บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง อาหารเสริมสำหรับเด็ก จำเป็นจริงไหม มีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยเห็นโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับอาหารเสริมสำหรับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดน้ำ หรือวิตามินรวมชนิดเคี้ยวรสชาติต่าง ๆ แต่ในขณะเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่ก็อาจรู้สึกสงสัยว่าอาหารเสริมเหล่านี้จำเป็นต่อลูกน้อยจริงหรือไม่ และจะมีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง
อาหารเสริมตามวัย คืออะไร
อาหารเสริมตามวัย คือ อาหารอื่น ๆ ที่ทารกได้รับนอกเหนือจากอาหารมื้อปกติตามช่วงวัย เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสติปัญญาในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรก ควรกินนมแม่เพียงอย่างเดียวเพราะในนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนและ พียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยแล้ว ส่วนลูกน้อยวัย 6 เดือนขึ้นไป จำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมตามวัย ที่เหมาะสมเพิ่มเติมจากนมแม่ เพื่อสุขภาพและพัฒนาการที่ดีของเจ้าตัวเล็ก
อาหารเสริมเด็กหรือวิตามิน จำเป็นต่อลูกน้อยจริงหรือไม่
การให้อาหารเสริมเด็กตามวัยในปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกน้อย ควบคู่กับการกินนมแม่ เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอต่อพัฒนาการทางร่างกายและสมอง โดยอาหารเสริมที่ได้รับควรมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามิน ซึ่งได้จากกินอาหารที่หลากหลาย กินผักและผลไม้เป็นประจำ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ไม่ควรให้เด็กกินอาหารที่มีการปรุงแต่งด้วยผงชูรส หรือปรุงรสที่หวานจัด เค็มจัด หรือมันมากเกินไป หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและคาเฟอีน และขนมขบเคี้ยวที่เหนียวติดฟัน ที่สำคัญอาหารต้องสะอาดปลอดภัยเพื่อสุขภาพที่ดีของเด็ก
วิตามินและอาหารเสริมสำหรับเด็กชนิดไหนบ้าง ที่ลูกน้อยต้องการ
เด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเริ่มอาหารเสริมตามวัยแทนนมแม่ได้ 1 มื้อ เมื่ออายุได้ 9-11 เดือน ควรได้รับอาหารเสริมตามวัย 2-3 มื้อ และสามารถกินอาหารได้ 3 มื้อ เมื่อมีอายุ 12 เดือนขึ้นไปควบคู่กับนมแม่ โดยเน้นให้ลูกกินที่หลากหลาย หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีรสจัด และการใช้ผงปรุงรส เพื่อให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกายอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับชนิดและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับอาหารเสริมตามวัย ซึ่งวิตามินที่ลูกน้อยต้องการในแต่ละวัน ได้แก่
1.วิตามินดีสำหรับเด็ก
– ประโยชน์ของวิตามินดี : มีส่วนสำคัญของกระดูกและฟัน และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
– ข้อดีของวิตามินดี : ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ที่ทางเดินอาหารได้ดี เพิ่มปริมาณมวลกระดูก ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง รวมถึงการดูดซึมวิตามินเอด้วย
2.วิตามินซีสำหรับเด็ก
– ประโยชน์ของวิตามินซี : มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสมองของเด็ก
– ข้อดีของวิตามินซี : ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก และมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ
3.วิตามินเอสำหรับเด็ก
– ประโยชน์ของวิตามินเอ : มีส่วนสำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง การเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ และสร้างการมองเห็น
– ข้อดีของวิตามินเอ : ช่วยในการมองเห็น เสริมสร้างเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อย
4.ธาตุเหล็กสำหรับเด็ก
– ประโยชน์ของธาตุเหล็ก : เป็น ส่วนประกอบสำคัญของ เม็ดเลือดแดง มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก6
– ข้อดีของธาตุเหล็ก : ธาตุเหล็กหรืออาหารเสริมธาตุเหล็ก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และทำให้ร่างกายแข็งแรง หากลูกน้อยขาดธาตุเหล็กตั้งแต่ยังเล็กอาจส่งผลต่อสมาธิและสติปัญญาในระยะยาวได้
ควรให้ลูกกินอาหารเสริมสำหรับเด็กเมื่อไหร่
อาหารเสริมของเด็ก ไม่มีช่วงระยะเวลาที่ตายตัวขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เป็นสำคัญ โดยเด็กบางคนอาจถูกวินิจฉัยว่าเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารตั้งแต่ช่วง 6 เดือนแรก แพทย์ก็อาจจะแนะนำให้มีการเสริมสารอาหารที่จำเป็นตั้งแต่ในช่วง 6 เดือนแรก เป็นต้น
อาหารเสริมสำหรับเด็กเหมาะกับเด็กแบบใด
แม้ว่าอาหารเสริมอาจไม่จำเป็นสำหรับเด็กที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่กุมารแพทย์อาจแนะนำให้เด็กบางคนรับประทานวิตามินรวมหรือแร่ธาตุเสริม เช่น
– เด็กที่ไม่ได้รับประทานอาหารตามปกติ หรือรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอ
– เด็กที่เลือกรับประทานอาหารเพียงบางอย่าง
– เด็กที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหืด หรือโรคระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
– เด็กที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ อาหารที่ไม่มีส่วนผสมของนม หรือเด็กที่จำกัดการรับประทานอาหารบางชนิด
– เด็กที่ชอบรับประทานอาหารขยะ อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว หรือดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมาก
– เด็กที่กำลังใช้ยารักษาโรค เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารได้
ข้อแนะนำในการเลือกซื้อวิตามินเสริมเด็ก
ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะซื้อวิตามินรวมของเด็ก ควรใส่ใจกับคำแนะนำในการเลือกซื้อวิตามินเสริม ดังนี้
– เลือกซื้อวิตามินเมื่อแพทย์วินิจฉัยเห็นชอบให้มีการเสริมวิตามินสำหรับเด็กเท่านั้น ไม่ควรซื้อวิตามินเสริมมาให้ลูกกินเองโดยพลการ
– เลือกซื้อวิตามินตามที่แพทย์แนะนำ หรือได้รับมาตรฐานทางการแพทย์
– เลือกซื้อวิตามินที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย หรือมี อย.กำกับเอาไว้อย่างถูกต้อง
– เลือกซื้อวิตามินที่มีฉลากและคำแนะนำในการใช้งานอย่างชัดเจน
– ตรวจดูข้อมูลวันที่ผลิตและวันหมดอายุบนฉลากอย่างละเอียดและถี่ถ้วนทุกครั้ง
บทส่งท้าย
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรจัดเตรียมอาหารที่มีความหลากหลายและมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนให้เจ้าตัวเล็กรับประทานแทนการใช้อาหารเสริม เพื่อให้ลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย
เครดิตรูปภาพ