บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง อยากเลี้ยงแมว แต่จะอันตรายต่อเด็กไหม เลี้ยงแมวในบ้านได้หรือเปล่า เชื่อว่าหลายครอบครัวจะต้องมีสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่รักสัตว์ อาจจะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเพื่อนยามอยู่บ้าน แต่เมื่อวันใดที่ครอบครัวเริ่มมีสมาชิกใหม่คือ ลูกน้อยน่ารักเพิ่มเข้ามา การเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านพร้อมกับลูกน้อยอันตรายต่อลูกน้อยหรือไม่ วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน
เลี้ยงเด็กกับแมวได้ไหม
การเลี้ยงแมวกับลูกนั้นสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะเลี้ยงแมวในบ้าน ไม่ควรจะปล่อยแมวออกไปข้างนอกบ่อยนัก เพราะแมวที่อยู่นอกบ้าน หรือแมวที่เลี้ยงแบบเปิดโล่งมีโอกาสที่ติดเชื้อมากกว่าแมวที่อยู่ในบ้าน เช่น พยาธิ ไข้ตับอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า แคมไฟโลแบคเตอร์ และพยาธิ รวมถึงการพาแมวไปหาสัตวแพทย์บ่อย ๆ ก็จะเป็นวิธีช่วยให้เสริมความมั่นใจ และเสริมสุขภาพที่ดีให้กับแมวได้โดยควรพาแมวไปตรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี และควรใช้ยากำจัดพยาธิด้วย
อันตรายจากแมวที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็ก
ก่อนที่คุณแม่จะตัดสินใจเลี้ยงแมวในบ้าน ควรคำนึงถึงอันตราย ดังนี้
1.ทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ คุณแม่ไม่ควรให้แมวนอนใกล้ ๆ กับเด็ก และควรปิดประตูห้องให้สนิททุกครั้งเมื่อเด็กนอน เพื่อไม่ให้แมวเข้าไปรบกวนเด็ก เพราะแมวบางตัว มีนิสัยชอบคลุกคลีกับคน ซึ่งหากเด็กกำลังนอนอยู่ แมวอาจขึ้นไปนอนทับใบหน้าของเด็ก จนทำให้เด็กหายใจไม่ออกได้
2.เด็กกินขนแมว แมวมักจะขนร่วง ซึ่งหากลูก ๆ ของคุณแม่ยังเป็นทารก อาจมีบางครั้งที่เขาเผลอหยิบจับขนแมวเข้าปาก หากเด็กคนไหนเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว อาการภูมิแพ้อาจกำเริบได้ แต่อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่ที่โตมากับแมวและสุนัขมักจะไม่ค่อยเป็นโรคภูมิแพ้
3.โดนแมวข่วน เมื่อเด็กๆ เล่นกับแมว อาจทำให้โดนกรงเล็บของแมวข่วนจนเป็นแผล และอาจทำให้เป็นโรคกลากได้ คุณแม่จึงควรอยู่ใกล้ ๆ เด็ก เมื่อเด็กกำลังเล่นกับแมว และคอยสังเกตพฤติกรรมของแมวอย่างใกล้ชิด
4.แมวขี้อิจฉา แมวบางตัวมีนิสัยขี้อิจฉา พอเห็นคุณแม่ดูแลเอาใจใส่ลูกน้อย ก็อาจจะรู้สึกอิจฉา และแสดงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีกับลูกน้อย วิธีป้องกัน คือ ไม่ควรแทนที่บริเวณที่อยู่ของแมวด้วยสิ่งของที่เป็นของเด็ก ควรเอาใจใส่ และหมั่นดูแลแมว เพื่อที่แมวจะได้ไม่น้อยใจ หรืออิจฉาเด็ก
5.เชื้อโรคหรือพยาธิที่เกิดจากแมว แมวบางตัวมีพยาธิหรือเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ที่อาจแพร่สู่คนได้ แต่ก็อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะเราสามารถป้องกันเชื้อโรคหรือพยาธิได้ง่าย ๆ โดยการหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเล่นกับแมว หรือก่อนทานอาหาร ทำความสะอาดบริเวณที่แมวขับถ่ายให้เรียบร้อย และดูแลไม่ให้เด็กเข้าใกล้กระบะขับถ่ายของแมว
6. เสี่ยงเป็นโรคท็อกโซพลาสโมซิส เด็กและผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ซึ่งมักทำให้มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ปวดตามร่างกาย มีไข้ และต่อมน้ำเหลืองบวม เป็นต้น ข้อแนะนำคือ ไม่ควรให้แมวกินเนื้อดิบ เพราะจะทำให้แมวมีพยาธิ และกลายเป็นพาหะของโรคนี้ได้
ประโยชน์ในการเลี้ยงแมวกับลูก
1.สร้างความผ่อนคลาย
มีงานวิจัยว่าด้วยเรื่องเสียงร้องของแมว ที่มีความถี่ตั้งแต่ 20-140 เฮิร์ต ตรงกับความถี่ที่ทางการแพทย์ยอมรับว่า “เสียงร้อง เหมียวๆ” สามารถช่วยบรรเทาอาการป่วยได้ ช่วยลดความวิตกกังวล และสร้างความผ่อนคลายได้ นอกจากนั้นความผูกพันกับแมวเพิ่มความสดใสทางด้านอารมณ์ให้กับเด็กๆ ได้ เด็กที่เลี้ยงแมวจึงไม่ค่อยมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า
2.รู้จักกับความรัก
แมวช่วยเด็กๆ ได้เรียนรู้ว่า นอกจากคนในครอบครัวแล้ว ความรักสามารถ “ให้” และ
“ได้” จากสิ่งอื่นได้เช่นกัน แถมยังเป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไข
3.ลดเวลาบนหน้าจอ
เด็กที่เลี้ยงแมวมักจะแบ่งเวลาในชีวิตประจำวันของตัวเองให้กับแมว ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย นอนเล่น เล่นของเล่น ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมอื่นๆ ทำให้เวลาของการอยู่บนหน้าจอของพวกเขาลดน้อยลง จึงส่งผลดีในเรื่องของการสื่อสาร การเข้าสังคม ความคิดสร้างสรรค์
4.บำบัดเด็กออทิสติก
มีผลสำรวจออกมาว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้เด็กอารมณ์ดี ยิ้มแย้ม และช่วยลดปัญหาการสื่อสารของเด็กได้จริง ทำให้เด็กมีการสื่อสารกับครอบครัวมากขึ้น และมากกว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง
5.ปลูกฝังความรับผิดชอบ
การเลี้ยงแมวถือเป็นงานใหญ่ทีเดียวสำหรับเด็กๆ เพราะแมวเป็นสิ่งมีชีวิต เคลื่อนไหวได้ มีกิจวัตรประจำวันเช่นเดียวกับมนุษย์ ไม่เหมือนเพื่อนเล่นอื่น อย่างหุ่นยนต์หรือตุ๊กตา เด็ก ๆ จึงต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อเลี้ยงแมว รับผิดชอบการให้อาหาร การให้น้ำเวลาถึงเวลา
บทส่งท้าย
แม้ว่าการเลี้ยงแมวจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่สิ่งเหล่านี้ป้องกันได้ด้วยการรักษาความสะอาดภายในบ้าน ไม่ปล่อยให้แมวขับถ่ายเรี่ยราด กำชับให้เด็กและคนในบ้านล้างมือบ่อย ๆ ทุกครั้งที่จับแมว ไม่สัมผัสปัสสาวะหรืออุจจาระของแมวโดยตรง และไม่ทำให้แมวโมโหจนข่วนเป็นแผล
เครดิตรูปภาพ