บทความนี้ขอแนะนำ “เปลเด็ก ควรเลือกซื้ออย่างไร ถึงจะปลอดภัยและเหมาะสมกับลูก” เปลเด็กถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย เพราะมันเป็นเครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่อคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อนอย่างมาก เพราะมันช่วยให้ลูกน้อยได้นอนหลับอย่างสบาย และในปัจจุบันเองก็มีเปลเด็กให้เลือกซื้อมากมาย ทั้งแบบไกวมือ แบบไฟฟ้า เปลแบบลูกกรง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั้นคุณพ่อคุณแม่จะเลือกซื้อจากวิธีใดได้บ้าง บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน
“เปลเด็ก” นั่นคือการช่วยเบาแรงของคุณพ่อคุณแม่ได้ดี ในยุคสมัยนี้เปลเด็กไม่ได้มีลักษณะเหมือนเก้าอี้เอนหลังตั้งไว้นิ่งๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมมากมายที่พร้อมอำนวยความสะดวก ช่วยให้กล่อมลูกนอนได้ง่ายขึ้น มีเวลาส่วนตัวเพิ่มให้ตัวเองมากขึ้น สามารถทำให้ลูกนอนหลับได้สนิทและมีความสุข ราวกับอุ้มลูกกล่อมนอนด้วยสองแขนของเราเอง
เปลเด็กมีกี่ประเภท ?
การเลือกเปลเด็กให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อยเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะแต่ละประเภทมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละแบบก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับเด็กทุกช่วงวัย แต่เปลเด็กมีกี่ประเภทนั้นลองไปดูกัน
1.เปลหิ้ว หรือเปลตะกร้า
เปลที่คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนในเปล แล้วคุณพ่อคุณแม่สามารถหิ้วเปลเดิน หรือหิ้วไปใส่ในคาร์ซีทหรือรถเข็นได้ มีน้ำหนักเบา มีหูจับหิ้วสะดวก พกพาง่าย แต่ส่วนใหญ่มักจะมีขนาดเล็กซึ่งเหมาะสำหรับลูกน้อยวัยทารกแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้ไม่ยาวนานนัก ซึ่งบางยี่ห้อนั้นก็สามารถน้ำไปใช้เป็นคาร์ซีทของลูกได้ต่ออีกด้วย
2.เปลไกว
เปลไกว คือเปลนอนสำหรับเด็กที่สามารถแกว่งโยกไปมาได้ แต่เป็นไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน เป็นการเคลื่อนไหวคล้ายขณะที่ลูกทารกยังอยู่ในท้องแม่ เพื่อช่วยคุณแม่ไกวเปลกล่อมลูกนอน โดยไม่ต้องอุ้มโยกกล่อมลูกน้อย ซึ่งเปลไกวมีการพัฒนาหลายแบบ ทั้งเปลไกวตั้งพื้นขนาดเล็กเฉพาะตัวลูก เปลไกวแบบลูกกรง เปลที่ต้องใช้แรงมือไกว เปลไฟฟ้าไกวอัตโนมัติ คือตั้งเวลาให้เปลโยกเองได้ ตั้งระดับการแกว่งว่าให้สูงแค่ไหน แถมบางรุ่นยังมีเสียงดนตรีมาให้อีกด้วย
3.เปลเตียง แบบไกวได้
เปลชนิดนี้ล้ำหน้าและสามารถใช้ได้อเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นทั้งเตียงที่เคลื่อนย้ายมาประกบกับเตียงนอนของคุณพ่อคุณแม่ได้ และยังสามารถเป็นเปลไกวที่ช่วยกล่อมลูกน้อยนอนได้พร้อมกัน ซึ่งปัจจุบันเปลเตียงที่ไกวได้นี้ มีการออกแบบและใช้เทคโนโลยีที่ช่วยในการเลี้ยงลูกน้อยให้นอนหลับได้สบายยิ่งขึ้น คือมีทั้งการตั้งระดับการไกวได้ เปิดด้านข้างได้ ยกระดับหัวเตียงเพื่อไม่ให้ลูกสำลักหลังกินนม ลดกรดไหลย้อนหรือแหวะนมออกมาได้
4.เปลลูกกรง
เปลที่มีพื้นที่กว้างสำหรับทารกและมีที่กั้นเป็นลูกกรงค่อนข้างสูง โดยบางชนิดถูกออกแบบมาให้สามารถแกว่งไกวหรือโยกเพื่อช่วยกล่อมให้ทารกหลับง่ายขึ้น มักใช้ได้นานกว่าเปลตะกร้าที่ใช้ได้จนถึงเด็กมีอายุไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ แต่เปลลูกกรงก็เคลื่อนย้ายลำบาก มีราคาแพงกว่า และอาจไม่มีชุดเครื่องนอนสำหรับเด็กแถมมาให้
5.เปลแบบเพลเพน
เปลที่มีลักษณะเหมือนคอกกั้นเด็ก แต่พับเก็บได้ ทำให้พกพาสะดวก โดยเป็นเปลที่มีขนาดใหญ่และกว้าง มีราวกั้นที่สูง มั่นคง แข็งแรง เหมาะสำหรับลูกน้อยวัย 6-7 เดือนที่กำลังเริ่มคลาน และอาจใช้ได้นานจนกว่าลูกจะถึงวัยที่ปีนป่ายออกมาเองได้ โดยเปลเพลเพนจะมีทั้งแบบเปิดกว้างไม่มีมุ้ง และแบบมีมุ้งครอบเพื่อปิดป้องกันยุงหรือแมลงได้ด้วย
วิธีเลือกซื้อเปลเด็ก
1.ความปลอดภัย
ความปลอดภัยต้องมันเป็นอันดับแรก ตัวเปลต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน แข็งแรง คงทน ฐานกว้าง รับน้ำหนักได้ดี เพราะจะต้องไม่ส่งผลอันตรายต่อลูกน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว
2.หลังคาหรือมุ้งที่อยู่กับเปล
ควรเลือกซื้อเปลที่มีหลังคาแข็งแรงและช่วยป้องกันแสง รวมทั้งมีมุ้งหรือม่านที่ช่วยกันแมลงได้ เพื่อไม่ให้มีแมลงหรือแสงแดดมากวนใจเด็กตอนที่เด็กกำลังนอน
3.ราคา
นอกจากความปลอดภัยแล้ว ราคาต้องไม่แพงเกินไป เพราะเปลบางชนิดลูกอาจจะนอนได้ไม่กี่เดือนก็ต้องเปลี่ยนแบบแล้ว ก็ควรเลือกที่ปลอดภัยและราคาเหมาะสมด้วย
4.การจัดเก็บและเคลื่อนย้าย
ต้องสามารถพกพาหรือพับเก็บได้ง่ายไม่ยุ่งยาก บางยี่ห้อมีล้อที่หมุนได้แบบ 360 องศาอีกด้วย ซึ่งจะทำให้เคลื่อนย้ายเด็กได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ย้ายเปลทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวน้อยยังนอนอยู่ในเปล เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้
5.เพลงและของเล่น
อาจะมีเสียงแพลงหรือของเล่นเล็กน้อย เพื่อเป็นของเล่นล่อตาล่อใจ ช่วยกล่อมให้ลูกน้อยนอนหลับได้ง่ายขึ้นก็ได้
วิธีให้ลูกใช้เปลเด็กอย่างปลอดภัย
1.ไม่ควรนำของเล่นชิ้นใหญ่ หมอน ผ้าห่มมาไว้ในเปลมากเกินไป เพราะจะทำให้พื้นที่ในเปลเหนือน้อย และอาจจะไปทับลูกขณะนอนหลับ อาจจะทำให้ลูกขาดอากาศหายใจได้
2.ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาใกล้เปลเด็ก เพราะสัตว์เลี้ยงอาจจะปีนเข้ามาในเปล หรือวิ่งชนเปล อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
3.หาพื้นที่จัดวางเปลให้เหมาะสม ต้องไม่อยู่ใกล้หน้าต่าง หรือประตู เพราะเขาอาจจะปีนเล่นจนตกลงมาได้
4.ควรระวังไม่ให้เปลอยู่ใกล้ผ้าม่าน หรือผ้าอะไรบางอย่าง ที่สามารถพันคอของเด็กได้
5.เลือกเปลลูกกรงที่มีระยะห่างของซี่กรงไม่เกิน 2.5 นิ้ว เพื่อป้องกันศีรษะทารกติดหรือหลุดลอดออกจากช่องได้
6.เลือกฟูกที่พอดีกับเปล หรือเลือกเปลที่มีฟูกขนาดพอดีกัน มีความนุ่มและหนาแน่นมากพอเพื่อให้เด็กนอนอย่างสบาย เพราะถ้าหากฟูกอ่อนนุ่มเกินไปหรือสามารถสอดนิ้วระหว่างขอบเปลและฟูกได้อาจเสี่ยงทำให้จมูกและปากของเด็กไปติดบริเวณดังกล่าว หรือถูกฟูกกดทับจนเด็กหายใจไม่ออกได้
7.หากเป็นเปลแบบประกอบหรือพับได้ ควรตรวจดูตัวล็อคให้ดีว่าตัวล็อคลงล็อคหรือเปล่า ป้องกันเปลล้มหรือทรุดตัว
8.เลือกเปลที่สามารถถอดนำมาทำความสะอาดได้ง่าย เพราะของใช้เด็กต้องสะอาดไร้ฝุ่น
9.เมื่อเด็กนอนหลับ พ่อแม่ควรคอยระวังและจับให้เด็กนอนหงายอยู่เสมอ
10.หลีกเลี่ยงการใช้เปลตะกร้าที่ทำจากวัสดุถักสาน เนื่องจากการถ่ายเทของอากาศน้อย อาจจะทำให้เด็กขาดอากาศหายใจได้
บทส่งท้าย
ในการเลือกซื้อเปลสำหรับเด็กนั้น ต้องคำนึงถึงเหตุผลหลายอย่างทั้งวัสดุ ราคา การใช้งานตามวัย แต่ที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดก็คือความปลอดภัยของลูกต้องมาเป็นอันดับแรก ก่อนจะตัดสินใจซื้อก็ต้องตรึกตรองให้ได้ว่าลูกจะได้ใช้มากน้อยแค่ไหนด้วยนะ
เครดิตรูปภาพ www.newtonbaby.com สล็อตออนไลน์