ที่ดูดน้ำมูกเด็กและทารก ใช้อย่างไรแบบไหนดี ถึงจะปลอดภัยต่อลูกน้อย

บทความนี้ขอแนะนำ “ที่ดูดน้ำมูกเด็กและทารก ใช้อย่างไรแบบไหนดี ถึงจะปลอดภัยต่อลูกน้อย” เมื่อเริ่มเป็นหวัด มักมีอาการน้ำมูกไหลตามมา สำหรับผู้ใหญ่การสั่งน้ำมูกไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่สำหรับเด็ก โดยเฉพาะทารกตัวน้อย การมีน้ำมูกมาก ๆ ส่งผลให้หายใจไม่สะดวก   ดังนั้นเราจึงขอแนะนำตัวช่วย อย่างที่ดูดน้ำมูกเด็กที่จะช่วยให้การดูแลลูกน้อยในยามเจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น  

Nasal Aspirators: Are They Helpful? | HealthNews

ที่ดูดน้ำมูกเด็ก จำเป็นหรือไม่

เด็กเล็กนั้นไม่สามารถที่จะสั่งน้ำมูกได้ด้วยตนเอง ทำให้หายใจไม่ออก เนื่องจากมีน้ำมูกอุดตันในโพรงจมูกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้น้ำมูกที่อุดตัน ยังเป็นสาเหตุของอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น ทำให้ทารกไม่ยอมดูดนม พักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเป็นต้น ดังนั้น ที่ดูดน้ำมูกเด็ก จึงกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นอีกหนึ่งอย่าง ที่จะช่วยให้คุณแม่กำจัดน้ำมูกของลูกออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย 

ที่ดูดน้ำมูกมีกี่ประเภท

1.ที่ดูดน้ำมูกแบบมือ  สำหรับที่ดูดน้ำมูกประเภทนี้ ถือเป็นที่ดูดน้ำมูกแบบคลาสสิกที่สุด ซึ่งจะทำมาจากซิลิโคน มีลักษณะคล้ายลูกบอลแล้วก็มีปลายยาว ๆ ซึ่งคุณสมบัติของที่ดูดน้ำมูกประเภทนี้จะสามารถปรับแรงดูดให้เหมาะสมได้ด้วยมือของผู้ใช้งานเอง สามารถกำจัดน้ำมูกได้อย่างอ่อนโยน แถมยังหาซื้อได้ง่าย และราคาไม่แพงอีกด้วย

2.เครื่องดูดน้ำมูกชนิดสายยาง  ที่ดูดน้ำมูกชนิดสายยาง ถูกออกแบบเพื่อขจัดปัญหาของการดูดช่วงสั้นในที่ดูดน้ำมูกแบบลูกยางและยังลดแรงดูดที่มากเกินไปในลูกยาง โดยใช้การดูดจากปากของแม่ซึ่งจะมีความต่อเนื่องกว่า สามารถควบคุมแรงดูดด้วยตนเอง น้ำมูกที่ถูกดูดออกมาจะถูกแยกเก็บใส่ขวด ง่ายต่อการมองเห็นและทำความสะอาด น้ำมูกจะไม่ไหลย้อนกลับ ปลายซิลิโคนนิ่ม ไม่ทำให้ลูกน้อยเจ็บโพรงจมูก

3.ที่ดูดน้ำมูกไฟฟ้า หรืออัตโนมัติ  สำหรับที่ดูดน้ำมูกประเภทนี้จะใช้งานโดยพลังงานแบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเพราะมีมอเตอร์ช่วยดูดได้ทันที ไม่ต้องใช้งานแรงเลย แถมยังสามารถปรับระดับความแรงของเครื่องได้อีกด้วย สำหรับบางรุ่นก็จะมีหัวดูดหลากหลายขนาด เพื่อเปลี่ยนให้เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก ๆ แล้วก็สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย ชาร์จด้วยสาย USB ได้อีกด้วย แต่อาจจะมีราคาแพงที่แพงกว่าประเภทแรก

How to Use a Nasal Aspirator

ที่ดูดน้ำมูกมีประโยชน์อย่างไร

ที่ดูดน้ำมูก ถือเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมาก ๆ สำหรับเด็กเล็กที่ป่วยเป็นไข้หวัด เนื่องจากเด็ก ๆ นั้นจะไม่สามารถสั่งน้ำมูกได้ด้วยตัวเอง เมื่อน้ำมูกเกิดการอุดตันที่โพรงจมูกเป็นจำนวนมากก็จะส่งผลให้เด็ก ๆ หายใจลำบากมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ เมื่อน้ำมูกเกิดการอุดตันมาก ๆ แล้วไม่เอาออกก็จะส่งผลทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออาจจะมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น 

ดังนั้นการที่เด็กป่วยเป็นไข้หวัด และมีน้ำมูกสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก คุณแม่ลองซื้อไปไว้ใช้งานดูนะ เพราะจะช่วยให้คุณแม่สามารถกำจัดน้ำมูกของลูกออกได้อย่างง่ายดายมาก ๆ แถมยังช่วยทำให้โพรงจมูกสะอาดยิ่งขึ้นอีกด้วย แถมอาการหวัดที่เรื้อรังมานานก็จะดีขึ้นด้วย บรรเทาอาการคัดจมูก และระคายเคืองในจมูกได้เป็นอย่างดี และที่ดูดน้ำมูกก็ยังสามารถป้องกันเชื้อโรคจากจมูก และไซนัสไปสู่ปอดได้อีกด้วย

6 of The Best Baby Nasal Aspirators (That Sucks Out all the Goop)

วิธีการเลือกซื้อ ที่ดูดน้ำมูกสำหรับเด็ก

1.วัสดุของที่ดูดน้ำมูก

ที่ดูดน้ำมูกสำหรับเด็กที่ดี และมีคุณภาพจะต้องผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสำหรับเด็กมาก ๆ  วัสดุควรที่จะนิ่ม และมีความยืดหยุ่นสูง มีผิวเรียบ ไม่แหลมคม และจะต้องสามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค นอกจากนี้ ที่ดูดน้ำมูกก็จะต้องปราศจาก BPA เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย และส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้

2.ปรับแรงดูดได้ 

ข้อสังเกตอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อที่ดูดน้ำมูกเด็กนั้น ควรที่จะเพิ่มและลดแรงดูดให้เหมาะสมกับสภาพน้ำมูกได้ ซึ่งต้องไม่แรงจนไปทำให้เด็กตกใจกลัว และในขณะเดียวกันต้องสามารถดูดน้ำมูกออกมาได้อย่างหมดจด

3.ทำงานเสร็จไว 

แน่นอนว่าเด็กมักไม่อยู่นิ่งๆให้คุณแม่มาดูดน้ำมูกได้บ่อยแน่ ๆ ดังนั้นอีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อก็คือเครื่องต้องสามารถทำงานเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว

4.ป้องกันเชื้อโรค

ที่ดูดน้ำมูกแบบมีฟิลเตอร์ หรือเป็นซิลิโคน จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณแม่ต้องสัมผัสกับน้ำมูกของลูกโดยตรง จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อหวัดจากลูก ซึ่งเรื่องความสะอาดกับทารกนั้น เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

5.พกพาสะดวก

สำหรับบ้านไหนที่เดินทางบ่อย จำเป็นต้องคำนึงถึงความจำเป็นในข้อนี้ด้วย นั่นก็คือที่ดูดน้ำมูกเด็กที่พกพาออกไปใช้งานนอกบ้านได้ โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก จึงไม่ควรมีขนาดใหญ่ และสามารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว 

6.ทำความสะอาดง่าย 

เนื่องจากที่ดูดน้ำมูกนั้นถือเป็นอุปกรณ์ที่จะสัมผัสเข้าไปในจมูกของเด็กโดยตรง ดังนั้น เพื่อการทำความสะอาดที่ง่าย แนะนำให้เลือกที่ดูดน้ำมูกที่มีชิ้นส่วนน้อยจะดีกว่า เพื่อที่จะได้สามารถถอดส่วนประกอบแต่ละชิ้นออกได้ง่ายอีกด้วย แถมยังช่วยลดเวลาในการทำความสะอาดได้มากขึ้นด้วย

7.เลือกที่ดูดน้ำมูกให้เหมาะสมกับช่วงวัย

เพื่อการใช้งานที่ดูดน้ำมูกให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรที่จะเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยเพราะโดยปกติทั่วไปแล้วรูจมูกของเด็กในแต่ละวัยนั้นจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น ปริมาณของน้ำมูกก็จะแตกต่างด้วยเช่นกัน และอีกอย่างถ้าหากเป็นเด็กทารกก็จะมีรูจมูกที่เล็ก ที่ดูดน้ำมูกก็จะต้องมีหัวดูดที่เล็กด้วยเช่นกัน

บทส่งท้าย

ที่ดูดน้ำมูกเด็กกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สำคัญในการช่วยดูแลลูก โดยเฉพาะกับทารกที่ยังไม่สามารถสั่งน้ำมูกได้ด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อควรเลือกที่เหมาะสมกับทารกและการใช้งานของคุณแม่ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดและปลอดภัยที่คุณแม่ต้องตระหนักไว้เสมอ เพราะเป็นสิ่งที่ใช้สัมผัสกับลูกน้อยโดยตรง

เครดิตรูปภาพ healthnews.com greenactivefamily.com mumsgrapevine.com.au

บทความ แม่และเด็ก

อาหารเด็ก/นม/ของเล่นเด็ก/คู่มือคุณแม่

บทความล่าสุด
Tag
ขวดนม Pigeon (1) ของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก (31) คอกกั้นเด็ก (1) คาร์ซีท (1) คู่มือสำหรับคุณแม่ (131) จุกนม (1) ชุดคลุมท้อง (1) ชุดว่ายน้ำเด็ก (1) ตู้แช่นม (1) ทิชชู่เปียก (1) ที่ดูดน้ำมูก (1) นมกล่อง UHT (1) นมผง (1) น้ำยาซักผ้าเด็ก (1) น้ำยาล้างขวดนม (1) น้ำเกลือล้างจมูก (2) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก (19) ฝากครรภ์ (1) รถเข็นเด็ก (1) รถไฟฟ้าเด็ก (1) รวมเรื่อง นม สำหรับเด็ก (1) สารพันปัญหาแม่และเด็ก (142) สารพันปัญหา แม่และเด็ก (36) อาหารสำหรับเด็ก (21) อาหารเสริมสำหรับเด็ก (3) อุปกรณ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก (10) อุปกรณ์เสริมสำหรับเด็ก (72) เครื่องนึ่งขวดนม (1) เครื่องปั๊มนม (1) เครื่องอุ่นนม (1) เคล็ดลับเลี้ยงลูก (2) เปล (1) เปลไกวไฟฟ้า (1) เสื้อผ้าเด็ก (5) แพมเพิส (1) โลชั่นเด็ก (1)