บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกน้อยควรเลิกดูดขวดนมเมื่อไหร่ดี” เด็ก ๆ กับการดื่มนมเป็นของคู่กัน ตั้งแต่เกิดจนกว่าจะอายุ 1 – 2 ปี และควรได้รับนมแม่เป็นดีที่สุด ซึ่งในเด็กบางคนนั้นก็ติดขวดนมมากจนทำให้คุณแม่หลายบ้านอาจกังวลใจว่าลูกควรหย่าขวดนมตอนอายุเท่าไหร่ถึงจะดี หรือทำอย่างไรให้ลูกเลิกดูดขวดนมเสียที ตอนนี้ลูกเริ่มติดขวดนมไม่ยอมปล่อยเลย เพราะถ้ายิ่งเลิกช้าอาจจะเป็นปัญหากับตัวของลูกเองก็ได้ แต่เราจะมีวิธีรับมือกับปัญหานี้อย่างไร บทความนี้มีมาฝากกัน
ควรให้ลูกเลิกขวดนมเมื่อไหร่
เมื่อเด็กอายุเข้า 1 ปี – 1 ปีครึ่ง ควรให้เด็กเลิกดูดนมจากขวด เนื่องจากเด็กเริ่มมีพัฒนาการ ทางกล้ามเนื้อพร้อมที่จะดื่มน้ำดื่มนมจากแก้ว หรือจากกล่องได้แล้ว แต่ทั้งนี้เด็กต้องได้รับ การฝึกให้ดื่มน้ำ ดื่มนม จากแก้วสลับกับขวด ตั้งแต่ลูกอายุ 4 – 6 เดือน และพอเข้าสู้ช่วงอายุ 1 ปี ลูกก็จะสามารถเลิกขวดได้ไม่ยาก แต่ถ้าเลิกหลังจากอายุ 1 ปี 3 เดือน ขึ้นไป ก็จะเลิกยากขึ้น เพราะเด็กจะติดใจขวดนมและจะ ดื้อไม่ยอมเลิกง่าย ๆ
ทางที่ดีแล้วควรฝึกให้ลูกได้ลอง ฝึกดื่มน้ำ หรือ ดื่มนมจากแก้ว หรือเริ่มหัดให้เขาใช้หลอดดูด ตั้งแต่ช่วง 6 เดือน จะช่วยลดอาการติดขวดได้ดี แต่ถ้าหากลูกน้อยยังไม่พร้อมที่จะเลิกขวดนม อาจจะต้องค่อย ๆ ปรับไปเรื่อย ๆ ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
เมื่อลูกติดขวดนมจะส่งผลอย่างไรบ้าง
1.เสี่ยงเป็นโรคอ้วน
เพราะส่วนใหญ่เด็กที่ติดขวดนม ก็มักจะทานนมเยอะเกินความจำเป็น นำมาซึ่งการเกิดโรคอ้วนในเด็กได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเด็กที่ชื่นชอบนมรสหวาน อีกทั้งการติดขวดนมยังทำให้เด็กทานนมเยอะ จนไม่ยอมทานข้าว เนื่องจากเกิดอาการอิ่มนม ก็จะเกิดปัญหาขาดสารอาหารที่จำเป็นได้ แม้จะมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ก็ตาม
2.ฟันผุ ฟันสบกันไม่ดี
เด็กติดขวดนมก็มักจะติดการดูดนมก่อนนอน และหลับไปพร้อมกับขวดนม บางคนจะไม่ยอมนอน หากไม่ได้ดูดขวดนมจนหลับไป ทำให้มีนมคาอยู่ในปากช่วงกลางคืน จนเกิดฟันผุได้ง่าย และการดูดนมตลอดในช่วงเวลาที่ฟันขึ้นเยอะหลัง 1 ปี ก็อาจมีผลต่อการสบฟัน และการเรียงตัวของฟันได้
3.ปัญหาด้านพัฒนาการ
ลูกติดขวดนม มักใช้เวลาทานนมบ่อยเกินไป ทำให้เสียโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ตามวัย เช่น การเคี้ยวอาหาร การพูดคุย สนทนา อีกทั้งการฝึกดื่มนมจากแก้ว หรือใช้หลอดดูด ก็ยังเป็นหนึ่ง ในพัฒนาการที่ส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเอง ตามวัยของเด็กด้วย
4.ขาดสารอาหาร
เพราะเด็กติดขวดนมตลอดเวลา ทำให้ทานนมเยอะจนอิ่มและทานข้าวไม่ได้ หรือไม่อยากทานข้าว ทำให้เขาไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามวัย อาจจะทำให้เขากลายเป็นโรคขาดสารอาหารได้
วิธีฝึกลูกน้อยเลิกขวดนม
1.เตรียมความพร้อมให้ลูกในการเลิกขวดนมตั้งแต่อายุ 6-9 เดือน โดยฝึกให้ลูกใช้แก้วหัดดื่มแบบมีฝาปิดเพื่อจิบน้ำหรือนม
2.ตั้งแต่ลูกอายุประมาณ 6-9 เดือน ค่อย ๆ ลดปริมาณมื้อนมช่วงกลางคืนลง จนเลิกนมมื้อดึกได้ในที่สุดภายในอายุ 1 ปี
3.ฝึกให้ลูกทานนมเป็นมื้อ ตามเวลา หรือทานเมื่อหิวเท่านั้น ไม่ใช่การทานนมเพื่อกล่อมลูกนอนหรือปลอบใจ
4.วิธีเลิกขวดต้องให้ลูกเตรียมใจและปรับตัวล่วงหน้าก่อนเลิกขวดนม โดยบอกช่วงเวลาที่ชัดเจน ว่าจะเราเลิกขวดนมกันเมื่อใด
5.เมื่อลูกพร้อมในช่วงเวลาที่ตกลงกัน คุณพ่อคุณแม่ควรเก็บขวดนมทั้งหมดไปให้พ้นจากสายตาของลูก หรืออาจใช้วิธีให้ลูกทิ้งขวดนมด้วยตนเองและบอกลาขวดนมเพื่อเป็นการลาขาดจากกัน
6.เมื่อลูกสามารถเลิกขวดนมได้โดยสิ้นเชิงคุณพ่อคุณแม่ควรชมเชย ให้กำลังใจหรือให้รางวัล เพื่อให้ลูกภูมิใจและไม่กลับไปร้องขอขวดนมอีก เพื่อให้วิธีเลิกขวดนมนี้สำเร็จ
ข้อดีของการเลิกขวดนม
– เด็กไม่ได้หลับคาขวดนม ลดความเสี่ยงฟันจะได้ไม่ผุ ฟันสวย เพราะเด็กที่เลิกทานนมขวด หันมาทานนมจากแก้วหรือจากหลอด ทำให้เลิกนมมื้อดึกได้เร็วขึ้น ไม่ต้องดูดนมจนหลับคาปาก ทำให้ฟันสวยและไม่เสียรูปทรง
– เด็กกินข้าว เพราะไม่ได้กินแต่นมขวดจนอิ่ม
– เมื่อลูกขวดนมก็จะทำให้ฟันที่งอกขึ้นใหม่ เรียงตัวสวย
– ได้ฝึกทักษะการใช้มือและพัฒนาการปากและฟัน ตามพัฒนาการที่ควรจะเป็น และเด็กก็จะไม่รู้สึกอายเมื่ออยู่ร่วมกับเพื่อนในชั้นด้วย ทำให้เด็กมีบุคลิกภาพที่ดีด้วย
– สุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะได้ทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ และเหมาะสมกับวัย
– คุณแม่เหนื่อยน้อยลง เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการล้างขวด สามารถพกพาแก้วหรือดื่มจากกล่องได้ทุกที่ทุกเวลา
– ไม่ปัสสาวะรดที่นอน การเลิกนมขวดมาทานนมจากแก้ว ไม่ต้องทานนมตอนกลางคืนเหมือนแต่ก่อน ก็จะปัสสาวะได้น้อยลง จึงช่วยฝึกการขับถ่ายให้ลูกด้วย
บทส่งท้าย
ในช่วงแรกที่ลูกเลิกขวดนมก็อาจจะมีร้องไห้โยเย พาลให้เขาไม่ยอมดื่มนม หรือทานข้าวอยู่บ้าง แต่คุณแม่จะต้องเข็มแข็งเข้าไว้ และไม่ควรใจอ่อนและปล่อยให้เขาใช้ขวดนมอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง ควรต้องใช้เวลา และค่อย ๆ ปรับตัวไปพร้อมกันทั้งคุณแม่และคุณลูก
เครดิตรูปภาพ www.mother.ly www.babycenter.com www.myorganicformula.com parenting.firstcry.com