บทความนี้ขอแนะนำ “”เบบี้คริสตัล” คืออะไร สีสันสวย แต่ทำไมถึงแฝงไปด้วยอันตรายต่อเด็ก” “เบบี้คริสตัล” กลายเป็นกระแสไวรัล หลังจากที่มีคุณแม่ท่านหนึ่งเผยว่าลูกชายได้กินเบบี้คริสตัลเข้าไปจนทำให้ลำไส้อุดตันและต้องผ่าออกมา จึงทำให้หลายคนอยากรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรและมีอันตรายอย่างไร และคุณพ่อคุณแม่ควรระวังยังไงดี
เบบี้คริสตัลคืออะไร
“เบบี้คริสตัล” (Baby Crystal) หรืออีกชื่อเรียกคือ น้ำตานางเงือก เป็นพอลิเมอร์ มีสาร 2 ชนิด คือ พอลิอะคริลาไมด์ (Polyacrylamide) และสารไวนิลอะซีเตด-เอทิลีนโคพอลิเมอร์ (Vinylacetate-ethylene copolymer) มีขนาดเท่ากับไส้ดินสอ มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำจำนวนมาก เมื่อยังไม่ดูดน้ำจะมีขนาดเล็กเท่ากับเม็ดสาคู หากดูดน้ำแล้วจะขยายพองตัวขึ้นจนมีขนาดพอๆ กับลูกปิงปอง มีหลากสีสันสดใส เช่น สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง สีส้ม จึงดึงดูดใจเด็กๆ มักจะนำมาเล่นแช่น้ำให้พองตัวขึ้น ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนคล้ายวุ้นหรือเจลใส และเมื่อนำก้อนโพลีเมอร์ที่อุ้มน้ำนั้นมาตากแดด หรืออบด้วยความร้อนเพื่อไล่น้ำแล้วก็จะได้สารโพลีเมอร์กลับคืนมาเหมือนเดิม โดยจุดประสงค์จริง ๆ ของพอลิเมอร์เหล่านี้จะถูกนำมาใช้กับผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าอนามัย รวมถึงดินวิทยาศาสตร์ ที่เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้
เบบี้คริสตัล อันตรายสำหรับเด็กยังไง
ด้วยความที่มีลักษณะสีสันสดใส ราคาถูก จึงทำให้เด็ก ๆ ซื้อมาเล่นได้ง่าย แต่จะเป็นอันตรายกับลูกมากหากเผลอกินเข้าไป เนื่องจากเบบี้คริสตัลสามารถพองตัวในร่างกายมนุษย์ได้ถึง 5 เท่า โดยจะซึมซับเอาน้ำจากร่างกาย เช่น น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร หากเข้าไปในลำไส้ก็จะทำให้อุดตันและดึงน้ำออกจากโพรงลำไส้ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและติดเชื้อ ข้อสำคัญคือ เมื่อเบบี้คริสตัลพองตัวถึงระดับหนึ่งก็จะแตกตัวออกมา เมื่อตัวใหม่ดูดน้ำเข้าไปอีกก็จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จนแตกตัวใหม่ออกไปอีก อาการคือ ทำให้เด็กจุกเสียด แน่นท้อง โดยเฉพาะหากเบบี้คริสตัลไปค้างในหลอดอาหารส่วนต้น หรือสำลักเข้าหลอดลม จะทำให้เกิดการอุดกลั้นและหายใจล้มเหลวเฉียบพลันหากไม่สามารถเอาออกมาได้ จนอาจจะเสียชีวิตได้
เบบี้คริสตัล ใช้ทำอะไรได้บ้าง
สารที่อยู่ใน เบบี้คริสตัล ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในวงการแพทย์ วงการอุตสาหกรรม และถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการเกษตรเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยเก็บกักน้ำได้มาก ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการรดน้ำบ่อยๆ อีกทั้งยังใช้เพื่อเพิ่มการดูดซับและเก็บกักน้ำของดินในพื้นที่แห้งแล้ง หรือหน้าแล้ง เพื่อช่วยอุ้มน้ำในดินให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบางประเทศที่นำเบบี้คริสตัลมาประยุกต์เป็นสื่อการเรียนการสอนทางด้านวิทยาศาสตร์ และนำมาใช้ปลูกต้นไม้และประดับตู้ปลาอีกด้วย
เบบี้คริสตัล การจำหน่ายถือว่ามีความผิด
อันที่จริงแล้วเบบี้คริสตัลเป็นของอันตรายที่ถูกห้ามขายในลักษณะของเล่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 โดยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ห้ามขายสินค้าที่เรียกว่า “ของเล่นชนิดพองตัว เมื่อแช่น้ำหรือตัวดูดน้ำ” เนื่องจากเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กเล็ก พร้อมทั้งกำหนดบทลงโทษ หากพบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนผลิตเพื่อขาย สั่ง หรือนำเข้ามาในประเทศ เพื่อขาย หรือขายสินค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วิธีป้องกัน ระวัง หรือสังเกตลูก เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าปาก
เด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ มักจะไม่รู้ว่าสิ่งใดอันตรายหรือไม่ และจะหยิบสิ่งนั้นเข้าปากด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามพัฒนาการ ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือ
– ระมัดระวังและเก็บบ้านให้เรียบร้อย ไม่ให้มีชิ้นส่วนของเล่นหรือวัสดุเล็ก ๆ อยู่บนพื้นที่เด็ก ๆ สามารถเอื้อมคว้าเข้าปากได้
– สังเกตอาการลูกเสมอ หากเด็ก ๆ กลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปมักจะมีอาการดังนี้ ไอ สำลัก หายใจไม่สะดวก เจ็บคอ ไม่ยอมกลืนน้ำลาย หรือมีน้ำลายไหลเยอะผิดปกติ อาเจียนมีเลือดปน ปวดท้อง หากพบอาการเหล่านี้ควรพาไปพบแพทย์ทันที
– ถ้ารู้ว่าลูกกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไป ไม่ควรล้วงคอ หรือทำให้อาเจียน เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มขึ้น หรือสิ่งแปลกปลอมอาจหลุดมาอุดทางเดินหายใจทำให้เสียชีวิตได้ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
ของเล่นอันตรายอื่น ๆ ที่พ่อแม่ควรระวัง
นอกจากเบบี้คริสตัลแล้ว ยังมีของเล่นอีกหลายชนิดที่พ่อแม่ควรระวังไม่ให้ลูกน้อยเล่น โดยเฉพาะเด็กวัยต่ำกว่า 3 ขวบ เพราะอาจเผลอนำของเล่นเหล่านั้นเข้าปากจนเกิดอันตรายได้ อาทิ
1.นกหวีด นกหวีดเป่าลม แตรเป่าลม หรือของเล่นตระกูลที่มี “ไส้นกหวีด” อยู่ด้านใน เพราะขณะที่เด็ก ๆ เป่าอาจหลุดเข้าคอไปยังหลอดลมได้
2.สไลม์ วัตถุนุ่มหยุ่นที่เด็ก ๆ ชอบ แต่บางครั้งวัสดุที่ใช้ทำก็มีอันตรายไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสารอันตรายอย่างสารบอแรกซ์ สารหนู ตะกั่ว รวมถึงโลหะหนัก และยังใช้กาวอีกด้วย จึงทำให้เกิดสารตกค้างในร่างกาย ยิ่งถ้าเผลอเอาเข้าปากยิ่งอันตรายหนัก
3.ของเล่นที่มีเชือก เนื่องจากอาจรัดคอลูกน้อยได้
4.ลูกปัดแม่เหล็ก เนื่องจากมีขนาดเล็ก และอาจเข้าคอลูกน้อยได้เช่นกัน
5.ของเล่นอื่น ๆ ที่มีขนาดชิ้นส่วนเล็ก ๆ หรือแม้แต่เหรียญต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันตราย เพราะเสี่ยงที่เด็กจะเอาเข้าปากและหลุดลงหลอดลมได้ง่าย
บทส่งท้าย
แม้ว่าเบบี้คริสตัลจะเป็นของเล่นวิทยาศาสตร์ที่มีขนาดจิ๋ว สีสันสวยงาม แต่กลับแฝงไปด้วยอันตรายมากมาย เพราะถ้าหากเด็ก ๆ เผลอเอาเข้าสู่ร่างกายเมื่อไหร่ มันจะขยายใหญ่จนอาจทำให้เราสูญเสียคนที่รักไปได้เลยทีเดียว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จะซื้อของเล่นอะไรให้กับลูกก็ควรระมัดระวังอย่างมาก
เครดิตรูปภาพ www.foxnews.com www.funathomewithkids.com sypstudios.com