและสนับสนุนให้เขาเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมากขึ้นนั่นเอง 2. เบี่ยงเบนความสนใจของลูก เมื่อคุณเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกกำลังจะระเบิดออกมา สิ่งแรกที่คุณสามารถหยุดอารมณ์รุนแรงเหล่านั้นลงได้ก่อนนั่นคือการเบี่ยงเบนความสนใจ ให้ลูกเอาจิตใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นแทน จะทำให้เขาลืมเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจลงได้ เช่น พยายามทำเสียงแปลกๆให้ลูกสนใจ หรือหัวเราะ ชวนเขาออกไปดูธรรมชาติ ชี้นก ชี้ไม้ให้ลูกดู […]

4 เหตุผล ที่ทำให้คุณมีภาวะเครียดสะสมจากการเลี้ยงลูก

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเป็นคุณแม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวในทุกๆด้านอยู่มากเลยทีเดียว เหตุผลที่ทำให้คุณแม่เกิดความเครียดสะสมในการเลี้ยงลูก นั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งในบางครั้งการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณแม่นั้นเกิดส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ในขณะที่มีคุณแม่หลายท่านที่คาดหวัง ในการเลี้ยงลูกให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด จนกลายเป็นความกดดันให้กับตนเอง  ซึ่งนั่นถือเป็นสัญญาณอันตรายที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่โดยตรง วันนี้เราจึง รวบรวม  เหตุผลหรือสาเหตุที่ทำให้คุณแม่เกิดความเครียดและความกังวลในการเลี้ยงลูกมาฝากกัน เพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขและสร้างสมดุลในชีวิตได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง จะมีเหตุผลใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. คุณแม่มีความกังวลคอยประกบลูกอยู่ตลอดเวลา วิธีการเลี้ยงลูกในรูปแบบนี้ นอกจากจะสร้างความเครียดให้กับตัวคุณเองแล้ว ยังเป็นการปิดกั้นพัฒนาการของลูกอีกด้วย แนะนำให้คุณแม่หาเวลาปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระบ้าง ถ้าหากลูกอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล การปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ ตัวเด็กเองจะมีพัฒนาการทางความคิดอย่างไร้ขีดจำกัด มีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น บางครั้งไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา การปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระจะสามารถเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ คุณจะมีเวลาเป็นส่วนตัว ได้พักผ่อนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 2. คุณแม่มีความคิดอยากเลี้ยงลูกให้สมบูรณ์แบบมากเกินไป ทัศนคติเช่นนี้จะทำให้คุณแม่สร้างความกดดันให้กับตัวเอง ทำให้การเลี้ยงลูกเป็นวิ่งที่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา จะทำให้คุณแม่รับภาระหนักจนเกิดไป เกิดเป็นความเครียดสะสม และไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต แนะนำให้คุณแม่ปล่อยวาง ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีคุณแม่คนใดที่จะสมบูรณ์แบบ ในทุกเรื่อง ทุกคนต่างมีเรื่องที่ถนัดและทำให้เก่งที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องพยายามเป็นแม่ที่เพอร์เฟคในทุกๆเรื่องก็ได้ ทำเท่าที่ทำไหว สิ่งไหนเป็นเรื่องที่ถนัดก็ทำให้ดีที่สุด แต่หากเรื่องไหนที่ไม่ถนัดก็ค่อยๆเรียนรู้และทความเข้าใจจะช่วยให้คุณแม่เลี้ยงลูกได้อย่างมีความสุขมากขึ้น 3. ไม่มีคนคอยสนับสนุน เรื่องนี้ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณแม่นั้นเกิดความเครียดในการเลี้ยงลูกได้ อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่หนัก การจะฝึกฝนหรือดูแลอีกหนึ่งชีวิตให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยิ่งถ้าหากทำคนเดียวแล้วล่ะก็ เชื่อว่าจะต้องมีช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า และท้อแท้อย่างแน่นอน […]

5 ไอเดียกับกิจกรรมยามว่าง เล่นสนุกกับลูกส่งเสริมพัฒนาการให้ชาญฉลาด 

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

หลายคนที่เป็นคุณแม่ full Time ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับลูกตลอดเวลา คงมีความคิดอย่างแน่นอนว่า อยากหา กิจกรรมยามว่างที่ใช้เล่นกับลูก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้ชาญฉลาดสมวัย ซึ่งการหากิจกรรมเล่นกับลูกในยามว่างนั้นมีประโยชน์สำหรับเด็กอย่างมาก เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ วันนี้เราจะรวบรวมไอเดียในการเล่นสนุกกับลูก เป็นกิจกรรมยามว่างที่เป็นประโยชน์ มาช่วยสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้มีสีสัน สนุกสนานและมีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งไอเดีย กิจกรรมยามว่างเล่นกับลูกที่เรานำมา ฝากนี้นั้น สามารถเล่นได้ง่าย ได้ประโยชน์ จะมีกิจกรรมใดบ้างและติดตามกันเลย 1. การเล่นซ่อนหา หรือจ๊ะเอ๋ เป็นการสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆได้อย่างง่ายดาย เล่นจ๊ะเอ๋กับลูกนั้นเป็นกิจกรรมที่ถูกใจ และช่วยฝึกการสังเกตให้กับลูกได้อีกด้วย โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในวัยกำลังซนประมาณ 7-8 เดือน เขาจะชื่นชอบการเล่นจ๊ะเอ๋เป็นอย่างมาก หากคุณพ่อคุณแม่อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ลองเล่นจ๊ะเอ๋กับลูกดูจะช่วยสร้างเสียงหัวเราะนะให้ลูกอารมณ์ดีได้อย่างแน่นอน 2. การปั้นแป้งโดว์ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมลูกในด้านศิลปะและจินตนาการ ซึ่งเป็นการฝึกสมองในด้านของศิลปะที่แตกต่างจากด้านวิชาการ ลูกจะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากยิ่งขึ้นเมื่อได้สรรค์สร้างจินตนาการ และปั้นแป้งออกมาในรูปแบบที่ตนเองต้องการ เพราะทักษะทางด้านความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นความสามารถเฉพาะตัว ลูกสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ยังเด็ก จะช่วยให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีไอเดีย แล้วมีความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอได้ ดูวิธีการเล่นของคุณพ่อคุณแม่อาจจะนั่งปั้นแป้งดูในรูปแบบต่างๆไปพร้อมกับลูก จะช่วยให้เขารู้สึกสนุกและมีความสุขมากยิ่งขึ้น 3. การเล่นเงาในตอนกลางคืน ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะสร้างเสียงหัวเราะภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี การสร้างเหล่านี้เด็กจะได้ใช้จินตนาการมากยิ่งขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ สามารถสอดแทรกความรู้ในเรื่องของสัตว์ต่างๆ หรือรูปทรงต่างๆที่เล่นเงาให้ลูกดูได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถ สร้างเรื่องราวเพิ่มความสนใจและชวนให้ลูกน้อยได้คิดตาม จะช่วยให้เขาฝึกสมองและใช้ความคิดการสนทนาการให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 4. […]

5 เหตุผลที่ทำให้คุณแม่ลูกอ่อน หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวณเอาใจยาก

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

เหตุผลที่ทำให้คุณแม่ลูกอ่อนนั้นหงุดหงิดง่าย มีหลากหลายสาเหตุ สำหรับใครที่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นคนแม่ลูกอ่อนมาแล้วจะทราบเป็นอย่างดีเลยว่า ทำไมในช่วงนั้นถึงอารมณ์หงุดหงิดง่าย ในบางครั้งเก็บตัวเงียบเพราะมีเรื่องเครียดสะสมมากมาย คุณสามีหลายท่านอาจจะไม่เข้าใจในความเป็นคุณแม่ลูกอ่อน หลายคนคิดว่าผู้หญิงตอนแปลงร่างเมื่อเป็นประจำเดือนอารมณ์หงุดหงิดง่ายแปรปรวนขึ้นๆลงๆ มาเอาใจยากแล้วแต่อารมณ์ของคุณแม่ลูกอ่อน นั้นรุนแรงกว่าหลายเท่า เกิดภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างหลากหลาย หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Baby Blue ไม่ได้ว่าเป็นซึมเศร้าหลังคลอดนั่นแหละ  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะต้องอาศัยคนรอบข้างที่มีความเข้าใจในภาวะนี้ จะช่วยให้คุณแม่ลูกอ่อนนั้นสามารถผ่านวิกฤตทางอารมณ์เหล่านี้ไปได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจะรวบรวมให้เหตุผลที่ทำให้คุณแม่ลูกอ่อนนั้นซึม เงียบ โดยไม่รู้สาเหตุ มาฝากกัน จะมีเหตุผลใดบ้างและติดตามกันเลย 1. เกิดจากความวิตกกังวลในการเลี้ยงลูก โดยเฉพาะคุณแม่ มือใหม่ที่ต้องมีการปรับตัวในการเลี้ยงเด็กทารกมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปเสียหมด ทำให้คุณแม่บางท่านอาจจะยังปรับตัวไม่ได้ จนเกิดเป็นความวิตกกังวลในการเลี้ยงลูก โดยเฉพาะการเลี้ยงเด็กทารกจะต้องใช้ความอดทนและความใจเย็นเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ทำได้เพียงร้องไห้ออกมาเท่านั้น ยิ่งถ้าหากเด็กบ้านไหนที่เลี้ยงยาก ร้องไห้งอแงอยู่บ่อยครั้ง กล่อมเท่าไหร่ก็ไม่หยุดร้องยิ่งทำให้คุณแม่นั้นเป็นกังวลซ้ำไปอีก  รวมถึงอาการต่างๆของเด็กทารกที่เราจะต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสีอุจจาระของลูก ปริมาณการทานนม เวลาเข้านอนของลูก เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้ก็ทำให้คุณแม่มือใหม่นั้นวิตกกังวล และชอบเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว 2. ความคาดหวังที่มากเกินไป มนุษย์เราทุกคนนั้นเมื่ออยู่ตัวคนเดียวจะรู้สึกอิสระและมีความคล่องตัวมากกว่า หลังจากที่มีลูกแล้วนั้นกิจกรรมทุกอย่างในชีวิตจะต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่จะต้องมีการปรับตัวในการเลี้ยงลูกอยู่ทุกวัน คุณจะต้องมีการวางแผนในอนาคตมากขึ้น ต้องรับผิดชอบครอบครัว โดยเฉพาะลูกน้อยที่ต้องได้รับการดูแลและเอาใจใส่เป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา ความรับผิดชอบเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และไม่สามารถหนีหายไปไหนได้ ต้องเลี้ยงดูลูกให้ตลอดรอดฝั่ง ให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่มีคุณภาพมากที่สุด จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คุณแม่หลายท่านเกิดความเครียดและคาดหวังกับเรื่องต่างๆในชีวิตมากจนเกินไป แนะนำว่าให้คุณแม่หาเวลาพักผ่อน สุดท้ายแล้วคุณจะต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีพลังไปดูแลคนรอบข้างโดยเฉพาะลูกน้อย […]