บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกนอนดึกไม่เป็นเวลา มีวิธีจัดการอย่างไรดี” ปัญหาที่หลายบ้านต้องเคยพบเจอ การที่ลูกนอนดึก นอนไม่เป็นเวลา ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของลูกได้ ซึ่งเด็กนั้นควรจะนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่อย่างน้อย 9 – 13 ชั่วโมง ซึ่งถ้าน้อยกว่านั้นจะส่งผลให้ร่างกายของลูกเริ่มอ่อนแอ จนพาลทำให้ไม่สบายได้ แต่จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างนั้น ในบทความนี้มีมากฝากกัน
สัญญาณที่บอกว่า ลูกนอนไม่พอ
เด็ก ๆ ควรจะมีเวลานอนเต็มที่ ที่ 9 – 13 ชั่วโมง หากสังเกตว่าเวลาเดินทางไปไหนใกล้ ๆ พอพาขึ้นรถปุ๊บ ลูกหลับฟุบไปทันที ขยี้ตา หงุดหงิด ก้าวร้าวงอแง แปลว่าลูกกำลังนอนไม่พอ ฉะนั้นหากลูกเริ่มมีพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ควรรีบหาวิธีปรับแก้ไขแต่เนิ่น ๆ จะได้ส่งผลดีต่อลูกในอนาคต
ลูกนอนดึก หรือเปล่า?
ยิ่งลูกโตขึ้นเรื่อย ๆ เวลานอนของเขาก็เริ่มดึกขึ้น เนื่องจากสิ่งยั่วยุรอบตัวเริ่มมีมากขึ้น เช่น การดูคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเลต หรือต้องทำการบ้านที่ได้มาจากโรงเรียนให้เสร็จ หรือบางบ้าน คุณพ่อคุณแม่เลิกงานกลับมาบ้านดึก ลูกก็คอยรับคุณพ่อคุณแม่กลับบ้านถึงนอนได้ การนอนดึกจะทำให้เด็กเกิดอาการเครียดตามมาภายหลังได้ ซึ่งพอลูกเครียดก็จะส่งผลกับการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกายและจิตใจไปด้วย คุณแม่หลาย ๆ ท่านก็กำลังเจอปัญหาเรื่องลูกนอนดึกอยู่ ซึ่งก่อนที่ลูกจะขึ้นชั้นมัธยมตารางเรียนเขาอาจจะยังไม่หนักมาก ก็ควรจะจัดตารางเวลาให้เขาเข้านอนไม่ดึกมากจะดีกว่า
เด็กนอนดึก ส่งผลเสียต่อพัฒนาการอย่างไร
เมื่อเด็กนอนดึกจะส่งผลให้ โกรทฮอร์โมน ทำงานได้ไม่เต็มที่ โดยฮอร์โมนชนิดนี้เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายผลิตได้เองในช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับ โกรทฮอร์โมนจะหลั่งในชั่วโมงแรกของการนอนหลับ และจะมีการผลิตอีกครั้งในช่วงห้าทุ่มถึงประมาณตีสาม ดังนั้นหากลูกนอนดึกจะทำให้ฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ไม่สูงสมวัย อาจเกิดอาการแคระแกร็นได้ และยังส่งผลถึงการพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกอีกด้วย
วิธีการแก้ไขปัญหาลูกนอนดึก
1. จัดเวลานอนและตื่นให้เหมาะสม
จัดตารางเวลาให้เขาว่าต้องเข้านอนไม่เกินกี่ทุ่ม ต้องตื่นนอนกี่โมง ตื่นเช้ามาต้องทำอะไรบ้าง หากวันไหนเขาต้องไปโรงเรียนก็ต้องฝึกให้เขาดูแลเวลาของตัวเองได้ อาบน้ำ แปรงฟัน ทานข้าว ไปโรงเรียน กลับมาจากโรงเรียนต้องทำอะไรบ้าง วนลูปแบบนี้ไป เข้าจะได้ชินและมีระเบียบ อย่างเช่นเวลาที่เหมาะสมของการนอนสำหรับเด็กอายุ 7-12 ปี คือเข้านอน 2 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้า หากฝึกลูกให้เขาปฏิบัติได้ตามนี้ เขาก็จะมีระเบียบวินัยมากขึ้น และรู้จักจัดสรรเวลาของตัวเองได้
2. ปรับสภาพแวดล้อมห้องนอน
ทำให้ห้องนอนเป็นห้องที่เงียบที่สุด ไม่ควรมีโทรทัศน์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพราะอาจทำให้ลูกนอนดึกจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ปรับห้องให้อุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป และควรเป็นห้องที่มืด มีม่านบังแสงในเวลากลางคืน และเปิดให้รับแสงแดดเป็นการปลุกในตอนเช้า
3. ปรับเวลาการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
กำหนดเวลาการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ให้เป็นเวลา ยิ่งในวันธรรมดาที่เขาต้องไปโรงเรียนในวันถัดไป เขาจะได้ไม่ตื่นสาย หากเป็นวันหยุดก็อนุโลมให้เขาได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาเล่นจะดึกเกินไป เพราะอาจจะทำให้สายตาเสียได้
4. ปรับตารางกิจกรรมหลังเลิกเรียน
ช่วงวัยประถม ลูก ๆ ของเราเริ่มมีความต้องการที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เช่น เรียนพิเศษ เล่นดนตรี เล่นกีฬา เป็นต้น ซึ่งคุณแม่ต้องจัดสรรเวลา ให้ลูกได้มีเวลาพักผ่อนบ้างเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเข้านอน เพื่อให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และพักสมองจากการคิดเรื่องต่าง ๆ ก่อนเข้านอนนั่นเอง เพื่อที่ในวันต่อไปเขาจะได้ตื่นมาสดชื่น
5. สร้างวินัย คำไหนคำนั้น
ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามการสร้างวินัยตั้งแต่เด็กจะทำให้ลูกรู้สึกว่า เขาไม่ได้โดนบังคับ แต่เป็นกิจวัตรที่เขาทำอยู่แล้วเสมอ เช่นเดียวกับการนอน คุณพ่อคุณแม่ต้องเด็ดขาด คำไหนคำนั้นห้ามใจอ่อนเด็ดขาด ถึงเวลานอนก็ต้องนอน ถึงเวลาเล่นก็ต้องเล่น ยิ่งเป็นเด็กๆ วัยเตาะแตะแล้ว เขาก็จะยิ่งหาสารพัดข้อที่จะมาอ้างเวลาให้กับเราเสมอ
6. หากลูกนอนเป็นเวลาได้ ควรชื่นชมเขาทุกครั้ง
หากวันไหนลูกของคุณเข้านอนเร็ว โดยที่เราไม่ต้องพูดบังคับ ก็ควรกล่าวชมเขา เพื่อให้เขามีกำลังใจ ที่จะปฏิบัติต่อไปในสิ่งที่เราสอน เขานั้นก็จะมีกำลังใจและอยากที่เข้านอนให้ไวขึ้นกว่าเดิมก็ได้
7. บอกให้รู้ถึงเหตุผล
เด็ก ๆ หลายคนต้องไม่เข้าใจ และต้องมีการต่อรองอย่างแน่นอน ในตารางเวลาที่คุณกำหนดไว้ให้ ซึ่งต้องสื่อสารกับเขาโดยใช้เหตุผล และพูดให้เขาเห็นถึงข้อดีและข้อเสียในการนอนดึก แล้วต้องรับฟังเหตุผลในมุมของเด็กด้วย แล้วค่อย ๆ ปรับจูน และแก้ปัญหาไปจนกว่าจะจุดที่ดีกับทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่ควรยอมลูกมากเกินไป ต้องมีกฎไว้บ้าง
บทส่งท้าย
การมีตารางเวลาให้เขา เขาจะได้ปฏิบัติเป็นแนวทาง ตัวของเด็กจะได้มีระเบียบวินัยมากขึ้น ส่งมันจะส่งผลดีทั้งทางตัวของเด็กเอง และของผู้ปกครองด้วย แต่ทุกอย่างนั้นต้องใช้เวลา และต้องได้รับความร่วมมือจากลูกด้วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องใช้สติ ใช้เหตุผล ไม่ควรใช้อารมณ์ เพราะอาจจะทำให้แย่กว่าเดิมได้
เครดิตรูปภาพ blog.nemours.org www.smartparents.sg gingrassleepmedicine.com parenting.firstcry.com