บทความนี้ขอแนะนำ “เลือกขวดนมให้ลูกน้อยอย่างไรดี ที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อลูกน้อย” ขวดนมสำหรับลูกน้อย ถือว่าเป็นสิ่งของอุปกรณ์ที่ถือว่าสำคัญอีกอย่างสำหรับลูกน้อย และในปัจจุบันขวดนมก็มีหลากหลายแบบมาให้เลือกใช้ เลือกซื้ออย่างมาก แต่แบบไหนดีให้เหมาะสมกับลูกน้อย และต้องปลอดภัยต่อลูกน้อยที่สุด บทความนี้มีคำแนะนำมาฝากกัน
ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ?
1.อำนวยความสะดวก ผ่อนแรงคุณแม่ในยามเหนื่อยล้า ในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกให้นมจากเต้า ก็นำนมแม่ออกมาใส่ขวดให้ลูกกินได้ตลอดเวลา
2.ช่วยให้คุณแม่ที่ปั๊มนมแช่เก็บไว้ให้ลูก สามารถให้นมแม่กับลูกได้สะดวกมากขึ้น ในช่วงเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่หรือติดธุระ
3.ลูกน้อยได้รับคุณค่านมแม่เต็มที่ตลอดเวลา ในเวลาที่คุณแม่ต้องไปทำงาน
4.ลูกกินนมแม่ได้ยาวนาน ช่วยให้ลูกไม่สับสนในการกินนม เพราะกินทั้งนมแม่จากเต้าและกินนมแม่จากขวดได้
5.เป็นอุปกรณ์สำคัญช่วยให้ลูกได้กินนมผสมในช่วงของการเปลี่ยนนมตามวัย หรือเมื่อถึงช่วงเวลาหย่านมแม่
6.ฝึกการกินน้ำ กินนมกล่องหรือน้ำผลไม้ ในกรณีที่ลูกโตขึ้นแต่ยังดูดจากหลอดไม่เป็น
7.ให้พี่เลี้ยง คุณพ่อหรือคุณตาคุณยายได้ใกล้ชิด ให้ความอบอุ่น รับหน้าที่ป้อนนมแม่ให้ลูกแทนคุณแม่ได้
ให้ลูกเริ่มใช้ขวดนม ตอนอายุเท่าไหร่?
การเริ่มต้นให้ลูกดื่มนมจากขวดนม สามารถเริ่มได้ทันทีหลังจากลูกเริ่มดูดนมจากเต้า แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรให้เริ่มดูดนมจาก ขวดนมเด็ก หลังจากลูกมีอายุ 3 – 4 สัปดาห์ เหตุผลเพราะว่า เด็กแรกเกิดจะยังต้องทำความคุ้นชินกับการดูดนม ต้องมีแม่คอยดู คอยป้อนและทำให้ลูกรู้ว่าเขากำลังดูดนมอย่างปลอดภัย และ อบอุ่น นอกจากนี้ การที่ลูกดูดนมจากเต้ายังเป็นการกระตุ้นน้ำนมให้กับคุณแม่ เพื่อที่ร่างกายจะรับรู้และเร่งผลิตน้ำนม ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูก ช่วยให้คุณแม่สามารถปั๊มนมสำรองไว้ได้มากพอสำหรับการให้ลูก เพื่อให้ลูกน้อยหัดดูดนมจากขวดนมอีกด้วย
ขนาดขวดนม ที่แนะนำสำหรับลูกน้อยในช่วงอายุต่างๆ
1.สำหรับลูกน้อยวัยแรกเกิด จนถึง 6 เดือน
ควรใช้ขวดนมขนาด 4 ออนซ์ (120 มิลลิลิตร) เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในการดื่มนมแต่ละครั้ง ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป โดยจะให้นมลูกทุกๆ 4 ชั่วโมง
2.เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
ควรเปลี่ยนขนาดขวดนมให้มีปริมาณ 7 – 8 ออนซ์ (240 มิลลิลิตร) เมื่อลูกมีน้ำหนักตัวมากขึ้น ก็ควรได้รับปริมาณน้ำนมที่มากขึ้น เพื่อเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่ข้อควรระวังคือ ลูกน้อยไม่ควรดื่มนมมากกว่า 32 ออนซ์ (320 มิลลิลิตร) ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เกิดภาวะท้องอืดและไม่สบายตัวได้
ประเภทของขวดนม
1.ขวดนมแบบมาตรฐาน
ขวดนมแบบนี้เรียบง่ายและเป็นขวดที่เป็นมาตรฐานของขวดแบบทั่วไป ทำงานได้ดีสำหรับทารกส่วน ควรเลือกขวดที่ทำจากพลาสติกแก้วที่ทนทานเพราะมันจะใช้งานได้นานมาก
2.ขวดนมแบบคองอ
เป็นขวดนมแบบมาตรฐานที่มีใช้มายาวนาน และยังเป็นขวดนมที่มีจุกนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือจุกนมยาว มักหาซื้อง่ายมีให้เลือกเยอะ และราคาถูกกว่าจุกและขวดนมคอกว้าง แต่ขวดนมแบบนี้นั้นทำความสะอาดได้ยากมาก
3.ขวดนมที่ใช้แล้วทิ้ง
ขวดนมแบบนี้โดยปกติจะเป็นพลาสติก สร้างขึ้นเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายเพราะคุณใช้และโยนทิ้งไปในทันที นี่เป็นตัวเลือกที่สะดวก แต่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4.ขวดนมแบบคอกว้าง
ฐานจุกนมกว้างคล้ายนมแม่ เหมาะกับคุณแม่ที่ให้นมจากเต้าสลับกับให้นมแม่ที่เก็บไว้ใส่ขวด ช่วยให้ลูกน้อยไม่สับสน ลดปัญหาลูกปฏิเสธนมขวด และลดปัญหาลูกปฏิเสธเต้าในเวลาที่คุณแม่ฝึกลูกกินนมแม่จากขวด นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างยังล้างง่าย แห้งเร็ว เพราะฐานคอขวดกว้าง
การเลือกใช้จุกนม
โดยทั่วไปมักผลิตจากวัสดุ 2 ชนิดหลักๆ มีอายุการใช้งานไม่ควรเกิน 3 – 6 เดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.จุกนมยาง
จุกนมที่ทำจากยางพาราจะเป็นสีน้ำตาล มีความนิ่มมากกว่าจุกนมซิลิโคน ทนความร้อน 100 ˚C มีอายุการใช้งานปกติ 3 เดือน แต่หากผ่านความร้อนสูงบ่อย อายุการใช้งานอาจเหลือไม่ถึง 1 เดือน
2.จุกนมซิลิโคน
เป็นสีขาวใส มีความคงทนและอายุการใช้งานมากกว่าจุกนมยาง ทนความร้อน 120 ˚C มีอายุการใช้งาน 6 เดือน ถ้าดูแลอย่างถูกวิธี แต่อายุการใช้งานอาจเหลือ เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน หากผ่านความร้อนสูงบ่อยเกินไป
การเลือกขวดนมพลาสติก
ขวดนมพลาสติกเป็นขวดนมที่หาซื้อได้ง่ายและเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ตกไม่แตก หาซื้อได้ง่าย และมีให้เลือกหลายราคาตามงบ มีทั้งแบบเนื้อใส เนื้อสีขาวขุ่น และสีชา ซึ่งขวดนมที่ผลิตจากพลาสติกต่างชนิดกันจะมีสี การทนทานต่อความร้อน และอายุการใช้งานที่แตกต่างกันตามไปด้วย
1.ขวดนมแบบ PP
ขวดนมประเภทนี้ผลิตจากวัสดุ Polypropylene ทำให้เนื้อพลาสติกจะมีสีกึ่งโปร่งใสหรือสีขาวขุ่น สามารถทนอุณหภูมิได้ในช่วง -20 – 110 ˚C ขวดนมชนิดนี้มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือน และอาจเหลือเพียง 3 เดือน หากมีการนำไปนึ่งหรือต้มบ่อยเกินไป
2.ขวดนมแบบ PPSU
ขวดนมประเภทนี้ผลิตจากวัสดุ Polyphenylsulfone เนื้อพลาสติกชนิดนี้มีสีน้ำตาลอ่อน สามารถทนอุณหภูมิได้ -50 – 180 ˚C อายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 8 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นกับการดูแลรักษาและความถี่ในการต้มหรือการนึ่งฆ่าเชื้อ
3.ขวดนมแบบ PES
ขวดนมประเภทนี้ผลิตจากวัสดุ Polyethersulfone เนื้อพลาสติกของขวดนมประเภทนี้จะออกเป็นสีน้ำผึ้งหรือสีชา สามารถทนอุณหภูมิได้ -50 – 180 ˚C โดยมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นกับการดูแลรักษาและความถี่ในการต้มหรือการนึ่งฆ่าเชื้อ
วิธีเลือกซื้อขวดนมให้ลูกน้อย
1.เลือกซื้อขวดนมพลาสติกสีขุ่นหรือทึบแสง เพราะทำจากพลาสติกพอลิเอทิลีนหรือพอลิโพรไพลีนที่ปลอดจากสาร BPA โดยมีวิธีการดูง่าย ๆ ด้วยการเลือกซื้อขวดนมที่มีสัญลักษณ์เลข 2 หรือเลข 5 บนผลิตภัณฑ์ ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นพลาสติกชนิดที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
2.หลีกเลี่ยงการใช้ขวดนมพลาสติกใสและพลาสติกโพลีคาร์บอเนต โดยสังเกตง่าย ๆ ได้จากเลข 7 หรือตัวอักษร PC ที่พิมพ์อยู่บนผลิตภัณฑ์ เพราะขวดนมดังกล่าวอาจปนเปื้อนสาร BPA เมื่อโดนความร้อนสูง จึงห้ามทำความสะอาดขวดนมชนิดนี้ด้วยการต้ม แต่ควรอุ่นในไมโครเวฟหรือใส่ในเครื่องล้างจานแทน
3.สังเกตรอยแตกหรือรอยร้าวบริเวณขวดนมทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะรอยต่าง ๆ อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย
4.เลือกยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนขวดนม ?
1.สังเกตเห็นว่าขวดนมดูไม่เหมาะมือทารกหรือเด็กอาจถือขวดไม่ถนัด
2.ขวดนมมีรอยแตก ร้าว รอยขีดข่วน หรือรอยรั่ว
3.สีของขวดนมเปลี่ยนไป หรือมีกลิ่นเหม็น
บทส่งท้าย
เพราะขวดนมถือว่าเป็นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยอย่างมาก และคุณแม่ควรให้ความสำคัญในการเลือกใช้ และเลือกซื้ออย่างมากที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่ลูกน้อยต้องใช้ทุกวัน ฉะนั้นความปลอดภัยต้องมาก่อนอันดับแรก
เครดิตรูปภาพ www.universityofcalifornia.edu www.kidly.co.uk www.thesun.co.uk milk-drunk.com