บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง เลือดออกขณะตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วจะอันตรายหรือเปล่า เลือดออกขณะตั้งครรภ์เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุที่อันตรายและไม่อันตราย จึงควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยว่าสาเหตุที่มีเลือดออกจากช่องคลอดนั้น เกิดจากอะไรกันแน่ อันตรายแค่ไหน
เมื่อมี “เลือดออกในช่องคลอด” ขณะตั้งครรภ์
โดยทั่วไป สตรีมีครรภ์ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ มักพบเลือดออกเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีเลือดออกในช่วงไตรมาสที่สองและสามจะถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินและอาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีเลือดออกในปริมาณมาก จึงควรไปพบสูตินรีแพทย์โดยเร็วที่สุด
สาเหตุของเลือดออกขณะตั้งครรภ์
ปกติแล้วอาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์นั้นจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน และสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ
การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก
อาการเลือดออกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจมีสาเหตุ เช่น
1. เลือดล้างหน้าเด็ก คนท้องอาจมีเลือดล้างหน้าเด็กออกมาคล้ายเลือดประจำเดือนโดยมีลักษณะเป็นจุดเลือดเล็ก ๆ ในช่วง 6-12 วันแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากไข่ปฏิสนธิเข้าไปฝังตัวในผนังมดลูก ซึ่งปกติเลือดชนิดนี้จะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือประมาณ 2-3 วัน
2. การแท้งบุตร ภาวะนี้พบได้บ่อยที่สุดในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยมักจะส่งผลให้มีอาการปวดเกร็งหน้าท้องส่วนล่างอย่างรุนแรงหรือมีเนื้อเยื่อถูกขับออกมาทางช่องคลอด ทั้งนี้ คนท้องที่มีเลือดออกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจไม่ได้แท้งบุตรเสมอไป
3. ท้องนอกมดลูก เกิดจากความผิดปกติของการปฏิสนธิของไข่และอสุจิ ทำให้ตัวอ่อนไปฝังตัวอยู่ภายนอกโพรงมดลูกโดยเฉพาะบริเวณท่อนำไข่ เมื่อเจริญเติบโตก็อาจส่งผลให้ท่อนำไข่แตก ทำให้มีเลือดออก ปวดเกร็งหน้าท้องส่วนล่างอย่างมาก หรือเวียนศีรษะได้ แม้ท้องนอกมดลูกจะเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณแม่ แต่เป็นกรณีที่มักพบได้น้อย
4. ครรภ์ไข่ปลาอุก เมื่ออัลตราซาวด์ครรภ์ของผู้ป่วยภาวะนี้จะพบเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายไข่ปลาในมดลูกแทนที่ตัวอ่อนของทารก โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกคลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรง รวมถึงมีมดลูกขยายใหญ่มากกว่าปกติด้วย
การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสสองและสาม
การมีเลือดออกในช่วงหลังของการตั้งครรภ์อาจมีสาเหตุ เช่น
1.การมีเพศสัมพันธ์ในขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงเกินไป อาจทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดได้
2.การติดเชื้อในช่องคลอด การอักเสบ หรือการติดเชื้อต่าง ๆ ในช่องคลอด อาจส่งผลให้เกิดเลือดออกได้ในขณะตั้งครรภ์
3.ภาวะรกเกาะต่ำ คือภาวะที่รกเลื่อนลงมาเกาะที่บริเวณปากมดลูกจากปกติจะอยู่ด้านบน ภาวะเช่นนี้จะทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอด มักพบได้ในปลายไตรมาส 2 และช่วงต้นของไตรมาส 3
4.ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด คือภาวะที่รกหลุดออกจากผนังมดลูกก่อนถึงกำหนดคลอด ทำให้มีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด จัดว่าเป็นภาวะที่อันตรายต่อแม่และเด็ก
5.การคลอดก่อนกำหนด การคลอดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ จะเรียกว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนด ดังนั้น คุณแม่หลายคนที่มีเลือดออกในระยะก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด
6.ปากมดลูกหลวม คือภาวะที่ปากมดลูกมีการขยายตัวเร็วเกินไป ลักษณะเช่นนี้เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด
7.การแท้งบุตร ช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 คุณแม่หลายคนอาจเกิดการแท้งบุตรได้ ซึ่งการแท้งหลังอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ มักจะเรียกว่าภาวะตายคลอด
ตั้งครรภ์มีเลือดออกสีอะไร
อีกหนึ่งเรื่องที่ว่าที่คุณแม่ควรสังเกตเมื่อมีอาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์ นั่นก็คือ การดูว่าสีของเลือดที่ไหลออกมานั้นสีอะไร เช่น
– ตั้งครรภ์ มีเลือดออกสีน้ำตาล เลือดออกเป็นสีน้ำตาลนั้น อาจไม่ได้แสดงถึงอาการผิดปกติใด ๆ อาจเป็นเลือดเก่าที่คั่งค้างอยู่หลุดออกมา มักถูกพบหลังจากการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ หรือการตรวจปากมดลูก แต่หากพบในขณะตั้งครรภ์ช่วงแรก ก็อาจเป็นสัญญาณของเรื่องอันตรายได้ เช่น การแท้งบุตร หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
– ตั้งครรภ์มีเลือดออกสีแดงสด ถือเป็นสัญญาณเตือนที่อันตราย เพราะด้านในของมดลูกนั้นอาจเกิดความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งอาจนำมาซึ่งภาวะความผิดปกติร้ายแรง เช่น ภาวะแท้ง ก็เป็นได้
วิธีรับมือกับการมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์
เลือดออกขณะตั้งครรภ์อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในไตรมาสไหนหรือเกิดจากสาเหตุใด คุณแม่จึงควรหมั่นดูแลและสังเกตตนเอง รวมทั้งคอยปรึกษาแพทย์อยู่เป็นประจำ โดยอาจใส่ผ้าอนามัยและจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงของอาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์ เพื่อดูปริมาณเลือดที่ไหลออกมาจากช่องคลอดว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด รวมทั้งสังเกตดูว่าเลือดดังกล่าวมีลักษณะหรือสีที่เปลี่ยนไปหรือไม่ หากพบเนื้อเยื่อไหลออกมาจากช่องคลอดก็ควรเก็บตัวอย่างไปให้แพทย์วินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป และยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือมีเพศสัมพันธ์ขณะเลือดออกด้วย
บทส่งท้าย
คุณแม่จะเห็นได้ว่า อาการเลือดออกจากช่องคลอดขณะตั้งครรภ์นั้น มีสาเหตุของอาการที่หลากหลาย แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรย้ำกับตัวเองเสมอคือ อย่าตื่นตระหนก รับมืออย่างมีสติ แล้วควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย หาสาเหตุที่ถูกต้อง แล้วรีบทำการรักษา เพราะอาการผิดปกตินี้ อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เครดิตรูปภาพ www.businessinsider.com parenting.firstcry.com www.beingtheparent.com drkumo.com