บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง วิธีถนอมสายตาให้ลูกน้อยในยุคไซเบอร์ จากหน้าจอคอม มือถือ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ ทุกวันนี้เด็กๆและคอมพิวเตอร์แทบจะเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ เด็กในวัยเรียนหลายๆคน และ แม้แต่เด็กวัยก่อนเข้าเรียนก็ยังใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่ง I-Pad I-Phone โทรศัพท์มือถือสารพัดรุ่นทุกวัน ซึ่งคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของครอบครัวแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรหันมาดูแลสายตาและการมองเห็นของเด็ก ๆ ให้มากขึ้น
อันตรายจากการจ้องมองหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ตโฟน เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น หลายคนอาจเคยประสบปัญหาในอาการเหล่านี้ เช่น ทำให้ปวดเมื่อยตา ตาแห้ง ตาล้า แสบตา เคืองตา ตาพร่ามัว โฟกัสได้ช้าลง ตาสู้แสงไม่ได้ ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ หรือบางครั้งมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดต้นคอร่วมด้วย และส่งผลต่อการนอนหลับได้ หากมีอาการที่กล่าวข้างต้นร่วมกับการใช้งานจากหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานานในแต่ละวัน และหากแบ่งเวลาการทำงานหรือเวลาเรียนออนไลน์ไม่เหมาะสม ก็จะส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะดวงตาที่ต้องรับภาระจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือจอมือถือเป็นเวลานานๆ จึงอาจเป็นปัญหาต่อดวงตาที่พบจากการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดตา ตาแห้ง เคืองตา ตามัว หากเกิดอาการเหล่านี้ ควรพบจักษุแพทย์
เด็กจ้องหน้าจอนานๆ อันตรายกว่าที่คิด
เด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ จากการที่สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ใช้งานไม่ยาก มีซอฟต์แวร์น่าใช้ ดึงดูดสายตาเด็ก นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังนิยมใช้เป็นสื่อหนึ่งในการเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็กหรือเพื่อให้เด็กไม่รบกวนโดยอาจขาดความรู้เท่าถึงต่อโทษที่จะตามมาโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพตา พบว่าเด็กมักใช้เวลาวันละประมาณ 7 ชั่วโมงไปกับสื่อเอนเตอร์เทน อีกด้านของสติปัญญาการพัฒนาทางอารมณ์และสังคม พบว่า การใช้สื่อต่างๆ เป็นเวลานาน ส่งผลต่อความตั้งใจเรียนที่โรงเรียนลดลง พฤติกรรมการกิน การนอนผิดไป และเกิดโรคอ้วนตามมา ปัญหาทางตาที่พบจากการใช้สื่ออุปกรณ์เหล่านี้ ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดตา ตาแห้ง เคืองตา ตามัวและเสี่ยงสายตาสั้นก่อนเวลาอันควร
วิธีดูแลสายตาเด็กเล็ก ขณะเล่น-จ้องหน้าจอมือถือ
1. จำกัดเวลาในการอยู่กับหน้าจอ ในเวลาปกติหลายบ้านใช้วิธีจำกัดเวลา ในการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของลูก ควรพักสายตาเมื่อลูกน้อยใช้หน้าจอ โดยใช้หลัก 20-20-20 โดยพักจากหน้าจอทุก 20 นาที พักสายตาโดยมองวัตถุที่ไกลออกไปประมาณ 20 ฟุต และพักเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที
2.จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ต้องดูสถานที่ว่าตั้งคอมพิวเตอร์ หรือ Tablet นั้นมีแสงเพียงพอหรือไม่ ปรับแสงหน้าจอเหมาะสมหรือไม่ ระยะห่างระหว่างลูกกับจอนั้นเหมาะสมหรือเปล่า โดยทั่วไปควรห่างประมาณ 1 ฟุต เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ลูกไม่ต้องเพ่งมากเกินไป หรือจะเลือกติดฟิล์มถนอมสายตาที่หน้าจอ หรือปรับโหมดเป็นถนอมสายตาเพื่อลดแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่จะเป็นอันตรายต่อดวงตาให้น้อยลง รวมถึงทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากขึ้น
3. กะพริบตาบ่อยขึ้น อาจจะดูเป็นวิธีธรรมดา ๆ แต่ได้ผลดีเลยทีเดียวสำหรับช่วงที่ต้องใช้สายตา
มาก ๆ โดยธรรมชาติของคนเราจะกะพริบตา 10-15 ครั้ง/นาที และเมื่อกะพริบตา 1 ครั้งจะทำให้มีน้ำตาออกมาเคลือบตา ช่วยให้ไม่แสบตา มองเห็นภาพชัด แต่เมื่อตั้งใจมองอะไรนาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เราจะกะพริบตาน้อยลงกว่าปกติ และกะพริบตาไม่สุด การเคลือบของน้ำตาจึงลดลง ทำให้ตาแห้ง แสบตา มองเห็นภาพไม่ชัด จึงควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ วิธีนี้ลองฝึกลูกให้ทำตามดู ถ้าเป็นเด็กเล็ก อาจจะลองใช้นิทานที่มีเนื้อหาสัตว์แข่งกันกะพริบตาก็ได้
4. ออกไปพักสายตาที่อื่นบ้าง จะให้อยู่แต่หน้าจอ หรือในห้องไม่ใช่แค่จะทำให้สุขภาพตาเสียค่ะ แต่จะพาลเอาความเครียดมาด้วย ลองชวนลูกลุกออกไปที่สวน เดินไปที่ระเบียง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่นดื่มน้ำ ทานขนม ของว่าง พูดคุยกันบ้าง เมื่อเห็นลูกเริ่มเครียด ลองชวนคุยประเด็นเบาๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจลูกบ้าง หรือแม้แต่เปลี่ยนไปทำกิจกรรมสั้น ๆ เช่น ทำอาหารว่าง ออกกำลังกายเบาๆ ชวนเล่นบอร์ดเกม ฯลฯ ก็ช่วยให้ลูกละสายตาออกมาจากหน้าจอได้บ้าง
5.รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา สายตาเป็นส่วนสำคัญของเด็ก จึงควรดูแลสุขภาพทางตาเป็นอย่างดีเพื่อที่สายตาแข็งแรงและไม่เป็นสายตาสั้นในอนาคต อีกวิธีถนอมสายตา คืออาหารที่เหมาะสมนั่นเอง อาหารเป็นประโยชน์ทางตามีหลายประเภท ซึ่งอาจประกอบไปด้วยวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างสายตาให้แข็งแรง อย่างเช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, กรดไขมันโอเมก้า3 เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาเสื่อมได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้มอาทิ แครอท ฟักทอง ผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง ฯลฯ เป็นต้น
6.ดื่มน้ำให้เพียงพอเนื่องจากการดื่มน้ำบ่อย ๆ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ดวงตา
บทส่งท้าย
คุณพ่อคุณแม่จะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะการที่ลูกต้องอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน ๆ ต้องใช้สายตาในการเพ่งมองดูข้อมูลหน้าจอ อาจมีผลให้เกิดอาการแสบตา ตาแห้ง ปวดตา ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นชั่วคราวเมื่อพักตาอาจช่วยบรรเทาอาการแต่หากเกิดอาการผิดปกติทางตา ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย รับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม
เครดิตรูปภาพ www.parent.com www.todaysparent.com www.freepik.com