ปัญหาเด็กทานยากเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้านจะต้องประสบกับปัญหานี้อย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นปัญหาโลกแตกและเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้ปกครองเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องหาวิธีที่ให้ลูกน้อยนั้นทานให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ถ้าหากลูกทานอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้เขาเจริญเติบโตได้อย่างสมวัย และมีพัฒนาการที่ดีในอนาคต วันนี้เราจึงมีข้อมูลผลกระทบของเด็กที่ทานยากมาฝากกันสำหรับบ้านไหนที่กำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้สามารถติดตามรายละเอียดกันได้เลย
1. สำหรับเด็กไม่ยอมทานผัก
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เด็กน้อยชอบอาหารที่มีรสชาติหวาน ดังนั้นผักจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่เด็กนั้นหลีกเลี่ยงและไม่ชอบเป็นอย่างมาก ด้วยรสชาติที่ขมและมีกลิ่นเหม็นเขียวรวมทั้งมีเนื้อสัมผัสที่หยาบเพราะเป็นกากใยสูงจึงทำให้เด็กนั้นไม่ชอบทานนั่นเอง แต่ผักและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ กากใยและสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีนั่นเอง อีกทั้งผักยังช่วยบำรุงสายตา กระดูก บำรุงผิวพรรณ บำรุงเหงือก รวมถึงช่วยให้ฟันนั้นแข็งแรงได้อีกด้วย แต่ถ้าลูกไม่ยอมทานผักเลย ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง ลูกจะมีปัญหาในเรื่องของระบบขับถ่าย ทำให้ท้องผูก และมีภูมิต้านทานน้อยลง สำหรับวิธีการแก้ไขคือให้ลูกลองทานผักที่หลากหลายอย่างละเล็กน้อยหรืออาจจะเป็นผักแปรรูปก็ได้เช่นกันจะช่วยให้เขายอมทานผักและได้สารอาหารมากยิ่งขึ้น
2. สำหรับเด็กไม่ยอมทานผลไม้
ขอด้วยรสชาติและกลิ่นของผลไม้บางชนิดทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ลูกนั้นไม่ยอมทานผลไม้หรือเก็บผลไม้ชนิดอื่นไปด้วย ซึ่งผลไม้นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมากอุดมไปด้วย วิตามิน เกลือแร่ และกากใยอาหาร และมีสารต้านอนุมูล โดยเฉพาะในผลไม้รสเปรี้ยวซึ่งจะมีวิตามินซีสูง วิตามินที่สำคัญเหล่านี้จะไปช่วยเสริมสร้างส่วนต่างๆของร่างกายให้แข็งแรง เช่นในระบบหลอดเลือด กระดูกอ่อน สารสื่อประสาทในสมอง รวมถึง 9 เนื้อเป็นต้น นอกจากนี้ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงยังช่วยในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันให้กับลูก ช่วยลดการเจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี ถ้าหากลูกไม่ยอมทานผลไม้จะส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และทำให้สารคอลลาเจนที่ร่างกายใช้ในการหล่อลื่นและประสานการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อต่างๆและลดน้อยลงรวมถึงเด็กอาจจะมีรอยช้ำและเป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ง่าย สำหรับวิธีแก้ไขคือลองเปลี่ยนมาให้ลูกทานเป็นน้ำคั้นผลไม้สด อาจทำให้ลูกนั้นทานผลไม้ได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง
3. เด็กไม่ยอมทานปลา
มักมีปัญหาในเรื่องของผิวพรรณ พัฒนาการทางสมองล่าช้าและที่สำคัญเด็กจะขาดโอเมก้า 3 และ DHA ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการทางด้านระบบประสาทและสมองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สารอาหารเหล่านี้ยังช่วยบำรุงระบบสายตาและช่วยปรับสมดุลทางอารมณ์ของลูกได้ดีอีกด้วย ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถผลิตโอเมก้า 3 ได้เองดังนั้นจึงต้องได้รับจากอาหารที่ทานเข้าไปเข้า ได้เองดังนั้นจึงต้องได้รับจากอาหารที่ทานเข้าไปเท่านั้นแต่ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถผลิตโอเมก้า 3 ได้เองดังนั้นจึงต้องได้รับจากอาหารที่ทานเข้าไปเท่านั้นแต่ถ้าหากลูกไม่ยอมทานปลาจะทำให้ขาดความสามารถในการเรียนรู้ มีพัฒนาการทางสมองที่ล่าช้าและขาดสมาธิ การเรียนรู้จดจำและการวิเคราะห์และมีประสิทธิภาพลดน้อยลง รวมถึงทำให้ผิวนั้นขาดความชุ่มชื้นและเกิดผื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น วิธีการแก้ไขคือคุณพ่อคุณแม่อาจนำปลาไปแปรรูปในรูปแบบอื่นๆ หรืออาจจะเปลี่ยนวิธีการประกอบอาหารเป็นการทอดหรือต้มแทนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการทานอาหารให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
4. เด็กไม่ยอมดื่มนม
ปัญหานี้จะทำให้เด็กนั้นขาดแคลเซียม ร้านทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง รวมถึงอาจเกิดภาวะขาดแคลนหรือเกิดโรคกระดูกอ่อนขึ้นได้ โดยในน้ำนมแม่มีสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็กเป็นอย่างมากนั่นคือโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี 2 วิตามินเอ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ถ้าหากลูกไม่ยอมดื่มนมคุณพ่อคุณแม่อาจลองให้ลูกดื่มคู่กับขนมปังหรือทานกับขนมของว่างจะทำให้ลูกนั้นดื่มนมได้มากยิ่งขึ้น หรืออาจจะเสริมสร้างแคลเซียมจากแหล่งอาหารอื่นเช่นปลาเล็กปลาน้อยหรือในผักใบเขียว
จะเห็นได้ว่า 4 ปัญหาที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทุกส่วนของร่างกาย ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนกำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้ลองใช้วิธีแปรรูปอาหาร ให้อยู่ในรูปแบบที่แปลกใหม่ หรือเพิ่มเติมสีสันจัดจานให้ดูน่าทาน จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกได้มากยิ่งขึ้น และจะช่วยลดอาการเบื่ออาหารลงได้นั่นเอง