นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่หลายท่านต้องเจอ เมื่อลูกเจริญเติบโตถึงวัยที่เริ่มเรียนรู้ในการยอมรับและปฏิเสธสิ่งที่ตนเองชอบได้ รวมไปถึงเริ่มรู้จักการต่อรอง ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะต้องเจอคำว่า เดี๋ยวก่อน กับลูกอย่างแน่นอน ซึ่งบางท่านรุนแรงถึงขั้นพูดคำนี้จนติดปาก เป็นทุกครั้งเมื่อต้องการบอกให้ลูกทำอะไรก็จะมีการผลัดผ่อนไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ ให้คุณทราบหรือไม่ว่าพฤติกรรมการต่อรองของลูกนั้นจะติดจนเป็นนิสัยทำให้อาจจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้เขาปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยากเมื่อเขาเติบโตขึ้นมา ให้ตระหนักถึงความสำคัญในข้อนี้เราจึงรวบรวมวิธีการแก้ปัญหาคำพูดติดปากของลูกมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนะติดตามกันเลย
1. จัดตารางกิจกรรมของลูกให้เหมาะสม
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนจัดการและบริหารเวลาด้วยวิธีการจัดตารางกิจกรรมให้กับลูก เพื่อให้เขามีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงคือ คุณจะต้องไม่จัดตารางกิจกรรมของลูกแน่นจนเกินไป เพราะอาจทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า อยากจะผลักความรับผิดชอบนั้นออกไป ซึ่งนี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเริ่มรู้สึกต่อรอง และใช้คำว่าเดี๋ยวก่อน จนติดเป็นนิสัย ดังนั้น ให้คุณกลับมาลองทบทวนดูว่า กิจกรรมที่กำหนดให้ลูกในแต่ละวันนั้นแน่นจนน่าอึดอัดหรือไม่ และลองปรับให้เหมาะสมดู ลูกจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไม่กดดันและเหนื่อยล้าจนเกินไป
2. ช่วยลำดับความสำคัญให้ลูก
ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเด็กส่วนใหญ่นั้นจะไม่สามารถที่จะลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เขาอาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่และมีภารกิจต้องทำหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การทำการบ้าน การอาบน้ำ ทานข้าว ช่วยแม่ทำงานบ้าน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง เลยได้แต่ผลัดผ่อน และยืดเยื้อเวลาออกไป จนติดเป็นนิสัยนั่นเอง การช่วยลำดับความสำคัญให้ลูกนั้น จะทำให้เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
3. ฝึกดำเนินชีวิตให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
ปัญหาที่ชอบพูด เดี๋ยวก่อน หรือผัดวันประกันพรุ่ง มักเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่มีความตรงต่อเวลา ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้ได้อย่างเห็นผล คุณต้องปลูกฝังให้ลูกบริหารจัดการเวลาของตัวเองให้ได้ ทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น 6.30 น. ตื่นนอน อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมทานอาหารเช้า 7.30 น. แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไปโรงเรียน 20.30 ถึงเวลาเข้านอน เป็นต้น หาคนจัดตารางกิจวัตรประจำวันของลูกให้เป็นเวลาเดิมสม่ำเสมอในทุกๆวัน ทำให้เขาเรียนรู้และซึมซับ มีวินัย และสามารถจัดการเวลาของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น จะช่วยลดนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งได้อย่างแน่นอน
4. เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก
การปลูกฝังที่ดี ไม่เพียงแต่การคอยพร่ำสอนอยู่เสมอ แต่จะให้ลูกซึมซับและปฏิบัติตามได้ง่ายขึ้นคุณจะต้องแสดงให้ลูกได้เห็น ซึ่งสามารถทำได้ในกิจกรรมประจำวันเลย โดยเฉพาะเวลาที่ใครใช้ให้ทำอะไรให้รีบทำทันที ไม่มีการต่อรอง เช่น คุณแม่ใช้ให้คุณพ่อหยิบของ ก็ให้รีบหยิบทันที ไม่มีคำว่า เดี๋ยวก่อน หรือถ้าหากมีความจำเป็นที่ไม่สามารถทำได้ในทันทีก็ต้องแสดงเหตุผลให้ลูกเข้าใจทุกครั้งด้วยว่าเป็นเพราะอะไร วิธีนี้จะช่วยให้ลูกซึมซับ และปฏิบัติตามได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยที่เราไม่ต้องบังคับเลย
5. ให้รางวัลลูกเมื่อทำดี
เป็นอีกหนึ่งวิธีในการชื่นชมและสนับสนุนลูก เมื่อเขาได้รับของรางวัลเล็กๆน้อยๆ หรือการแสดงความรัก เช่น การกอด หอมแก้ม จะทำให้ลูกมีกำลังใจ และเข้าใจได้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันถูกต้องและเหมาะสม เมื่อคุณพ่อคุณแม่บอกให้ทำอะไร เขาก็จะกลายเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป
อย่างไรกันบ้างสำหรับเคล็ดลับแก้ นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง ของเด็กที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จึงเชื่อว่าแทบจะทุกบ้าน ที่จะต้องประสบกับปัญหานี้อย่างแน่นอน หลายครั้งเราไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าเพราะอะไรลูกถึงเป็นเด็กที่ชอบต่อรอง แต่ถ้าหากเราทราบสาเหตุแล้วจะทำให้เราสามารถแก้ไข และพัฒนาจุดที่บกพร่องนั้น เพื่อให้ลูกได้เข้าใจ และปฏิบัติตามได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น สำหรับบ้านไหนที่กำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้อยู่นั้น ลองนำเคล็ดลับดังกล่าวข้างต้นไปปรับประยุกต์ใช้ดู รับรองว่าเห็นผลดีอย่างแน่นอน บาคาร่าออนไลน์