บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง คลอดธรรมชาติ น่ากลัวไหม? มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง แล้วคุณแม่ต้องเตรียมตัวอย่างไร คลอดธรรมชาติ เป็นกระบวนการคลอดลูกที่เบสิกและคลาสสิคที่สุด ที่คุณแม่จะเบ่งทารกน้อยออกมาด้วยกำลังแรงกายทั้งหมดที่มี แต่คลอดธรรมชาติยังเหมาะสมกับยุคปัจจุบันอยู่ไหม คลอดลูกธรรมชาติอันตรายหรือเปล่า ไปหาคำตอบกัน
คลอดธรรมชาติคืออะไร
คลอดธรรมชาติ (Natural birth) คือ การคลอดลูกโดยแม่เป็นผู้คลอดเองด้วยการออกแรงเบ่งทารกออกมา และไม่ผ่านกระบวนการผ่าตัด ซึ่งการคลอดธรรมชาตินี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 37-40 ของการตั้งครรภ์ เพราะอาการเจ็บท้องคลอดจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ข้อดีของการคลอดธรรมชาติ
– แม่สามารถฟื้นตัวหลังคลอดได้เร็ว
– เสียเลือดน้อย
– เจ็บแผลคลอดน้อย
– ความเสี่ยงของแผลติดเชื้อน้อย
– ไม่มีความเสี่ยงของการเกิดพังผืดในช่องท้อง
– โอกาสที่จะเกิดภาวะรกเกาะต่ำในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปมีน้อย
– ทารกที่คลอดธรรมชาติจะได้รับภูมิคุ้มกันในช่องคลอดมาด้วย
– ทารกมีความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจน้อย
ข้อเสียของการคลอดธรรมชาติ
– ไม่สามารถกำหนดวันคลอดที่แน่นอนได้ ต้องรอให้มีอาการเจ็บครรภ์คลอดเป็นสัญญาณ
– เสี่ยงที่จะเกิดภาวะสายสะดือทารกถูกกดทับ
– เสี่ยงที่ทารกจะขาดออกซิเจน หากการคลอดใช้เวลานาน
– อาจจำเป็นต้องใช้คีมคีบเด็กในกรณีที่แม่หมดสติ หรือหมดแรงคลอด
– ในกรณีที่ทารกมีขนาดตัวใหญ่ อาจทำให้คลอดลำบาก ช่องทางคลอดฉีกขาด เสียเลือดมากขึ้น
– ทารกเสี่ยงที่จะสำลักขี้เทา
คลอดธรรมชาติ มีขั้นตอนอะไรบ้าง
เราจะสามารถแบ่งขั้นตอนการคลอดธรรมชาติได้เป็น 3 ช่วงขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้
– ส่งสัญญาณเตือน การเจ็บครรภ์ก่อนคลอด จะเริ่มต้นจนถึงปากมดลูกเปิดขยายเต็มที่ ใช้เวลาประมาณ 8-12 ชั่วโมงสำหรับท้องแรก (ท้องถัดมาอาจจะเร็วขึ้น) โดยจะเริ่มเจ็บครรภ์มากขึ้นเรื่อย ๆ และถี่ขึ้นจากช่วงแรกทุก 5 นาที ซึ่งปากมดลูกเปิดขยายไม่เกิน 7 เซนติเมตร เป็นทุก ๆ 0.5-3 นาที ในช่วงปากมดลูกเปิดขยายประมาณ 8-10 เซนติเมตร ซึ่งคุณแม่อาจลดความเจ็บปวดด้วยการควบคุมลมหายใจให้ดี
– เบ่งคลอดลูก เป็นระยะที่ปากมดลูกเปิดขยายเต็มที่ พร้อมสำหรับการเบ่งคลอด ซึ่งคุณแม่จะรู้สึกถึงแรงดันช่วงล่างหรือที่เรียกว่า ลมเบ่ง และจะรู้สึกอยากเบ่งคลอดตามธรรมชาติ โดยคุณหมอจะแจ้งให้เริ่มเบ่งได้เมื่อเกิดการหดตัวของมดลูก ซึ่งแรงเบ่งของคุณแม่จะดันให้ลูกนำศีรษะเคลื่อนที่ลงอุ้งเชิงกรานและลงไปในช่องคลอดในที่สุด และร่างกายของลูกก็จะคลอดออกมาได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
– คลอดรก หลังจากคลอดลูกออกมาแล้ว ร่างกายจะทำการคลอดรกและเยื่อหุ้มเซลล์ออกมาตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องเบ่งแรงเท่าคลอดลูก และคุณหมอจะตรวจเช็กว่ารกคลอดออกมาหมดหรือไม่ เพื่อป้องกันอาการเลือดออกหรือติดเชื้อ
คลอดลูกเอง ใช้เวลาพักฟื้นกี่วัน
โดยทั่วไปหากคุณแม่เลือกวิธีคลอดลูกแบบธรรมชาติ ทางโรงพยาบาลจะกำหนดให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลจำนวน 2 คืน ซึ่งระหว่างพักฟื้น คุณหมอและพยาบาลจะคอยช่วยตรวจเช็กสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อย ถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อาทิ เลือดออกทางช่องคลอดหลังคลอด การแข็งตัวของมดลูก ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมน รวมถึงภาวะตัวเหลืองของลูก เป็นต้น ทั้งนี้คุณแม่ที่คลอดธรรมชาติยังสามารถให้นมลูกได้โดยทันทีหลังคลอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นน้ำนมของคุณแม่ และแนะนำให้นำลูกมาเข้าเต้าทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ทั้งนี้มีข้อควรระวังเกี่ยวกับแผลฝีเย็บเล็กน้อย คือควรงดมีเพศสัมพันธ์หลังคลอดประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูก โดยควรกลับมาตรวจแผลหลังคลอดและให้คุณหมอประเมินและยืนยันอีกครั้งว่าแผลหายดีและปิดสนิทแล้ว และคุณแม่ควรงดออกกำลังกายหลัง
คลอดประมาณ 6 สัปดาห์ และให้เริ่มออกกำลังกายแบบเบา ๆ ไปก่อน เช่น โยคะ การเดิน เป็นต้น
ปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้คลอดธรรมชาติไม่ได้
การคลอดธรรมชาติต้องอาศัยความแข็งแรงสมบูรณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ และสุขภาพของทารกในครรภ์ประกอบร่วมกัน โดยหากเมื่อมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ อาจส่งผลให้คุณแม่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติตามที่คาดหวังไว้ได้
1.ตรวจพบภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตของคุณแม่และลูกในครรภ์ได้
2.ภาวะรกเกาะต่ำ อาจเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ที่เคยผ่าตัดมดลูก หรือทำการผ่าคลอดในท้องแรก หรืออาจเคยมีประวัติรกเกาะต่ำ
3.ทารกในครรภ์มีขนาดโต หรือท่าทางของทารกในครรภ์ไม่เหมาะสมกับการคลอดธรรมชาติ เช่น เด็กไม่กลับหัว เป็นต้น
4.คุณแม่ตั้งครรภ์มีโรคประจำตัว อาทิ โรคหัวใจ หรือโรงมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอาจมีผลเสียและเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถคลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติ
การคลอดธรรมชาติเจ็บหรือไม่ จำเป็นต้องบล็อกหลังหรือไม่
อาการเจ็บปวดระหว่างคลอดธรรมชาตินั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการบีบตัวของมดลูก ท่าทางของทารกและความอดทนต่อความเจ็บของคุณแม่ ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการระงับความเจ็บระหว่างคลอดได้หลายวิธี เช่น การฉีดยาลดปวดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ การฉีดยาชาเข้าที่ฝีเย็บ หรือแม้กระทั่งการบล็อกหลังโดยวิสัญญีแพทย์ ซึ่งวิธีการบล็อกหลังนี้จะช่วยลดความเจ็บได้ตั้งแต่ระยะรอคลอด ไปจนถึงการตัดฝีเย็บเลยทีเดียว
บทส่งท้าย
การตัดสินใจที่ดีที่สุดของคุณแม่ในการเลือกวิธีการคลอดลูก คือ ควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ และให้คุณหมอช่วยประเมินสุขภาพของทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกในครรภ์ รวมถึงศึกษาข้อดีและข้อเสียของการคลอดในแต่ละวิธี โดยเลือกแนวทางที่คุณแม่รู้สึกมั่นใจ คลายความกังวล และรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด
เครดิตรูปภาพ www.news24.com www.independent.co.uk www.dailymail.co.uk