สำหรับคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกไปพร้อมๆกับการทำงาน จะทราบเป็นอย่างดีว่าต้องใช้พลังงานอย่างมากในแต่ละวัน ซึ่งสติและสมาธิสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก ในขณะที่ทักษะทางด้านการเลี้ยงลูก แตกต่างจากทักษะทางด้านการทำงาน คุณแม่จึงต้องควบคุมอารมณ์และสติตัวเองให้ได้ในแต่ละวัน ต้องมีกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะกับปัญหาในเรื่องต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฝึกนั่งสมาธิหรือทำสมาธิจึงเป็นทางออกที่ดี ช่วยให้คุณสามารถมีความคิดที่มีคุณภาพมีพลังในการเลี้ยงลูกได้มากขึ้น และที่สำคัญการมีสมาธินั้นจะช่วยให้คุณหาทางออกได้อย่างมีสติ รวมถึงมีทัศนคติในด้านบวกและช่วยให้จิตใจสงบ ส่งผลให้ลูกน้อยนั้นได้รับพลังบวกจากคุณแม่ได้อีกด้วย จากสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยโรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้าดังนั้นการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ การฝึกสมาธิจะช่วยให้คุณนั้นฉลาดและมีความสุขมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์โดยตรงต่อการเลี้ยงลูก วันนี้เราจึงรวบรวมประโยชน์ของการฝึกสมาธิมาฝากกัน จะมีประโยชน์ใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
1. การฝึกสมาธิช่วยให้ฉลาดมากขึ้น
ในปัจจุบันด้วยสถานการณ์โรคระบาดและภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง จึงทำให้คุณแม่อาจมีเรื่องต้องคิดมากมาย ต้องจัดการกับปัญหาในหลากหลายด้าน การฝึกนั่งสมาธิจะช่วยให้คุณแม่มีจิใจที่สงบ มีความคิดที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีสมาธินั้นสามารถช่วยเพิ่มเซลล์ประสาทในสมองของเราได้เป็นอย่างดี จึงช่วยให้เราฉลาดยิ่งขึ้นสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
2. การมีสมาธิสามารถช่วยลดความเครียดได้
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าความเครียดนั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำลายสุขภาพมีผลกระทบทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจทำให้เรากลายเป็นโรควิตกกังวล เกิดโรคแทรกซ้อนมากมายเช่น ความดันโลหิตสูง ซึ่งการฝึกสมาธินั้นจะช่วยให้เราผ่อนคลาย ลดการกระตุ้นให้เกิดโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจปกติรวมถึงคลื่นสมองมีการพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น
3. มีความสุขมากขึ้น
มีการศึกษาและวิจัยมาแล้วว่าการมีสมาธินั้นจะสามารถช่วยสร้างความสุขได้มากยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน สามารถทดสอบได้ด้วยเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แสดงให้เห็นถึงผลการตรวจของสมองแบบสู้หรือหนีต่อความเครียดที่ลดลง จากการทดสอบพบว่าหลังจากทำสมาธิเป็นเวลา 2 เดือน ผลลัพธ์แสดงให้เห็นถึงเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้ามีหน้าที่ควบคุมต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมทั้งทางสังคมและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเครียด และมีจิตใจที่เป็นสุขมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนที่ต้องใช้พลังงานมากมายในแต่ละวัน จึงแนะนำให้นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาทีจะช่วยให้จิตใจสงบและเลี้ยงลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. ช่วยให้นอนหลับสนิทและยาวนานมากยิ่งขึ้น
จากการศึกษาพบว่าร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ที่ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับมักมีสาเหตุมาจากความเครียดและจิตใจกังวลไม่สงบ มีความคิดที่ฟุ้งซ่านไม่ปลอดโปร่งอีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการฝึกสมาธิจะช่วยให้จิตใจสงบไม่วุ่นวาย จึงสามารถช่วยลดปัญหาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดีเมื่อเรามีสมาธิจะช่วยให้เรานอนหลับได้สนิทและยาวนานมากยิ่งขึ้น
5. ยืดอายุสมอง
มีวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างการทำสมาธิและอายุการทำงานของสมองซึ่งพบว่าการทำสมาธิและสามารถยกระดับความยืดหยุ่นของสมองได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันสติปัญญาเสื่อมถดถอย และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งทางด้านของอารมณ์และร่างกาย
จะเห็นได้ว่าการมีสมาธินั้นมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก นอกจากจะส่งผลดีสำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิแล้วยังช่วยส่งพลังบวกให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง การมีสมาธินั้น จะช่วยให้จิตใจสงบ แก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที สามารถจัดการกับอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อยนั่นเอง ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ