อันตรายของขนมถุงขบเคี้ยวแสนอร่อย ทานมากทำลายสุขภาพต่อเด็กแน่นอน

บทความนี้ขอแนะนำ “อันตรายของขนมถุงขบเคี้ยวแสนอร่อย ทานมากทำลายสุขภาพต่อเด็กแน่นอน” ในปัจจุบันขนมคบเคี้ยวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายแบบ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของเด็ก ๆ อยู่ เพราะมีรสชาติอร่อย กรอบ หลากหลาย ทานได้ไม่เบื่อ แต่ใครจะรู้ว่าขนมถุงคบเคี้ยวที่แสนจะอร่อยนี้เต็มไปด้วยโทษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไขมัน น้ำตาล โซเดียม ซึ่งแต่ละตัวนั้นบอกเลยยิ่งทานมากยิ่งอันตราย แต่เรานั้นก็ไม่สามรถที่จะห้ามลูก ๆ ให้เลิกทานได้ทันที แต่คุณพ่อคุณแม่ควรหาขนมคบเคี้ยวที่มีประโยชน์มาทดแทนให้มากขึ้นดีกว่า เพราะยิ่งเด็ก ๆ ทานขนมถุงมากเพียงใดก็จะยิ่งทำลายสุขภาพมากขึ้นไปเรื่อย ๆ 

อันตรายจากขนมถุงขบเคี้ยว 

ขนมถุงขบเคี้ยว เป็นขนมที่ทานได้เพลิน อร่อย มีของเล่นที่ล่อตาล่อใจแถมคู่มาในซองด้วย แต่ขนมถุงขบเคี้ยวนั้น มีทั้งน้ำตาล ไขมัน โซเดียม ที่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก คุณค่าทางโภชนาการก็น้อย แถมอาจจะทำให้เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น

1.เสี่ยงเป็นโรคอ้วน

เพราะในขนมนั้นมีทั้งน้ำตาลที่ส่งผลให้มีรสชาติที่หวาน ไขมันเพราะขนมถุงส่วนใหญ่จะเป็นแบบทอด โซเดียมที่เยอะ ขนมก็จะเป็นพวก ช็อกโกแลต เยลลี่ ขนมกรุบกรอบ หมากฝรั่ง ลูกอม ซึ่งเด็ก ๆ ก็มักจะไม่ออกกำลังกายกันอยู่แล้วการเผาผลาญก็ยิ่งทำได้อยาก แถมจะมีการขยับร่างกายที่น้อยด้วย เรียกได้ว่าอร่อยแต่โทษก็มีอยู่มากเช่นกัน

2.เสี่ยงต่อฟันผุ

น้ำตาลในขนมขบเคี้ยวเป็นสาเหตุต้น ๆ เลย ที่ทำให้ฟันผุ เพราะน้ำตาลมักจะเข้าไปเกาะตามซอกเล็กๆของผิวฟัน ทำให้เกิดเป็นคราบ พลักซ์ และยิ่งเด็ก ๆ บางคนแปรงฟันไม่สะอาด หรือไม่ค่อยได้แปรงฟัน ก็จะทำให้เกิดการสะสมของน้ำตาลมากขึ้นเรื่อย ๆ จนฟันผุได้

3.สาเหตุของโรคไต

ขนมขบเคี้ยวส่วนมากจะมีส่วนผสมของเกลืออยู่เยอะพอสมควร เพื่อเพิ่มรสชาติให้ขนมมีรสชาติกลมกล่อมทานง่ายขึ้น บางชนิดมีผงชูรส หรือผงปรุงรสที่มีรสเค็มผสมเข้าไปด้วย ก็ยิ่งทำเพื่อโซเดียมเข้าไปอีก และหากได้รับเข้าไปในปริมาณที่ค่อย ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจจะทำให้ตัวดูบวม น้ำหนักขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุของโรคไตได้อีกด้วย

4.สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง

ขนมจำพวกช็อกโกแลตนั้น มีสารเฟนิลไธลามิน ธีโอโบรไมน์ และกาเฟอีน ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ ฉะนั้นผู้ปกครองควรแนะนำหรือควบคุมให้ลูก ๆ ทาน จำกัดจำนวน หรือไม่ควรทานบ่อย หรือเปลี่ยนไปทานจำพวกที่เป็นช็อกโกแลตแท้ หรือ Dark chocolate แทน จะดีกว่า

5.สาเหตุของโรคมะเร็ง

มาถึงข้อนี้ก็อาจจะถูกมองว่าร้ายแรง แต่ใครจะรู้ว่ามีผลวิจัยมาแล้วจากสำนักงานอาหารแห่งประเทศสวีเดน ที่กล่าวอ้างว่า ขนมที่ทอดหรือถูกอบด้วยความร้อนสูง นั้นมีสารอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งอยู่ด้วย และยิ่งน้ำมันที่ใช้ทอดขนมเกินสองครั้งก็มีสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการแตกตัวของน้ำมันที่เสื่อมสภาพ ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารอีกด้วย

6.สาเหตุของโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

ขนมขบเคี้ยวที่ใช้น้ำมันทอดเช่น มันฝรั่ง ถั่ว แป้ง เป็นสาเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ง่าย และยิ่งรับประทานบ่อย ทานมากเกินไปก็ยิ่งจะได้รับไขมันที่อาจจะไม่ดีสะสมขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดสูงได้

วิธีการเลือกขนมขบเคี้ยวให้ห่างไกลจากอันตราย

1.เลือกขนมที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และเกลือที่ไม่เยอะหรือเค็มมากจนเกินไป 

2.เลือกขนมที่ใช้สีจากธรรมชาติในการผสมลงไปในอาหาร

3.ควรจำกัดการทานขนมขบเคี้ยว ไม่ควรให้ทานเยอะจนเกินไป

4.ทานขนมขบเคี้ยวเป็นอาหารทานเล่น ไม่ควรทานจนเป็นอาหารหลัก

ขนมที่ควรแนะนำให้ลูกเลือกทาน

1.อัลมอนด์อบกรอบ  เป็นสิ่งที่นิยมนำมาทานเล่น ๆ เพราะทั้งกรอบ เคี้ยวเพลิน รสชาติมัน มีประโยชน์ทั้งวิตามิน ไขมันดี

2.นมอัดเม็ด จะเรียกว่าเป้นขนมหรือลูกอมก็ได้ มีรสชาติหวาน หอม กรอบ มีส่วนผสมจากนม ที่ทั้งดีและมีประโยชน์ในตัว

3.ผลไม้อบแห้ง มีทั้งวิตามิน กากใยช่วยในการขับถ่าย ไม่ปรุงแต่งสารใด ๆ ทั้งสิ้น ทานง่าย 

4.ปลาเส้นหรือปลาสวรรค์ มีวิตามิน โปรตีน เป็นขนมที่อร่อยและอุดมไปด้วยประโยชน์แต่ควรเลือกซื้อในยี่ห้อที่น่าเชื่อถือได้ ถ้าตามท้องตลาดทั่วไปอาจจะผสมแป้งเยอะไป ควรเลือกให้ดี

5.ป็อบคอร์นไขมันต่ำ อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ทั้ง วิตามินบี 1 วิตามินบี2 วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ มีไขมันต่ำอีกด้วย

6.ข้าวเกรียบปลาแท้ ๆ ปัจจุบันเองก็มีการดัดแปลงนำส่วนผสมที่เกิดจากธรรมชาติแท้ ๆ ไม่ปรุงแต่งรสชาติใด ๆ ออกมาวางขายมากขึ้น เป็นทางเลือกได้ดีอีกทาง

บทส่งท้าย

ขนมกรุบกรอบไม่ว่าจะรุ่นไหน วัยไหน ก็ยังนิยมรับประทานกันอยู่ เพราะมันอร่อย หาซื้อได้ง่าย มีรสชาติที่หลากหลาย ผลิตภัณฑ์นั้นล่อตาล่อใจอีกด้วย แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยอันตรายที่แอบแฝงเข้ามาอีกด้วยนะ ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ยาก ฉะนั้นควรจำกัดการรับประทาน และพยายามเลือกชนิดที่จะส่งผลอันตรายต่อร่างกายน้อยที่สุด หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปรุงแต่งจากธรรมชาติจะดีกว่าด้วย

เครดิตรูปภาพ www.eatthis.com www.sog.com.sg