บทความนี้ขอแนะนำ “เลือกสีประเภทไหนดี ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก” ศิลปะก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย ให้โตตามวัยได้แบบสมบูรณ์ ซึ่งการระบายสีก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย และทำได้ง่ายสะดวก ซึ่งสีที่ใช้ระบายก็มีหลากหลายแบบ แต่คุณพ่อคุณแม่จะเลือกสีแบบไหนให้เหมาะสมกับวัยของลูกดี บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน
สีเทียน
สีเทียนน่าจะเป็นสีประเภทแรกที่เด็ก ๆ ควรได้สัมผัสชีวิตของพวกเขา เนื่องจากขนาดที่ง่ายต่อการหยิบจับและความทนทานต่อแรงกดของเด็กน้อย เด็กวัย 1-1 ขวบครึ่ง สามารถกำสีเทียนได้ สีเทียนมีหลายขนาดและหลายรูปทรง ประโยชน์ของสีเทียนต่อพัฒนาการของเด็ก มีดังนี้
1.พวกเขาต้องออกเเรงกด และระบายลงไป ซึ่งส่งผลดีต่อกล้ามเนื้อมัดเล็กของพวกเขาให้มีความทนทาน
2.ตาและมือที่ประสานกันเพื่อจะละเลงสีให้ถูกจุด
3.การใช้มือข้างที่ถนัดหยิบจับสีเทียน และอีกมือหนึ่งช่วยจับกระดาษไว้ ทำให้เด็กพัฒนามือข้างที่ถนัดของตน และการทำงานประสานกันระหว่างร่างกายทั้งสองซีก
4.สีเทียนยังช่วยกระตุ้นการรับสัมผัสทางกลิ่นของเด็ก ๆ ได้ด้วย (กลิ่นขี้ผึ้ง)
5.สีเทียนที่หักเป็นท่อนเล็กๆ อย่าเพิ่งทิ้ง เก็บไว้ให้เขาใช้ต่อ เพราะเขาจะต้องใช้ความพยายามในการหยิบแท่งสีนั้นมาใช้ และต้องออกแรง และใช้นิ้วเล็กๆ ทั้งสามนิ้ว (นิ้วชี้ กลาง โป้ง) ของเขาจับมัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้การจับโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ข้อควรระวังสำหรับเด็กที่เล็กมากๆ
คือ การนำสีเทียนเข้าปาก ควรเลือกสีเทียนปลอดสารพิษที่มีขนาดตัวด้านขนาดใหญ่ และระวังเศษสีเทียนแท่งเล็กๆ ติดคอ ผู้ใหญ่ควรให้ความดูแลใกล้ชิดในเด็กเล็ก
สีไม้
สีไม้เป็นสีสามัญประจำบ้านแทบทุกบ้าน แต่ถ้าตามพัฒนาการแล้ว เด็ก ๆ ที่เริ่มใช้สีได้ดี คือ ช่วง 2-3 ปีขึ้นไป เนื่องจากกล้ามเนื้อมือของเด็ก ๆ วัยนี้เริ่มที่จะแข็งแรงพอจะจับดินสอสีที่มีขนาดเล็กลงมาจากสีเทียนได้แล้ว วิธีการจับของเด็กวัยนี้เป็นแบบกำมือคว่ำลง ส่วนประโยชน์ของสีไม้ต่อพัฒนาการของเด็ก มีดังนี้
1.เส้นสีที่ออกมาเมื่อเด็ก ๆ ระบายสีด้วยสีไม้ มีขนาดเล็กกว่าสีเทียนและสีประเภทอื่น ๆ มาก ทำให้เด็ก ๆ ต้องพยายามระบายด้วยความถี่ที่มากขึ้น ต้องควบคุมแรงและทิศทาง ซึ่งเป็นการฝึกความทนทานและเพิ่มความแข็งของกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างมือได้อย่างดี
2.รายละเอียด ซอกหลืบของภาพสามารถระบายได้ด้วยสีไม้ สีไม้จึงเหมาะกับการเป็นสีที่ใช้ระบายภาพที่มีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งทำให้เด็กต้องใช้สมาธิจดจ่อกับงานมากขึ้น
3.กลิ่นของสีไม้ก็มีเช่นกัน (กลิ่นไม้) ซึ่งกระตุ้นการรับสัมผัสกลิ่นได้อย่างดีในเด็ก ๆ แต่ละยี่ห้อก็มีเอกลักษณ์ของมัน
4.การเรียงสีในกล่องดูจะเป็นประเพณีบางอย่างสำหรับเด็ก ๆ เราสามารถสอนเรื่องสีต่าง ๆ และการดูแลเก็บของ ๆ ตัวเองให้กับเด็ก ๆ ได้อย่างดี
ข้อควรระวังในการใช้สีไม้
คือ การเหลาสีได้แหลม ๆ แล้วเด็ก ๆ วิ่งไปที่ต่าง ๆ ขณะถือสีไม้แท่งนั้นไปด้วย พ่อแม่ต้องให้ความดูแลใกล้ชิด เตรียมพื้นที่สำหรับวาดรูปให้เด็ก ๆ และตั้งกติกาชัดเจนว่า ให้ใช้สีไม้ขณะที่นั่งบนเก้าอี้หรือพื้นที่บริเวณนี้
สีเมจิก
สีเมจิกเป็นสีที่พ่อแม่หลาย ๆ คนเป็นกังวล เพราะถ้าหากเด็ก ๆ นำสีเมจิกไปวาดตามกำแพง โซฟา หรือ บนใบหน้าของตัวเอง ดังนั้นสีเมจิกเหมาะกับเด็ก ๆ ที่เรียนรู้ไม่เอาสีเข้าปากของตัวเองแล้ว เด็กวัย 3 ปีขึ้นไปสามารถใช้สีเมจิกได้ แต่ผู้ใหญ่ควรให้ความดูแลใกล้ชิดอยู่ดี ประโยชน์ของสีเมจิก คือ
1. สีเมจิกโดดเด่นในเรื่องของเส้นที่สีเข้มคมชัดและสม่ำเสมอ ที่สำคัญสีเมจิกไม่สามารถลบออกได้ ดังนั้นเมื่อวาดรูปด้วยสีเมจิกเด็ก ๆ จะต้องใช้ความกล้าในการวาดลงไปอย่างไม่ลังเล สีเมจิกจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเด็กเมื่อใช้
2.สีเมจิกมีสีสันที่สดใสกว่าสีประเภทอื่น ๆ ซึ่งสีสันที่สดนั้นกระตุ้นการรับรู้ทางสายตาของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
3.สีเมจิกสามารถนำไปใช้วาดบนแกนกระดาษ กล่องลัง และพื้นผิวอื่น ๆ ได้ก็สามารถเปลี่ยนกล่องลังนั้นเป็นยานพาหนะที่พาพวกเขาไปท่องในโลกจินตนาการได้
ข้อควรระวังสำหรับสีเมจิก
คือ สีเมจิกไม่ควรวางไว้คู่กับสีมาร์กเกอร์ที่ติดถาวร ไม่เช่นนั้นผู้ใหญ่ได้ทำงานหนักแน่นอน และบางทีมีก็มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรงต้องระวังอย่างมาก ไม่ให้ลูกน้อยหยิบสีเข้าปากโดยเด็ดขาด
สีน้ำ
สีน้ำเหมาะสำหรับเด็กวัย 4 ขวบ ขึ้นไป เพราะโดดเด่นในเรื่องของความยืดหยุ่น และการทดลอง เด็ก ๆ สามารถเล่นสีน้ำได้ตั้งแต่เริ่มหยิบจับอุปกรณ์ได้เลย ในเด็กเล็กมากสีน้ำที่ใช้อาจจะเริ่มจากแม่สีบวกกับอุปกรณ์อย่างฟองน้ำ เมื่อเด็กโตขึ้นมาหน่อยก็ผนวกสีน้ำกับแปรงขนาดใหญ่ ประโยชน์ของสีน้ำ มีดังนี้
1. สีน้ำทำให้เด็กได้เรียนรู้ ทดลอง และค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ถ้าเราให้เพียงแม่สี (น้ำเงิน แดง เหลือง) กับเด็ก ๆ ไป พวกเขาจะได้ทดลองผสมสีต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นสีใหม่ ประสบการณ์นี้ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี
2. เนื่องจากสีน้ำเป็นของเหลว ดังนั้นเวลาเด็ก ๆ ระบายสีน้ำลงบนภาพของพวกเขา เขาต้องระมัดระวังมากกว่าการใช้สีประเภทอื่น เด็กๆ ได้ฝึกสมาธิมากขึ้นจากการใช้สีน้ำ
3.เมื่อสีน้ำควบคุมลำบาก ทำให้เด็ก ๆ ระบายออกนอกกรอบบ่อยครั้ง ณ จุดนี้ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ความยืดหยุ่น และยอมรับว่าบางสิ่งก็เกินกว่าที่จะควบคุมได้
4.สีน้ำมักจับคู่กับอารมณ์ที่สงบและสบาย ๆ ดังนั้นเมื่อเด็กได้ใช้สีน้ำวาดและระบายสีภาพ อารมณ์ของพวกเขามักจะมีแนวโน้มเย็นสงบมากขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับสีน้ำ
คือ ผู้ใหญ่มีหน้าที่เตรียมพื้นที่สำหรับเลอะเทอะได้ แนะนำให้ปูผ้ายาง หรือ ให้เด็กไประบายสีน้ำในสวนไปเลย ทีนี้เลอะได้เต็มที่
บทส่งท้าย
นอกจากการเลือกสีให้เหมาะกับวัยจะช่วยให้ลูกสนุกกับงานศิลปะแล้ว สิ่งที่ลูกน้อยต้องการมากที่สุดคือช่วงเวลาที่ได้เล่นสนุก ได้ระบายสีด้วยกันกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะสุดท้ายศิลปะของลูกจะสำเร็จหรือไม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงาม แต่อยู่ที่ว่าลูกได้เรียนรู้อะไรระหว่างทางบ้าง
เครดิตรูปภาพ review.bukalapak.com www.istockphoto.com www.pinterest.com