ลูกดื่มน้ำน้อย จะเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง เรื่องที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม

บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกดื่มน้ำน้อย จะเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง เรื่องที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม” การดื่มน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับมาก ซึ่งถ้าหากดื่มน้ำน้อยไป ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอกก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เมื่อลูกถึงวัยที่เริ่มดื่มน้ำได้แล้ว บางบ้านอาจมีปัญหาว่าทำไมลูกถึงดื่มน้ำได้น้อย จะทำอย่างไรให้ดื่มน้ำได้มากขึ้น ก็หาวิธีสารพัดมาหลอกล่อให้เขาได้ดื่ม ดังนั้นถ้าลูกน้อยดื่มน้ำน้อยเกินไปจะส่งผลเสียอะไรบ้างนั้น และจะต้องรับมือกับปัญหานี้อย่างไรดี บทความนี้มีมาฝากกัน

ผลเสียจากการที่ลูก ดื่มน้ำน้อย

ผลเสียจากการกินน้ำน้อย นั้นร้ายแรงมากกว่าที่คิด น้ำมีความสำคัญกับร่างกายช่วยให้ความสดชื่น  ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ  ไม่ว่าจะเป็นการย่อย  การขับถ่าย  ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย  และถ้าลูกมีอาการดังนี้ท้องผูกบ่อยๆ  ปากแห้งจนบางครั้งแห้งเป็นขุยลูกจะชอบเลียริมฝีปากบ่อย ๆ  มีอาการร้อนในจนเกิดแผลในปาก ลิ้นแห้งแตก ผิวหนังแห้งไม่สดใส นั่นเป็นสัญญาณของการได้รับน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย   เด็กบางคนที่ไม่ชอบกินน้ำเอามาก ๆ จนเกิด ภาวะขาดน้ำเป็นภาวะพบได้บ่อย โดยมากมักเกิดจากการกท้องเสีย  ท้องเดินรุนแรง หรือที่เรียกว่าท้องร่วง เป็นภาวะพบได้ทุกเพศ และทุกวัย โดยเมื่อมีท้องเสีย โอกาสเกิดภาวะขาดน้ำ จะพบได้สูงในเด็กโดยเฉพาะที่อายุต่ำกว่า 5 ปี   หากเป็นในเด็กอ่อนหรือเด็กเล็ก  เมื่อร้องไห้จะมีน้ำตาน้อย และจะส่งผลเสียในด้านไหนบ้างนั้นไปดูกัน

1. ทำให้เด็กไม่มีสมาธิ 

การที่ร่างกายของเด็กขาดน้ำหรือดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อร่างกายต้องการ มีผลวิจัยจากเว็บไซต์ Psychology Today ได้ระบุว่าจะทำให้สมองของเด็กคนนั้นไม่มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน

2. เรียนรู้ช้า

เมื่อลูก ดื่มน้ำน้อย จะทำให้ความจำไม่ดี ส่งผลให้เรียนรู้ได้ช้าลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนและเรื่องรอบตัว เนื่องจากการเรียนรู้จำเป็นจะต้องอาศัยข้อมูลเก่ากับข้อมูลใหม่รวมกันเพื่อประมวลผล  

3. ความจำไม่ดี 

สมองคนเราบันทึกข้อมูลความจำทั้งระยะสั้นและระยะยาวเอาไว้ หากร่างกายขาดน้ำจะทำให้กลายเป็นคนความจำไม่ดีจดจำเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ได้ แต่กับความจำระยะยาวก็จะยังพอย้อนไปหาข้อมูลเก่าๆ ได้แต่ช้าลง

4. ไม่สดชื่น

การดื่มน้ำน้อย ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายขาดความสดชื่นไม่กระปรี้กระเปร่า และหากเด็กขาดน้ำเป็นประจำจะนำไปสู่อารมณ์ซึมเศร้าได้อีกด้วย

5. คิดอะไรไม่ออก

เพราะสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงถึง 85% ถ้าสมองขาดน้ำจะทำให้คิดอะไรไม่ออก กินน้ำน้อย จะทำให้สมองตื้อขาดพลังงาน การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ถึงจะทำให้สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมองได้เร็วขึ้น

ข้อควรระวัง  เรื่องน้ำสำหรับลูกน้อย

1. คุณแม่ไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำฝน

เพราะร่างกายของเด็กยังไม่แข็งแรงผู้ใหญ่ น้ำฝนอาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่  จึงไม่ควรให้ลูกน้อยกินน้ำฝน  หากต้องการใช้น้ำฝนจริง ๆ ควรผ่านการต้มก่อนที่จะนำมาให้ลูกดื่มจะดีที่สุด

2. เด็กไม่ควรดื่มน้ำแร่

คุณแม่อาจเห็นโฆษณาน้ำแร่รวมถึงการโฆษณาถึงสรรพคุณต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับร่างกาย  แต่นั่นไม่ได้หมายถึงจะเหมาะกับลูกน้อย เพราะในน้ำแร่มีเกลือแร่และแร่ธาตุหลายอย่าง  สำหรับเด็ก ๆ แล้ว ไตของเจ้าหนูยังทำงานได้ไม่เต็มที่  การขับแร่ธาตุออกจากร่างกายก็ทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าผู้ใหญ่  เด็กจะสามารถกินน้ำแร่ได้ควรมีอายุ 5-6 ปีไปแล้ว

วิธีทำให้ลูกดื่มน้ำมากขึ้น

1. ให้ดื่มน้ำทีละนิดๆ ก่อน

หากลูกน้อยของคุณแม่เป็นคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำ และถ้าไม่บังคับทีไรก็จะไม่ยอมดื่มอย่างเด็ดขาด ลองใช้วิธีนำน้ำมาตั้งไว้และให้ลูกดื่มทีละนิดก่อนไม่ต้องบังคับให้ดื่มให้หมดแก้วในทีเดียว โดยเมื่อลูกได้จิบน้ำบ่อยๆ ก็จะเคยชินดื่มน้ำได้มากขึ้น และเมื่อเผลอแปบๆ ก็จะวิ่งมาดื่มน้ำตามความเคยชินนั่นเอง

2. ให้ดื่มน้ำตามหลังดื่มนม

หลังดื่มนมเสร็จควรฝึกให้ลูกดื่มน้ำให้เป็นนิสัย จะทำให้ลูกเคยชินกับการดื่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้การดื่มน้ำหลังดื่มนมยังเป็นการล้างปากจากนมได้ดีอีกด้วย แต่สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนและดื่มนมแม่ ไม่จำเป็นต้องให้ดื่มน้ำ 

3. ทำอาหารที่ใส่น้ำซุปเยอะๆ

การให้ลูกทานซุปเยอะๆ ยิ่งเป็นซุปน้ำใสแล้ว เป็นการปูทางให้ลูกดื่มน้ำได้เป็นอย่างดีเลย เพราะอย่างน้อยการทานน้ำซุปก็ช่วยให้ลูกได้ดื่มน้ำเข้าสู่ร่างกายอีกทางด้วยเช่นกัน

4. ใช้แก้วน้ำลายการ์ตูนน่ารักๆ เป็นสิ่งหลอกล่อ

เด็กแต่ละคนจะมีการ์ตูนสุดโปรดอยู่ในดวงใจ จะถูกใจมากหากได้เห็นการ์ตูนที่ตัวเองชื่นชอบ หากคุณแม่รู้ว่าลูกชื่นชอบการ์ตูนอะไรก็ลองหาซื้อแก้วน้ำลายการ์ตูนนั้นดู จะช่วยดึงดูดทำให้ลูกอยากหยิบแก้วน้ำและดื่มน้ำมากยิ่งขึ้น การใช้ลายการ์ตูนเป็นสิ่งหลอกล่อเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีทีเดียว

5. แช่น้ำให้เย็นแล้วค่อยให้ลูกดื่ม

คุณแม่ลองสังเกตดูหากการที่ลูก ดื่มน้ำน้อย อาจจะเกิดจากลูกไม่ชอบดื่มน้ำอุ่นก็เป็นได้ ลองแช่น้ำเย็นแล้วให้ลูกดื่มดู ลูกอาจจะอยากดื่มน้ำเย็นที่ช่วยทำให้ชื่นใจมากกว่า เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน การที่ดื่มน้ำเย็นจะช่วยทำให้ชื่นใจ และทำให้ดื่มง่ายขึ้น 

6. ทำน้ำแข็งคลายร้อน

ส่วนใหญ่เด็ก ๆ มักชอบดื่มน้ำเย็นที่ช่วยให้เขารู้สึกชื่นใจ มาชวนกันทำน้ำแข็งด้วยแม่พิมพ์น้ำแข็งรูปทรงต่าง ๆ เช่น ดาว เพชร เมฆ หรือรูปสัตว์น้ำน่ารัก ที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ เมื่อใส่น้ำแข็งลงในน้ำเปล่า อาจบอกเขาให้รีบดื่มน้ำให้หมดเพื่อช่วยชีวิตเหล่าสัตว์น้ำ หรือให้เขาคอยสังเกตว่าน้ำแข็งรูปทรงใดจะละลายช้าที่สุด 

7. ผลไม้สไลด์ช่วยได้ 

ลองสร้างรสชาติใหม่ ๆ ให้น้ำเปล่าที่แสนธรรมดามีมิติมากขึ้น โดยการอินฟิวส์ผลไม้ใส่น้ำเปล่า เพียงฝานผลไม้ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบบาง ๆ เช่น แอปเปิลเขียว ทับทิม เบอร์รี่ ฯลฯ รวมถึงสามารถเพิ่มผลไม้เล็ก ๆ เช่น เบอร์รี่ เลมอน แช่เข้าไปในเหยือกน้ำได้ เพราะนอกจากเด็ก ๆ จะรู้สึกสนุกที่ได้เคี้ยวผลไม้พร้อมกลิ่น และรสชาติแปลกใหม่ระหว่างการดื่มน้ำ เพื่อเติมความสดชื่นแล้ว ยังเป็นการเพิ่มใยอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้ลองกินผลไม้ที่ไม่เคยลองอีกด้วย

8. ใช้หลอดสีสวยๆ ดึงดูดใจลูก

นอกจากการใช้แก้วลายการ์ตูนน่ารักๆ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ลูกดื่มน้ำมากขึ้นแล้ว การใช้หลอดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดึงดูดให้ลูกดื่มน้ำบ่อยขึ้นได้เหมือนกัน เลือกหลอดที่มีสีสันสวยงาม หรือรูปร่างแปลกตา ก็อาจจะช่วยให้เขาอยากดื่มน้ำเพิ่มขึ้นก็ได้

9. กระตุ้นด้วยเกม 

มาเปลี่ยนการดื่มน้ำที่แสนน่าเบื่อสำหรับเด็ก ๆ ให้สนุกขึ้นด้วยการใช้เกมมาท้าทายเขา เหมือนเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาอยากแข่งขัน อยากเอาชนะ และต้องทำให้สำเร็จ หรือดื่มน้ำเพื่อเป็นการสะสมแต้มและนำมาแลกของรางวัล วิธีนี้ก็น่าจะช่วยให้เขาอยากดื่มน้ำเพิ่มขึ้นก็ได้

10. ดื่มน้ำเป็นตัวอย่าง 

การที่คุณพ่อคุณแม่ หรือคนในบ้านหมั่นดื่มน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำเป็นกิจวัตร  เมื่อเด็กเห็นการกระทำเหล่านี้เขาจะค่อย ๆ ซึมซับ และเรียนรู้ว่าการดื่มน้ำเปล่าเป็นเรื่องสิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ช่วยให้เขาอยากทำตามด้วยตัวเองเองโดยไม่ต้องคอยบอกหรือออกคำสั่ง

บทส่งท้าย

การดื่มน้ำถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับมนุษย์เรา ฉะนั้นการที่ลูกดื่มน้ำน้อยจะส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหาวิธีที่จะทำให้ลูกน้อยดื่มน้ำมากขึ้นตามที่ร่างกายต้องการ หรือจะนำวิธีที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้ก็ได้นะ

เครดิตรูปภาพ www.newfolks.com www.freepik.com www.mummycooks.com