บทความนี้ขอแนะนำ “วิตามิน อาหารเสริม จำเป็นแค่ไหนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์” หลังจากที่คุณหมอได้ตรวจสุขภาพครรภ์ในเบื้องต้นแล้ว คุณแม่จะได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยคุณแม่บางท่านอาจจะได้รับยาบำรุงครรภ์ อาหารเสริมบำรุงครรภ์ หรือ วิตามินบำรุงครรภ์ จนทำให้มีคุณแม่หลายท่านสงสัยว่า ยาบำรุงครรภ์ จำเป็นต้องรับประทานไหม ยาบำรุงครรภ์นั้นมีสรรพคุณอย่างไร และสำคัญอย่างไร
ยาบำรุงครรภ์ คืออะไร
ยาบำรุงครรภ์ หรือ วิตามินบำรุงครรภ์ ส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินหรือแร่ธาตุต่าง ๆ ที่คุณแม่ควรได้รับเพิ่มเติมในระหว่างตั้งครรภ์ โดยยาบำรุงครรภ์ส่วนใหญ่มีวิตามินและแร่ธาตุ
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรจะรับประทานวิตามินบำรุงหรือไม่
คุณแม่ควรรับประทานวิตามิน แต่ควรเป็นไปตามแผนการรักษาของสูติแพทย์เท่านั้น ระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์จะจ่ายยาบำรุงครรภ์ตามความเหมาะสมของช่วงอายุครรภ์นั้น ๆ ให้กับแม่ตั้งครรภ์ทุกคน เพราะนั้น หากนอกเหนือจากที่แพทย์กำหนด ไม่ควรรับประทาน เพราะวิตามินเสริม ต่าง ๆ มีในอาหาร 5 หมู่ ที่คุณแม่ตั้งครรภ์รับประทานในแต่ละมื้ออยู่แล้ว
เมื่อไหร่เราควรเริ่มทานวิตามินบำรุงครรภ์
จริง ๆ แล้วหญิงทุกคนที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ควรทานวิตามินบำรุงเสริมทุกคน ยิ่งทานเร็วเท่าไหร่ยิ่งเกิดประโยชน์มากเท่านั้น เนื่องจากวิตามินที่ได้เสริมเข้าไป จะช่วยลดปัญหาของการขาดวิตามิน ช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งภาวะแท้ง หรือทารกมีความผิดปกติ โดยควรทานในรูปแบบวิตามินรวมซึ่งจะมีความครบถ้วนของวิตามินที่จำเป็นมากกว่า วิตามินตัวเดี่ยว ๆ โดยอาจเลือกเป็นวิตามินบำรุงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ (Prenatal Vitamins) เนื่องจากจะมีวิตามินที่จำเป็นในปริมาณที่ครบถ้วนและเหมาะสมมากกว่าวิตามินเสริมโดยทั่วไป
แม่ท้องต้องบำรุงด้วยอาหารเสริมหรือไม่
สำหรับคุณแม่ท้องจะต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นพิเศษ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่กินเข้าไป ล้วนส่งผ่านและมีผลกระทบต่อลูกในท้องได้ ถ้าคุณแม่คิดจะลดอาหารเพราะกลัวน้ำหนักเกิน แล้วกินวิตามินเสริมอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากคิดว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และต้องการกินอาหารเสริมเพิ่มเติม ควรตรวจสุขภาพหรือปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อประเมินว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะถ้าร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอแล้ว ร่างกายจะขับออกมาเป็นของเสีย ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น แถมยังสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
แต่ความจริงแล้วไม่มีความจำเป็นใด ๆ สำหรับแม่และลูกในท้องเลยเพียงแค่คุณแม่ดูแลสุขภาพและอาหารการกินของตัวเองให้ดี ด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เช่น กินโปรตีนจากไข่ นม และวิตามินของคนท้องตามที่คุณหมอแนะนำ เช่น โฟลิก วิตามินรวม วิตามิน อี ซี (สำหรับคุณแม่ที่ไม่ชอบกินผักและผลไม้) ดื่มนมให้ได้วันละ 1 ลิตร เพื่อป้องกันตะคริว และเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 4-5 ควรเสริมธาตุเหล็ก เพื่อให้ลูกเอาไปสร้างเม็ดเลือด และเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการเสียเลือดตอนคลอดก็พอ
วิตามินและแร่ธาตุที่ควรได้รับเพิ่มเติมระหว่างตั้งครรภ์
1.กรดโฟลิก หรือ โฟเลต
กรดโฟลิก มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์ รวมทั้งการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์โดยเฉพาะพัฒนาการสร้างระบบประสาทและสมอง คุณแม่ที่วางแผนตั้งครรภ์สามารถเริ่มรับประทานทานกรดโฟลิกได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ และหาก คุณแม่ท่านไหนวางแผนจะตั้งครรภ์สามารถรับประทานโฟเลตทุกวันได้เลย และหลังจากตั้งครรภ์แล้วควรรับประทานโฟเลตต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์ หรือตามที่คุณหมอแนะนำ
2.แคลเซียม
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นจากคนปกติ ในผู้ใหญ่โดยปกติแล้วต้องการแคลเซียมประมาณ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้น องค์การอนามัยโลกแนะนำให้รับประทานแคลเซียม 1,500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อใช้ในการเสริมสร้างการเติบโตของทารกในครรภ์ แคลเซียมจะช่วยในการสร้างเซลล์กระดูก ฟัน กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ประสาท และเกล็ดเลือด อาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง ได้แก่ นม โยเกิร์ต กุ้งแห้ง งา ปลากรอบตัวเล็ก ผักใบเขียวเข้มทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เต้าหู้ ปลาซาร์ดีน คะน้า บร็อคโคลี่ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น และเสริมด้วยแคลเซียมเม็ด
3.ธาตุเหล็ก
คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการธาตุเหล็กในปริมาณสูงเพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดให้กับคุณแม่และทารกในครรภ์ ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งของแม่และของลูกน้อย ดังนั้นถ้าได้รับธาตุเหล็กเพียงพอ จะช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ได้ โดยส่วนใหญ่ในยาบำรุงครรภ์ที่คุณหมอให้มาจะมีธาตุเหล็กอยู่ด้วย ซึ่งคุณแม่ควรรับประทานทุกวัน สำหรับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ งา ลูกพรุน เนื้อแดง ผักโขม ไข่แดง เม็ดถั่วลันเตา ถั่วแดง สาหร่ายทะเล และอื่น ๆ เป็นต้น
4.วิตามินรวม
วิตามินรวมอาจไม่จำเป็นในคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกราย แพทย์จะพิจารณาเฉพาะบุคคล บางคนอาจไม่ได้รับ บางคนอาจได้รับในอายุครรภ์ที่แตกต่างกันออกไป หากรับประทานอาหารครบ5 หมู่ และหลากหลาย การรับประทานวิตามินรวมเสริมก็อาจจะไม่จำเป็น
บทส่งท้าย
หากคุณแม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากพอและครบ 5 หมู่ อาจจะไม่ต้องทานวิตามินเสริม หรืออาหารเสริมเลยก็ได้ เพราะถ้าบางทีทานอาหารเสริมมากเกินไป อาจจะส่งผลเสียต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ มากกว่าผลดีก็เป็นได้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส แค่นี้ก็จะสุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมเลยก็ได้
เครดิตรูปภาพ www.madeformums.com www.hindustantimes.com longevity.technology