ลูกชอบโยนของ ปัญหาที่ต้องรีบแก้ให้ทันท้วงที

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง ลูกชอบโยนของ ปัญหาที่ต้องรีบแก้ให้ทันท้วงที ชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่แทบทุกบ้านต้องเคยประสบพบเจอปรากฏการณ์ “ลูกชอบขว้างปาสิ่งของ” ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นในช่วงวัยประมาณขวบปีแรก ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรได้ก็ตามมักขว้างหรือปาทุกครั้ง จนบางทีคุณพ่อคุณแม่ก็เกิดความกังวลว่านี่เป็นพฤติกรรมตามพัฒนาการของลูก หรือเป็นสิ่งที่จะสร้างนิสัยที่เป็นปัญหาให้ลูกน้อยกันแน่ ไปหาคำตอบกัน

เบบี้ชอบขว้างของเป็น “นิสัย” หรือ “พัฒนาการตามวัย” กันนะ

เบบี้ชอบขว้างของเป็น “นิสัย” หรือ “พัฒนาการตามวัย” กันนะ

สำหรับลูกวัยเบบี้ช่วง 1 ขวบปีแรกที่มักชอบหยิบจับสิ่งของต่างๆ รอบตัวแล้วขว้างปาออกไป ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจเลยกับพฤติกรรมนี้ เพราะนี่ถือเป็น “พัฒนาการตามวัย” ของเขา เนื่องจากช่วงขวบปีแรกนี้กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกน้อยจะมีการพัฒนามากขึ้น ดังนั้น การหยิบจับและขว้างปาของจึงเป็นเสมือนการฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อมือเพื่อทดสอบว่าเมื่อทำแบบนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ต้องการรู้ว่าตัวเองจะใช้มือได้ดีจริง ๆ ไหม ลูกน้อยจึงมักใช้เวลาและสมาธิกับการเคาะ ขว้างปาสิ่งของ เพื่อทำให้เกิดเสียงดัง ยิ่งถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเบิกบานและสนุกสนานให้เขาแล้วละก็ลูกจะยิ่งทำซ้ำ 

สาเหตุที่ลูกน้อยชอบโยนของนั้นเกิดจาก

สาเหตุที่ลูกน้อยชอบโยนของนั้นเกิดจาก

1.เป็นการสำรวจโลกใบเล็กของลูก

โดยลูกน้อยวัยหัดเดินกำลังเรียนรู้และสนุกกับการทดลองและสังเกตผลลัพธ์ จึงทดสอบว่าเมื่อทำแบบนั้นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เช่น ขยำถุงแล้วมีเสียงดังก๊อบแก๊บ เคาะหรือขว้างของแล้วเกิดเสียงดัง โยนบอลแล้วกระเด้งไปมา ซึ่งหากทำแล้วรู้สึกสนุก ลูกมักจะทำซ้ำแล้วซ้ำอีก

2.เพื่อดึงดูดความสนใจ

การที่ลูกชอบโยนของอาจเป็นวิธีหนึ่งที่ลูกใช้เพื่อดึงดูดความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ โดยเมื่อเริ่มโตขึ้นลูกจะมีอารมณ์ที่ซับซ้อนขึ้น อาจมีการโยนหรือขว้างปาสิ่งของเพื่อเรียกร้องความสนใจ

3.เป็นการแสดงออกทางอารมณ์

บางครั้งพฤติกรรมโยนของอาจเป็นการแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย หรือความต้องการบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ลูกอาจทำเมื่อรู้สึกโกรธ หงุดหงิด ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ตอบสนองต่อการขว้างปา โยนสิ่งของของลูกอย่างไม่เหมาะสม พฤติกรรม ลูกชอบโยนของ จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ 

4.ทดสอบอารมณ์ของพ่อแม่

นอกจากการโยนและขว้างปาสิ่งของของลูก เป็นเพราะอยากทดสอบการมีอยู่จริงของสิ่งของนั้นๆ ว่าโยนไปแล้ว ของตกแล้ว จะเด้งกลับมาไหม ยังมีความเป็นไปได้ว่า เป็นการทดสอบปฏิกิริยาและอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะยิ้ม หัวเราะ หรือสนุกไปกับตัวลูกน้อยด้วยหรือเปล่า

ลูกชอบโยนของ รับมืออย่างไรดี

ลูกชอบโยนของ รับมืออย่างไรดี

1.ป้องกันอันตรายก่อน อันดับแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำคืออย่าวางสิ่งของที่มีเหลี่ยมมุม หรือแตกหักได้ง่ายไว้ใกล้มือจนลูกหยิบฉวยได้ง่าย ๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ แล้วต้องเสริมด้วยการอธิบายเพิ่มเติมว่าของอะไรบ้างที่เขาหยิบจับขว้างปาได้ เช่น “ลูกบอลยางเด้งดึ๋งหนูปาได้นะ ตุ๊กตานุ่มนิ่มหนูปาได้นะลูก แต่บางทีน้องตุ๊กตาอาจจะเจ็บได้นะ แต่หนูจะปาอาหาร ขนม หรือช้อนไม่ได้นะ” เป็นต้น

2.เหตุผลต้องชัดเจน กรณีที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามลูกขว้างปาสิ่งของจะต้องพูดคุยและให้เหตุผลกับลูกด้วยนะว่าเพราะอะไร เช่น การขว้างปาสิ่งของจะทำให้บ้านเลอะเทอะ พอบ้านเลอะคุณพ่อคุณแม่จะต้องทำความสะอาด และบางครั้งของที่ปาออกไปอาจจะเสียหายได้ เป็นต้น นอกจากนี้ควรมีการกำหนดกติกาไว้ด้วยว่าหากทำบ้านเลอะเทอะเด็ก ๆ จะต้องช่วยทำความสะอาด หรือหากทำสิ่งของเสียหายจะต้องงดเล่นเป็นระยะเวลาหนึ่ง และต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่ซ่อมของเล่น เป็นต้น หากทำเช่นนี้เป็นประจำก็จะช่วยให้ลูกเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการที่เขาทำผิดได้

3.คุณพ่อคุณแม่ต้องมีสติ หากเหตุผลการขว้างปาสิ่งของของลูกเป็นไปเพราะอารมณ์โกรธหรือถูกขัดใจ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีคือ “สติ” และใจเย็น ควรใช้คำพูดและท่าทีที่สงบกับลูก พูดด้วยเหตุผลว่าเขาจะขว้างปาสิ่งของด้วยอารมณ์โกรธไม่ได้ 

ลูกชอบโยนของ รับมืออย่างไรดี 2

4.พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่าง โดยธรรมชาติแล้วลูกน้อยนั้นมักจะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ 

คุณพ่อคุณแม่จึงควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกทางอารมณ์และการแก้ปัญหา ไม่ขว้างปาสิ่งของเมื่อมีอารมณ์โกรธ หรือหงุดหงิด และหากลูกขว้างปาสิ่งของขณะที่กำลังโกรธ หรือถูกขัดใจ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น พูดกับลูกด้วยถ้อยคำและท่าทีที่สงบว่าลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้ 

5.เอ่ยปากห้าม แววตาและท่าทางต้องห้ามด้วย เมื่อไรก็ตามที่เอ่ยปากห้ามลูก สิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นคือแววตา ท่าทาง และน้ำเสียงของคุณพ่อคุณแม่จะต้องห้ามจริง ๆ และจริงจังด้วยนะ เพราะหากปากห้ามแต่แววตาคุณพ่อคุณแม่ยังมีความสนุก มีรอยยิ้ม ลูกก็จะสับสนกับคำห้ามนั้นได้ และส่วนมากเด็กมักเลือกตอบสนองต่อท่าทีที่มองเห็นมากกว่าคำพูดนะ ฉะนั้น ทั้งคำพูดและการกระทำของคุณพ่อคุณแม่ต้องสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

6.ดึงความสนใจไปสู่กิจกรรมอื่น ลองปรับพฤติกรรมของลูกที่ชอบขว้างปาสิ่งของไปสู่การชวนเขาทำกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมือน้อย ๆ เช่น ฝึกระบายสี ปั้นแป้ง พับกระดาษ เชื่อเถอะว่าลูกรักจะสนุกกับกิจกรรมเหล่านี้มากกว่าการขว้างปาสิ่งของแน่นอน

7.ให้กำลังใจเมื่อทำดี เมื่อลูกน้อยทำตามที่คุณพ่อคุณแม่บอกให้ทำได้ เช่น วางของอย่างดีไม่โยน หยิบอาหารเข้าปาก หรือวางช้อนในจานได้ ควรให้คำชื่นชม เพื่อเป็นกำลังใจให้ลูกน้อยทำดีต่อไป

บทส่งท้าย

การจัดการกับลูกที่ชอบโยนของเวลาโกรธ และปาข้าวของเป็นสิ่งสำคัญเพื่อพัฒนาทักษะการจัดการอารมณ์ และพฤติกรรมที่เหมาะสม ความเข้าใจ และการสนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้ คุณสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สอนทักษะการจัดการอารมณ์ สนับสนุนการสนทนาเกี่ยวกับความรู้สึกของลูก ตั้งตนเป็นตัวอย่างที่ดี ใช้การตรวจสอบ และควบคุมเพื่อสร้างการเรียนรู้ และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น

เครดิตรูปภาพ

www.thebump.com www.istockphoto.com www.babycenter.com www.shutterstock.com

บทความ แม่และเด็ก

อาหารเด็ก/นม/ของเล่นเด็ก/คู่มือคุณแม่

บทความล่าสุด
Tag
ขวดนม Pigeon (1) ของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก (32) คอกกั้นเด็ก (1) คาร์ซีท (1) คู่มือสำหรับคุณแม่ (198) จุกนม (1) ชุดคลุมท้อง (1) ชุดว่ายน้ำเด็ก (1) ตู้แช่นม (1) ทิชชู่เปียก (1) ที่ดูดน้ำมูก (1) นมกล่อง UHT (1) นมผง (1) น้ำยาซักผ้าเด็ก (1) น้ำยาล้างขวดนม (1) น้ำเกลือล้างจมูก (2) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก (20) ฝากครรภ์ (1) รถเข็นเด็ก (1) รถไฟฟ้าเด็ก (1) รวมเรื่อง นม สำหรับเด็ก (1) สารพันปัญหา แม่และเด็ก (38) สารพันปัญหาแม่และเด็ก (191) อาหารสำหรับเด็ก (24) อาหารเสริมสำหรับเด็ก (3) อุปกรณ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก (10) อุปกรณ์เสริมสำหรับเด็ก (76) เครื่องนึ่งขวดนม (1) เครื่องปั๊มนม (1) เครื่องอุ่นนม (1) เคล็ดลับเลี้ยงลูก (2) เปล (1) เปลไกวไฟฟ้า (1) เสื้อผ้าเด็ก (5) แพมเพิส (1) โลชั่นเด็ก (1)