ฝากครรภ์  ต้องเริ่มเมื่ออายุครรภ์กี่สัปดาห์ ตอบข้อสงสัยคุณแม่มือใหม่

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง ฝากครรภ์  ต้องเริ่มเมื่ออายุครรภ์กี่สัปดาห์ ตอบข้อสงสัยคุณแม่มือใหม่ เมื่อรู้ว่า “ตั้งครรภ์” คุณแม่อาจรู้สึกตื่นเต้นกับโมเมนต์ความเป็นแม่ ซึ่งคุณแม่หลายคนอาจเป็นคุณแม่มือใหม่ หรือยังไม่มีประสบการณ์ในการฝากครรภ์ครั้งแรก เลยทำให้คุณแม่อาจตั้งคำถามต่าง ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะการฝากครรภ์ ว่าควรเริ่มฝากครรภ์เมื่ออายุครรภ์กี่สัปดาห์ถึงจะดีต่อลูกในครรภ์ บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน

ฝากครรภ์สำคัญอย่างไร

ฝากครรภ์สำคัญอย่างไร

การฝากครรภ์เป็นการดูแลสุขภาพครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงก่อนคลอด โดยว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่เริ่มตั้งครรภ์ควรพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ และเข้ารับการตรวจครรภ์ตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ การฝากครรภ์ถือว่าสำคัญมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ไม่จำกัดแค่ว่าท้องแรก แต่ไม่ว่าจะเป็นท้องที่ 2 หรือ 3 ก็ควรต้องฝากครรภ์ทั้งสิ้น

 เพราะแพทย์จะช่วยดูแลให้สุขภาพของผู้ตั้งครรภ์และทารกแข็งแรงปลอดภัย พร้อมทั้งให้

คำแนะนำการดูแลสุขภาพครรภ์อย่างถูกต้อง การปฏิบัติตัวต่างๆ ในช่วงตั้งครรภ์ ทั้งนี้การฝากครรภ์จะช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติในระหว่างตั้งครรภ์ และสามารถรักษาได้ทันเวลา 

เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคลมชัก ครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น

ควรเริ่มฝากครรภ์เมื่อไหร่ดี

ควรเริ่มฝากครรภ์เมื่อไหร่ดี

คุณแม่ควรฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มทราบว่าตั้งครรภ์ หรือไม่ควรเกินอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ 

(อายุครรภ์ เริ่มนับจากวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้าย) แต่จะดีที่สุด ถ้าทั้งคุณแม่และคุณพ่อมาพบสูติแพทย์ก่อนวางแผนการมีบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์ หากพบปัญหาสุขภาพจะได้รีบรักษา หรือวางแนวทางป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะ

ตั้งครรภ์

ประโยชน์ของการฝากครรภ์

ประโยชน์ของการฝากครรภ์

1.เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณแม่  โดยหวังจะทำให้คุณแม่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด เพราะหมอจะให้คำแนะนำและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การปฏิบัติตน และอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นปัญหา ซึ่งคุณแม่สามารถสอบถามหรือให้คุณหมอตรวจได้ว่ามีความผิดปกติหรือไม่อย่างไร

2.เพื่อตรวจสอบดูว่าการตั้งครรภ์ดำเนินไปอย่างปกติหรือไม่  เพราะหมอจะช่วยวินิจฉัยโรคบางอย่างที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยได้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ โรคโลหิตจาง ซิฟิลิส ติดเชื้อเอดส์ ฯลฯ รวมทั้งตรวจดูว่าท่านอนของลูกน้อยในครรภ์ดูผิดปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติจะได้ป้องกันแก้ไข หรือถ้าพบว่าโลหิตจางก็ต้องหาสาเหตุและใช้ยาบำรุงเลือดให้เข้มข้นมากขึ้น เพื่อช่วยเตรียมการช่วยเหลือได้ทันท่วงที

3.ช่วยป้องกันหรือลดอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์  เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นปกติและคลอดลูกได้ตามปกติมากที่สุด ถ้ามีโรคแทรกซ้อนหมอก็จะช่วยให้เกิดอันตรายน้อยที่สุด ติดเชื้อน้อยที่สุด หรือเสียเลือดน้อยที่สุด เป็นต้น

4.ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับทารกในครรภ์  เพราะการฝากครรภ์นั้นสามารถช่วยลดอัตราการแท้งบุตร การคลอดลูกก่อนกำหนด ลูกเสียชีวิตในท้อง หรือคลอดลูกแล้วเสียชีวิตได้มาก และยังช่วยป้องกันการอักเสบติดเชื้อในตัวลูกน้อยได้อีกด้วย

5.ช่วยดูแลทารกในครรภ์  ทำให้ลูกน้อยในครรภ์เติบโตสมบูรณ์ แข็งแรง และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม

สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก

สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก

1.บัตรประชาชนของคุณแม่ และคุณพ่อ

2.ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา การคลอดลูก โรคประจำตัว การแท้งบุตร ประวัติความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม

3.ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

ฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอตรวจอะไรบ้าง 

เมื่อเราไปฝากครรภ์ครั้งแรก จะมีการตรวจร่างกาย สุขภาพครรภ์ ดังนี้

1.ตรวจปัสสาวะ สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อไปฝากครรภ์ ก็คือการตรวจปัสสาวะ เพื่อดูว่ามีน้ำตาลในปัสสาวะบ้างหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่ไม่ได้เป็นเบาหวานแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ และดูว่ามีโปรตีนหรือไม่ ถ้ามีจะบ่งว่าไตทำงานไม่ปกติ ถ้าตรวจพบในช่วงหลังของครรภ์ร่วมกับมีความดันโลหิตสูง แสดงว่ามีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะมีอาการครรภ์เป็นพิษ

2.ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง จะมีการวัดส่วนสูง ซึ่งเป็นการบอกคร่าวๆ ถึงขนาดเชิงกราน ถ้าคุณแม่ตัวเล็ก ก็อาจทำให้คลอดยากได้ ถ้าไม่ได้สัดส่วนกับขนาดของลูก และคุณแม่อาจต้องชั่งน้ำหนักทุกครั้งเมื่อมาฝากครรภ์ เพื่อดูว่าน้ำหนักเพิ่มตามเกณฑ์หรือไม่

3.ตรวจเลือด เมื่อไปฝากครรภ์ คุณแม่จะต้องถูกเจาะเลือดที่บริเวณข้อพับประมาณ 10 ซีซี.เพื่อนำไปตรวจดูความเข้มข้นของเลือด ส่วนประกอบของเลือด กรุ๊ปเลือดโรคเลือดธาลัสซีเมีย และตรวจหาโรคติดเชื้อบางอย่าง เช่น ไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส หัดเยอรมัน และเอดส์

4.วัดความดันโลหิต จะมีการวัดความดันโลหิตทุกครั้งที่มาฝากครรภ์ โดยจะมีตัวเลข 2 ค่าค่าแรกเป็นความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวดัน ให้โลหิตสูบฉีดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่วนค่าหลังเป็นความดันโลหิต ขณะที่หัวใจคลายตัวค่าความดันปกติจะราว 120/70 มิลลิเมตรปรอท และหากวัดค่าได้เกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท จะถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูง

5.ตรวจทางหน้าท้อง หรือ อัลตราซาวด์ การฝากครรภ์จะมีการตรวจหน้าท้องของคุณแม่เพื่อดูท่าของทารกว่าอยู่ท่าใด ส่วนนำเป็นศีรษะหรือไม่ ประมาณขนาดและน้ำหนักของทารกในครรภ์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าท่าของทารกไม่เป็นอันตรายต่อตัวทารกเองและตัวคุณแม่เองด้วย

บทส่งท้าย

“การฝากครรภ์” ไม่เพียงแต่เป็นการติดตามสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์เท่านั้น แต่ยังช่วยเตรียมความพร้อมก่อนคลอดและเตรียมตัวเป็นคุณแม่ด้วย การวางแผนและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณและครอบครัวมีประสบการณ์การฝากครรภ์ที่ดีและคลอดอย่างมีคุณภาพ

เครดิตรูปภาพ

https://healthservicesntx.org https://www.woosterhospital.org https://www.broadcastmed.com

บทความ แม่และเด็ก

อาหารเด็ก/นม/ของเล่นเด็ก/คู่มือคุณแม่

บทความล่าสุด
Tag
ขวดนม Pigeon (1) ของเล่นเสริมพัฒนาการสำหรับเด็ก (32) คอกกั้นเด็ก (1) คาร์ซีท (1) คู่มือสำหรับคุณแม่ (203) จุกนม (1) ชุดคลุมท้อง (1) ชุดว่ายน้ำเด็ก (1) ตู้แช่นม (1) ทิชชู่เปียก (1) ที่ดูดน้ำมูก (1) นมกล่อง UHT (1) นมผง (1) น้ำยาซักผ้าเด็ก (1) น้ำยาล้างขวดนม (1) น้ำเกลือล้างจมูก (2) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก (20) ฝากครรภ์ (1) รถเข็นเด็ก (1) รถไฟฟ้าเด็ก (1) รวมเรื่อง นม สำหรับเด็ก (1) สารพันปัญหา แม่และเด็ก (39) สารพันปัญหาแม่และเด็ก (192) อาหารสำหรับเด็ก (24) อาหารเสริมสำหรับเด็ก (3) อุปกรณ์ทำความสะอาดสำหรับเด็ก (10) อุปกรณ์เสริมสำหรับเด็ก (76) เครื่องนึ่งขวดนม (1) เครื่องปั๊มนม (1) เครื่องอุ่นนม (1) เคล็ดลับเลี้ยงลูก (2) เปล (1) เปลไกวไฟฟ้า (1) เสื้อผ้าเด็ก (5) แพมเพิส (1) โลชั่นเด็ก (1)