เมื่อลูกถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนไปเจอกับสังคมใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าอีกหนึ่งปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่นั้นกังวลใจคือการเข้าสังคมและการมีเพื่อนที่ดี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจเคยเห็นสถานการณ์เรื่องของการทำร้ายร่างกายกันภายในโรงเรียนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมรุนแรงเหล่านี้เกิดจากการเลี้ยงดูและเกิดจากสถาบันครอบครัวเป็นหลัก คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกไปทำร้ายใครเช่นเดียวกัน ดังนั้นหน้าที่ที่สำคัญคือการอบรมบ่มนิสัยของลูกให้มีพฤติกรรมที่น่ารัก ไม่เกเร และไม่ทำร้ายผู้อื่นก่อนจนกลายเป็นเด็กหัวโจกนั่นเอง วันนี้เราจึงมี 5 เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กน่ารัก จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย
1. ใส่ใจลูกให้มากขึ้น
สถาบันครอบครัวและการเลี้ยงดูคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างเด็กคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กที่เป็นหัวโจกนั้นเมื่อมองรากฐานนิสัยของเขาแล้วจะพบว่าการที่เขาทำร้ายคนอื่นเป็นเพราะว่าการทำเช่นนี้จะได้รับการยอมรับจากเพื่อน และจะมีความโดดเด่นกว่าคนอื่น ซึ่งนั่นอาจหมายถึงเขากำลังรู้สึก ขาดความอบอุ่น จึงอยากจะได้รับการเติมเต็มๆจากเพื่อน ซึ่งแน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากสถาบันครอบครัวนั้นเอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เวลาคุณภาพกับลูกให้มากที่สุด ใส่ใจเขาให้มาก ให้ลูกรู้สึกว่าบนโลกนี้เขายังมีคนที่รักและปรารถนาดีกับเขามากที่สุด
2. อย่าตามใจลูกจนเกินไป
แน่นอนว่าการตามใจตลอดเวลานั้นไม่ใช่การแสดงความรักที่ถูกต้อง อีกทั้งการตามใจตลอดเวลานั้นอาจส่งผลร้ายกับเด็กโดยตรง เพราะนั่นอาจทำให้เขาเรียนรู้ว่าเขาจะทำอะไรพ่อแม่ก็ตามใจอยู่แล้ว ไม่เคยขัดใจถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ตาม ลักษณะนิสัยแบบนี้ถือเป็นอันตรายสำหรับเด็กอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องปลูกฝัง และบ่มนิสัยของลูกตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ควรตามใจมากจนเกินไป จนเขาติดเป็นนิสัย
3. ไม่ควรเข้าข้างลูกในทุกเรื่อง
คุณพ่อคุณแม่บางคนรักมืดมากจนมองข้ามข้อเสียของลูกไป มองแต่ด้านดีของลูก ซึ่งนั่นถือเป็นการให้ท้ายและทำให้ลูกนั้นได้ใจหากทำผิดคุณพ่อคุณแม่ก็ยังเข้าข้าง จนลูกมีพฤติกรรมทำผิดจนเป็นนิสัยไม่รู้ผิดชอบชั่วดี หน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่คือการอบรมสั่งสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำ หากทำผิดก็ต้องได้รับโทษ หรือหากทำถูกต้องจะได้รับคำชมเชยเป็นต้น การสั่งสอนลูกเช่นนี้จะช่วยแก้พิธีกรรมที่ไม่ดีของลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กร้านจะยิ่งส่งผลดีให้กับเขาในอนาคตภายหน้า
4. เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าลูกเป็นเงาสะท้อนของพ่อแม่ พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็จะเป็นเช่นนั้น เพราะเด็กเรียนรู้พฤติกรรมการเลียนแบบจากคนสนิทใกล้ชิดกับเขามากที่สุด การที่เขาได้เห็นพฤติกรรมอะไรซ้ำซ้ำบ่อยๆเขาจะคิดว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แล้วเขาจะเลียนแบบจนติดเป็นนิสัย เช่นพ่อแม่ชอบพูดคำหยาบใส่กัน หนูก็จะคิดว่าคำหยาบนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นเรื่องปกติที่คนเราพูดต่อกัน หรือหาพ่อแม่มีนิสัยชอบทะเลาะทำร้ายร่างกายกัน ลูกก็จะจดจำว่าการทำร้ายร่างกายนั้นเป็นเรื่องปกติ ทีนี้พ่อแม่จะพูดหรือสั่งสอนอะไรเขาหลังจากนั้น เขาจะไม่รับฟังและต่อต้าน เพราะสิ่งที่พ่อแม่ทำนั้นสวนทางกับคำพูดที่พร่ำสอนเขาทุกวันนั่นเอง
5. สภาพแวดล้อมทางสังคมมีผลต่อพฤติกรรมของลูกเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและไวต่อความรู้สึก อย่างที่คุณพ่อคุณแม่ ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันมีปัญหาทางสังคมเกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหรือลูกที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เขาจะถูกหล่อหลอมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามกับสิ่งแวดล้อมที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่ลูกจะเลียนแบบพฤติกรรมหรือเพื่อนหรือสังคมนั้นๆ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเป็นคนเช่นไรจึงควรพาลูกไปอยู่ในสังคมเหล่านั้นจะช่วยให้เขาถูกหล่อหลอมและเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างมีคุณภาพนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของเด็กนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องใส่ใจและดูแลเขาเป็นพิเศษ อีกทั้งยังต้องฝึกฝนและอบรมสั่งสอนเขาตั้งแต่ในวัยเด็ก จะช่วยให้เขาเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ ให้เขาเติบโตมามีพฤติกรรมที่น่ารัก น่าเอ็นดู ไม่เป็นเด็กหัวโจก ที่คอยแต่รังแกผู้อื่นนั่นเอง สล็อตเว็บตรง