บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกติดหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวที่ต้องรีบแก้ไข ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม” ความหวานเป็นรสชาติที่เด็ก ๆ หลายคนชื่นชอบ แต่มันเต็มไปด้วยภัยร้ายที่แอบแฝงอยู่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาทางป้องกัน และพยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้ลูกทานหวานมากเกินไป เพราะมันจะส่งผลเสียในหลายอย่างเช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้เด็กติดรสหวาน
เนื่องจากต่อมรับรสหวาน เด็กจะพัฒนาไปได้เร็วกว่าและดีกว่ารสชาติอื่น ๆ จึงทำให้เด็ก ๆ ติดรสหวานได้ง่าย ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากกลไกของร่างกาย และที่สำคัญเมื่อกินน้ำตาลเข้าไป กระแสเลือดจะทำให้สมองหลั่งสารเอนโดฟินออกมาจึงทำให้มีความสุขสดชื่น สาเหตุนี้เองจึงทำให้เด็กๆ ยิ้ม และอารมณ์ดีทันทีเมื่อได้ทานขนมหวานๆ หากลูกได้ลิ้มรสหวานเร็วเพียงใด เมื่อโตขึ้นลูกจะยิ่งต้องการเพิ่มปริมาณความหวานของอาหาร ขนมที่รับประทานมากขึ้นไปอีก เพราะลูกเคยชินกับรสชาติของความหวานแล้ว
ช่วงอายุของเด็กที่มีโอกาสติดรสหวาน
– อายุ 0-1 ปี
เด็กวัยนี้ติดหวานเนื่องจาก เด็กทารก 50% ไม่ได้กินนมแม่เด็กจึงต้องกินนมผงดัดแปลงถึงแม้ว่ามีการกำหนดมาตรการ 6 เดือนแรก ห้ามเติมน้ำตาลในนมผง แต่ก็สามารถเติมได้ในนมเด็กที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เมื่อเด็กเริ่มทานรสหวานตั้งแต่ 6 เดือน ถือว่าเป็นการเริ่มที่ค่อนข้างเร็วมาก ดังนั้นควรเลือกนมผงที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากเกินไป
– อายุ 1 ปีขึ้นไป
เมื่อเด็กติดรสหวานแล้ว อาหารที่ตามมาส่วนใหญ่มักจะเป็นน้ำอัดลม น้ำหวาน ขนม ช็อกโกแลต และเด็กวัยนี้พฤติกรรมส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ก็จะอยู่กับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็ปแลต กินไปอยู่หน้าจอไป ทำให้เจริญอาหารและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโตขึ้นขนมหวานส่วนใหญ่มักเข้าสู่วงจรชีวิตประจำวันโดยอัตโนมัติและจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
– อายุ 3 ปีขึ้นไป
เริ่มที่มีสิทธิ์ในการเลือกซื้อขนมได้แล้ว ซึ่งขนมหรืออาหารส่วนใหญ่ของเด็กวัยนี้ก็จะเป็น น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนม เบลลี่ ช็อกโกแลต เสียส่วนใหญ่ และเด็กส่วนมากจะไม่ค่อยทานข้าว จะทานขนมเสียเป็นส่วนใหญ่ และเด็กวัยนี้ก็มักจะเลียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ใหญ่ก็มักจะมีขนม หรือน้ำอัดลมติดบ้านไว้ตลอด ซึ่งเด็ก ๆ เห็นก็จะทำตามได้ง่าย
อันตรายจากการติดรสหวานของเด็ก
– อาการติดรสชาติหวานของเด็กส่วนมาก เกิดมาจากการที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่เป็นคนหยิบยื่นมาให้ ไม่ว่าจะเป็นนม หรือขนม ยิ่งให้เขาได้ทานหวานเร็วแค่ไหน โอกาสในการติดรสหวานก็จะตามมาเร็วด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลตามมามากมายเช่น เบาหวาน ฟันพุ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง
– ความหวานให้พลังงานเป็นน้ำตาลเพียงอย่างเดียว ทานมากไปก็มีแต่จะทำให้เกิดผลเสีย หากทานบ่อย ๆ จนกลายเป็นสะสมและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นโรคเบาหวานได้ ซึ่งในปัจจุบันโรคเบาหวานในเด็กมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
– ความหวานนั้นหากเด็กได้รับไว ก็จะทำให้ฟันผุได้ ซึ่งในเด็กนั้นก็จะทำให้ฟันน้ำนมผุก่อนวัยอันควร ซึ่งการที่เด็กฟันผุส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากการทานขนมหวาน แป้ง ลูกอม ช็อกโกแลต เยลลี่ น้ำอัดลม ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาลผสมอยู่ด้วย ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ลูกทรมานกับการปวดฟันเนื่องจากฟันผุ พยายามหลีกเลี่ยงให้เขาไม่ทานขนมหวานมากจนเกินไป
การป้องกันไม่ให้ลูกติดหวาน
– หลีกเลี่ยงนมผงดัดแปลงที่ผสมน้ำตาล ควรให้ดื่มนมรสจืดที่เป็นนมโคแท้ 100 %
– ไม่ควรยัดเยียดอาหารให้ลูก เช่น นมรสชาติเมื่อเห็นลูกทานได้ก็หามาให้เขาทานเรื่อย ๆ จนมากเกินไป หรือขนมหวานเห็นลูกชอบก็ซื้อมาบ่อยเกินไปก็ไม่ดี
– ให้เด็กรับประทานอาหารที่รสชาติหลากหลาย
– เน้นให้ลูกทานผลไม้ที่มีรสหวานตามธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงใด ๆ มากกว่า
– ปรุงอาหารไม่ควรปรุงรสชาติที่จัดจ้านเกินไป อย่างเช่นก๋วยเตี๋ยว เพราะตามร้านทั่วไปที่ขายพ่อค้าแม่ค้าเขาต้องใส่น้ำตาลมาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปรุงเพิ่มเข้าไป
– เมื่อลูกทานขนมหวาน น้ำอัดลม ควรให้ลูกแปรงฟันหรือทำความสะอาดช่องปากทุกครั้ง เพื่อป้องกันฟันผุก่อนวัย
– คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ใหญ่ในบ้าน ควรทำเป็นแบบอย่างให้เขาเห็น โดยการกินผลไม้ กินผัก ให้ลูกดูเป็นประจำ เขาจะได้ทำตาม และจะได้รับประโยชน์จากผัก ผลไม้ และความหวานธรรมชาติจากผัก ผลไม้ด้วย
– ตั้งกฎระเบียบ กติกาชัดเจน ว่าใน 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ลูกจะได้ทานขนม ของหวาน น้ำอัดลม จำกัดจำนวนอยู่ที่เท่าไหร่ เขาจะได้มีวินัยและ ช่วยป้องกันฟันผุ และสาเหตุอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย
– อธิบายผลเสียจากการทานหวาน ว่าถ้าหาดลูกทานขนม ทานของหวานมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกอย่างไร ซึ่งมันก็อาจจะทำให้เด็กเริ่มมีความกลัวอยู่บ้าง แต่เราก็ให้ลูกทานได้บ้างในปริมาณที่พอเหมาะ
บทส่งท้าย
การที่ลูกติดหวาน คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจมองว่าเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยไม่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าได้ลองศึกษาข้อมูลดี ๆ จะเห็นว่า หากลูกทานหวานไปเรื่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกยังไงบ้าง แต่ไม่ใช่บังคับไม่ให้เขาทานเลยเขาอาจจะไม่มีความสุข ทานได้แต่ต้องในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ช่วยกันปรับพฤติกรรมของลูกได้วัย เขาก็จะเติบโตได้สมวัย และห่างไกลจากโรคด้วยนะ
เครดิตรูปภาพ www.meme-arsenal.com www.npr.org www.crystalkarges.com