สำหรับพ่อแม่มือใหม่ต้องยอมรับเลยว่าการเลี้ยงดูเด็กทารกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมากเลยทีเดียว การที่ต้องรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเติบโตมาในแบบที่คุณเลี้ยงดูนั้น อาจทำให้พ่อแม่บางคนรู้สึกกดดัน ว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่คุณ มีความกังวลในหลายๆ เรื่องที่จะเลี้ยงลูกน้อยให้เติบโตมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นพ่อแม่มือใหม่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการเลี้ยงเด็กทารก ต้องมีการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้เลี้ยงลูกน้อยให้ถูกต้อง ให้เขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ และที่สำคัญ การเลี้ยงดูของเราจะต้องไม่ทำร้ายเขาทางอ้อมโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ วันนี้เราจึงมีข้อห้ามในการเลี้ยงเด็กทารกมาฝากกัน เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะได้ปฏิบัติกับลูกน้อยได้อย่างถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับเขานั่นเอง
1. ห้ามโยนทารกขึ้นลง
การเล่นกับเด็กทารกสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากเลยคือห้ามโยนขึ้นลง เพราะศีรษะของเด็กทารกนั้นยังบอบบางมาก การโยนขึ้นลงนั้นจะทำให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน เมื่อหัวโยกไปมาแรงๆ อาจส่งผลให้มีเลือดออกในสมองได้เช่นกัน รวมถึงท่าที่เล่นกับลูกน้อยเช่นนี้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้สูง คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก
2. ห้ามดึงดั้งให้โด่ง
ตามความเชื่อสมัยโบราณที่เชื่อกันว่า หากดึงดั้งลูกตั้งแต่เด็กๆ จะทำให้จมูกโด่งขึ้นได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด การบีบบริเวณสันจมูกของเด็กทารกนั้นจะเสี่ยงต่อการอักเสบที่ชั้นใต้ผิวหนัง เพราะเนื้อเยื่อของเด็กทารกนั้นบอบบาง หากถูกบีบซ้ำๆ ที่บริเวณเดิมจะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นได้
3. ห้ามคาดหวังมากเกินไป
อีกข้อห้ามหนึ่ง ที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกน้อยได้นั่นก็คือการคาดหวังในตัวเขา ให้เขาเป็นแบบที่เราต้องการ ซึ่งการคาดหวังนั้นจะทำให้ลูกมีพัฒนาการที่แย่ลง มีความคิดที่จำกัด ไม่เปิดกว้าง และไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกทำในสิ่งที่ต้องการให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาการที่ดีทั้งทางสติปัญญาและอารมณ์
4. ฉี่เช็ดลิ้น
ถือเป็นข้อห้ามที่ร้ายแรงมาก เป็นความเชื่อสมัยโบราณที่นำฉี่มากวาดลิ้นเพื่อรักษาฝ้าขาว ที่เมื่อปล่อยไว้นานจะกลายเป็นเชื้อราได้ การใช้ฉี่เช็ดลิ้นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากได้
5. แป้งฝุ่นโรยตัว
เป็นอีกข้อห้ามหนึ่งในการเลี้ยงทารก เพราะคุณพ่อคุณแม่หลายท่านเชื่อว่าการใช้แป้งฝุ่นโรยตัวนั้นจะช่วยลดความอับชื้นลงได้ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด แป้งมีคุณสมบัติอมน้ำ จึงมีส่วนทำให้ก้นของลูกน้อยอับชื้นได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดผื่นได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ในแป้งฝุ่นส่วนมากจะมีสารทัลคัม ซึ่งเมื่อสูดดมหรือฟุ้งกระจายเข้าจมูกแล้วอาจก่อให้เกิดโรคทางระบบทางเดินหายใจได้
6. ห้ามให้ลูกน้อยทานหวานมากเกินไป
สำหรับเด็กที่สามารถทานข้าวได้บ้างแล้วไม่ควรให้ลูกน้อยทานหวานมาก เพราะมีแต่จะทำลายสุขภาพของลูก การทานมากเป็นประจำจะทำใหเกิดการสะสมของน้ำตาลตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคขึ้นมากมายในภายหลังได้ โดยเฉพาะโรคอ้วนในเด็ก
7. ห้ามใช้อุปกรณ์ไอทีในการเลี้ยงลูก
เช่นการใช้สมาร์ทโฟน หรือปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์นานๆ ซึ่งมีงานวิจัยแล้วว่าเด็กอายุ 0-7 ปี ไม่ควรได้รับแสงจากหน้าจอ LCD เพราะจะทำลายสายตาและสมองโดยตรง อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อสมาธิและพัฒนาการของเด็กอีกด้วย จะทำให้ลูกน้อยกลายเป็นเด็กสมาธิสั้น และมีพัฒนาการต่ำ
8. ระวังเรื่องความสะอาด
สำหรับเด็กทารกแรกเกิด ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องระมัดระวังในเรื่องของความสะอาด ไม่พาลูกน้อยไปในพื้นที่ที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท รวมถึงฝุ่นควันต่างๆ ก็สามารถทำร้ายลูกน้อยได้ เป็นปัจจัยที่จะทำให้ลูกน้อยนั้นไม่สบายเจ็บป่วยง่ายได้อีกด้วย
9. ป้อนกล้วยเด็ก
ความเชื่อโบราณที่เชื่อว่าป้อนกล้วยเด็กจะทำให้เขาโตเร็วและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ความคิดที่ถูก เพราะเด็กทารกแรกคลอด-6 เดือน ควรได้รับน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะระบบการย่อยอาหารยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก นมแม่ย่อยง่ายและไม่ส่งผลให้น้องท้องอืด การให้ลูกน้อยทานกล้วยนั้นจะทำให้เกิดลำไส้อุดตันตามมาได้
10. ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ของเด็ก
เพราะผิวของลูกน้อยนั้นบอบบางมาก การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ซักผ้า ล้างอุปกรณ์ ควรเลือกสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่อ่อนโยนต่อผิวและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี
จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงเด็กทารกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นที่ต้องศึกษาหาข้อมูลใหม่เพื่ออัพเดทความรู้อยู่เสมอ เพื่อการปฏิบัติกับลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง ไม่ทำร้ายลูกน้อยทางอ้อมโดยไม่รู้ตัว เคล็ดลับในการเลี้ยงเด็กทารกที่เรานำมาฝากกันในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ในการเลี้ยงลูกน้อยได้ เพื่อที่เขาจะได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างมีคุณภาพ