บทความนี้ขอแนะนำ “พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรปฏิบัติกับลูก เพราะอาจจะสร้างรอยแผลในใจของลูกได้” ขึ้นชื่อว่าเด็กโลกของเขาก็อาจจะมีแค่ได้เล่นสนุก กินขนมที่ชอบเท่านั้น เป็นผ้าขาวที่ยังบริสุทธิ์ และอาจจะยังไม่สามารถแยกแยะว่าเรื่องไหนผิดหรือถูกได้ ฉนั้นเมื่อยามที่เขาทำผิดพ่อแม่คุณสั่งสอนหรืออบรมเขาด้วยคำพูดที่มีเหตุผลมากกว่าการที่จะแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าลูก เพราะอาจจะสร้างรอยแผลในใจของเขา และอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเกิดรอยร้าวและอยากที่จะรักษาได้
1.การพูดตวาด ตะคอก ด้วยอารมณ์ที่โกรธเกินไป
หน้าที่ของพอ่แม่ คือหน้าที่ที่จะต้องทำไปตลอดทั้งชีวิต ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันพัก ซึ่งพ่อแม่เองนั้นก็มีภาระมากมายต้องทำต้องจัดการ ทั้งทำงานในบ้าน นอกบ้านเลี้ยงดู ซึ่งปัญหาก็อาจจะมีมากมายสะสม และถ้าหากว่าลูกนั้นดื้อหรือทำผิด ก็อาจจะยิ่งทำให้พ่อแม่โมโห โกรธมากขึ้น จนกลายเป็นการพูดตวาด ตะคอก ใส่อารมณ์กับลูก จนทำให้ลูกนั้นกลัว และอาจจะเกิดการต่อต้านกับพ่อแม่มากขึ้น พ่อแม่ทุกคนหวังดีและอยากให้ลูกเป็นเด็กดี อยู่ในกรอบ เชื่อฟัง แต่บางครั้งหากลองตั้งสติใจเย็น แล้วใช้เหตุผลมากขึ้น ใช้วิธีการพูดหว่านล้อมเด็ก ๆ ก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีสุดมากกว่าก็ได้
2.พูดเปรียบเทียบหรือประชดประชัน
พ่อแม่ทุกคนนั้นหวังจะให้ลูกได้ดี คำพูดและการกระทำในทำนองการเปรียบเทียบ ผลักดัน และยกตัวอย่างคนโน้นคนนี้ หวังจะให้ลูกทำตามอย่างแบบนั้นสิ แบบนี้สิ ดูคนนั้นเขามีชีวิตที่ดี เรียนดีสิ เห็นไหม การกระทำหรือคำพูดเช่นนี้บอกเลยว่าจะทำให้ลูกของคุณสร้างกำแพงในใจขึ้นมา และเริ่มที่จะต่อต้านพ่อแม่ เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันไม่ดี ถูกใจพ่อแม่หรืออย่างไร
การที่เขาได้ทำในสิ่งที่เองชอบตัวเองรัก ในแบบของตัวเองมันไม่ดีหรืออย่างไร พ่อแม่ถึงต้องนำเขาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ ปัญหานี้จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น หากพ่อแม่และลูกไม่คุยเปิดใจกัน ซึ่งหากคุยเปิดใจพ่อแม่ควรรับฟังลูกให้มากที่สุด ปล่อยให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง เราควรดูอย่างห่าง ๆ และคอยบอกคอยสอนเมื่อเขาทำผิด หรือเป็นที่ปรึกษาและรับฟังเขาในยามที่เขามีปัญหาจะดีกว่า
3. จู้จี้จุกจิก บังคับ
การกระทำที่ชอบบังคับเด็ก จู้จี้จุกจิก พูดเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำที่ไม่ควรทำอย่างมาก เพราะเด็กเมื่อเริ่มโตมากขึ้น ก็อยากจะได้ใช้ชีวิตที่อิสระ แต่บางครั้งพ่อแม่ก็ชอบบังคับให้ทำในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ แต่เด็ก ๆ ไม่อยากทำ พ่อแม่จึงต้องพูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้กลายเป็นการจู้จี้จุกจิก และนั่นก็จำให้ลูกเกิดความรำคาญใจ และอาจจะนำไปสู่การมีปัญหาภายในครอบครัวได้
ดังนั้นพ่อแม่ควรพยายามหาทางสอนหรือบอกลูกโดยใช้เหตุผล มาหว่านล้อม ให้ทั้งสองฝ่ายเปิดใจและรับฟังต่อกันน่าจะดีกว่า เพราะถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมและเกิดปัญหาในครอบครัว ก็จะไม่ส่งผลดีต่อทุกฝ่าย และจะทำให้บรรยากาศในบ้านดูน่าอึดอัดมากกว่าเดิมด้วย และผลเสียที่ตามมาภายหลังอีกมากมายที่อาจจะกระทบจิตใจ จนอยากที่จะแก้ก็อาจจะตามอีกด้วยเช่นกัน
4. พูดให้เด็กรู้สึกอายต่อหน้าที่สาธารณะชน หรือคนหมู่มาก
เราทุกคนเกิดมาล้วนนิสัยแตกต่างกันอยู่แล้ว ฉะนั้นความคิดความอ่านก็ต้องต่างกันเป็นธรรมดา พ่อแม่คาดหวังให้ลูกเป็นเด็กดี เรียนดี อยู่ในกรอบ เชื่อฟัง แต่ถ้าหากเมื่อใดที่เขาทำผิดเราก็ควรกล่าวตักเตือนด้วยวาจาและเหตุผล ไม่ควรพูดยกความผิดนั้นมาทำเขาให้อับอายต่อหน้าที่สาธารณะชนคนหมู่มาก
หรือแม้ในวงญาติพี่น้องก็ไม่สมควรทำ เพราะจะทำให้เด็กอับอาย ไม่กล้าแสดงออก และอาจจะกลายเป็นคนเก็บกด ต่อต้าน และผลกระทบต่อมาอีกมากมาย ฉะนั้นพ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการกระทำ คำพูดที่ทำให้อับอาย พูดจาประชดประชัน เปรียบเทียบ เยอะเย้ย หรือจับผิดเขาดีกว่า เพราะการกระทำเหล่าส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างรุนแรงได้เลย เพราะด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เราควรรับฟังเขามากขึ้นดีกว่าบังคับ แล้วลูกก็จะเป็นลูกที่น่ารักได้แน่นอน
5. การใช้ความรุนแรง การตบตี
หากลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง หรือทำผิดพลาด การลงโทษก็มีหลายแบบให้เลือกลงโทษในทางที่เหมาะสม ซึ่งการลงโทษแบบการใช้ความรุนแรง ตบตี หยิก กระชากผม เป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรงและส่งผลต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก ไม่ว่าจะตีด้วยไม้ ไม้บรรทัด ไม้แขวนเสื้อ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะตีเพื่อเป็นการสั่งสอนก็ควรตีแต่พอควร แล้วใช้คำพูดสอนเขาจะดีกว่า
เพราะการใช้ความรุนแรงก็ไม่ใช้บทลงโทษหรือการแก้ปัญหาที่ดีเสมอ เพราะผลลัพธ์ภายหลังจากที่เราตีไปแล้วอาจจะเป็นผลลบมากกว่าผลบวก เขาอาจจะยิ่งดื้อ ก้าวร้าว ต่อต้านมากขึ้นกว่าเดิม และถ้ากระทบจิตใจร้ายแรง อาจจะส่งผลเสียที่พ่อแม่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นก็ได้ เปิดใจยอมรับ รับฟังปัญหาและพร้อมช่วยกันแก้ไขทั้งสองฝ่ายจะให้ทำให้ครอบครัวน่าอยู่มากกว่า
บทความนี้ “พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรปฏิบัติกับลูก เพราะอาจจะสร้างรอยแผลในใจของลูกได้” สามารถศึกษาเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ลองเปิดใจและรับฟังลูกมากขึ้น เพราะปัจจุบันโลกและสังคมเริ่มเปลี่ยนไปมาก คำสั่งสอนหรือวิธีการเลี้ยงลูกก็ต้องแปรเปลี่ยนให้ทันตามเด็กยุคใหม่มากขึ้น และเด็กสมัยนี้ก็มีความเฉลียวฉลาดมากพอ ฉนั้นพ่อแม่สามารถสั่งสอนด้วยคำพูดที่มีเหตุผลลูกก็อาจจะทำตามแล้วก็ได้ และหากพ่อแม่ใจเย็นใช้เหตุผล ปฏิบัติสิ่งดี ๆ ให้เขาเห็น แล้วเขาก็อาจจะเรียนรู้และทำตาม นั่นก็เป้นการสอนที่ดีอย่างหนึ่งแล้ว
เครดิตรูปภาพ www.checkupnewsroom.com www.istockphoto.com