6 เคล็ดลับ ของคุณแม่หลังคลอด เปลี่ยนหุ่นพังให้กลับมาเป๊ะปังขึ้นได้ด้วยวิธีง่ายๆ

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ปั้นหุ่นปังของคุณแม่หลังคลอด อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้ว่าการตั้งครรภ์นั้นจะทำให้คุณผู้หญิิงมีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณจะต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ที่ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย ที่ทำให้คุณน้ำหนักขึ้น มีไขมันส่วนเกิน หุ่นไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน สิ่งนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดหลายคนวิตกกังวลและเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับในการลดน้ำหนักให้หุ่นคุณแม่กลับมาฟิตกระชับเหมือนเดิม จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. ควบคุมอาหาร การจะมีหุ่นกลับมาเป๊ะเหมือนเดิมได้นั้นคุณต้องควบคุมการทานอาหาร ไม่ใช่เพื่อการลดน้ำหนัก แต่เพื่อการสร้างสุขภาพที่ดี ลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรห้ามลดอาหารอย่างเด็ดขาด ให้ทานตามปกติแต่คัดสรรค์แต่อาหารที่มีประโยชน์ มีโปรตีนสูง มีปริมาณไขมันต่ำ ลดของหวาน ลดของมัน นอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็วแล้ว การลดอาหารจำพวกนั้น ยังช่วยลดปัญหาท่อน้ำนมอุดตันได้อีกด้วย  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ปกติส่วนใหญ่คุณแม่หลังคลอดจะไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจสุขภาพร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นัก แต่คุณต้องอย่าลืมว่า คุณมีภาระที่ต้องดูแลลูกไปตลอดชีวิต ดังนั้น คุณต้องสร้างร่างกายให้แข็งแรง พร้อมรับกับทุกอุปสรรคอยู่เสมอ การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ หลายคนอ้างว่าไม่มีเวลา แต่เพียงแค่คุณสละเวลาส่วนตัวสัก 30 นาทีต่อวันเพื่อออกกำลังจะ จะช่วยให้หุ่นของคุณกลับมาเฟิร์มกระชับขึ้นได้อย่างรวดเร็วแน่นอน  3. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้น้ำหนักของคุณแม่หลังคลอดลดลงเร็วมาก เพราะกระบวนการในการผลิตน้ำนมจะดึงส่วนที่เป็นไขมันในร่างกายของเราไปใช้เพื่อสร้างน้ำนม ดังนั้นการให้นมลูกในทุกๆวันนั้น จะช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้สูงถึง 700-800 กิโลแคลอรี่ต่อวันเลยทีเดียว และยิ่งในยุคปัจจุบันนี้รณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน จะช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายของคุณแม่ลงได้มากเลยทีเดียว โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง […]

6 ผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและระบบประสาท เมื่อลูกเป็นโรคติดทีวี

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ผลกระทบเมื่อลูกติดทีวี เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนยังคงสงสัยและหาคำตอบมาช่วยลบล้างความจำเป็นให้กับพฤติกรรมการติดทีวีของลูก ซึ่งในปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเด็กๆเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนดาบสองคมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะในวัยเด็กนั้นมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึก มีวุฒิภาวะในการแยกแยะทางอารมณ์ได้ต่ำ หากลูกได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านสังคมและอารมณ์ความรู้สึกของลูกได้ วันนี้เราจะมีผลกระทบของเด็กที่ติดทีวีมาฝากกัน จะมีข้อเสียอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. ลูกจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว จากผลการสำรวจของโรคเด็กติดที่วี ส่วนมากพบว่าเด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยจากผลงานวิจัยพบว่าเด็กอายุระหว่าง 2-3 ขวบ หากสัมผัสกับสื่อหรือดูทีวีมากจนเกินไปจะส่งผลต่อพฤติกรรมของลูกให้มีความก้าวร้าว หงุดหงิดอารมณ์ และมีภาวะการต่อต้านกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้น ดังนั้นถ้าหากคุณไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมที่รุนแรงเหล่านั้นแนะนำให้ใช้สื่ออย่างระมัดระวัง หากเป็นไปได้ให้หลีกเลี่ยง หรือเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการชวนลูกทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์แผนการนั่งดูทีวี จะเป็นประโยชน์กับเด็กมากกว่า 2. มีการเคลื่อนไหวที่น้อยลง จากผลการสำรวจ แล้วพบว่าหากเด็กที่นั่งดูทีวีหรือใช้สื่อออนไลน์ติดต่อกันมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน  มีแนวโน้มที่จะทำให้เด็กนั้นเคลื่อนไหวร่างกายได้น้อยลง ร่างกายไม่มีสิ่งเร้าที่จะกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว กลายเป็นเด็กที่เฉยชา ไม่มีความกระตือรือร้น ชอบนั่งอยู่เฉยๆมากกว่าการออกไปวิ่งเล่นสนุกสนานแตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด 3. ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านภาษา อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาษานั้นเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จะสามารถช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของลูกได้อย่างก้าวกระโดด หากลูกเด็กที่อายุ 2-3 ขวบ ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอทีวีมากจนเกินไป  จะทำให้เขามีพัฒนาการทางภาษาภาษาที่ล่าช้าลง ส่งผลกระทบในด้านการสื่อสาร กระบวนการทางความคิดและสติปัญญาประมวณเหตุการณ์ได้ช้าลง แตกต่างจากเด็กทั่วไป ซึ่งนั่นจะทำให้เขาเรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อนๆอีกด้วย 4. ส่งผลกระทบในการนอน มีหลายบ้านมากที่จะใช้ช่วงเวลาก่อนเข้านอน ในการดูทีวีร่วมกัน แต่จากการสำรวจแล้วพบว่า เด็กที่ดูทีวีก่อนเข้านอน เกิน […]

6 เคล็ดลับ ลดความเสี่ยงในการแพ้อาหารของลูกน้อย

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ลดความเสี่ยงการแพ้อาหารในเด็กทารก เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยากและอันตรายมากกว่าที่คิด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสังเกตอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับลูกน้อย เพื่อตรวจสอบและหลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกได้ การแพ้อาหารเกิดขึ้นหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แพ้อาหารประเภทนมวัว แพ้แป้งสาลี แพ้ถั่ว แพ้ไข่ ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้เราสามารถเรียนรู้และป้องกันได้ หากใครที่กำลังมีความกังวลในเรื่องนี้ วันนี้เรามีเคล็ดลับในการลดความเสี่ยงของการแพ้อาหารในเด็กทารกมาฝากกัน จะมีวิธีสังเกตและปฏิบัติอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เริ่มต้นด้วยการสังเกต เป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่เราจะสามารถทราบได้ว่าลูกมีอาการแพ้อาหารหรือไม่ โดยการแพ้นั้นแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ อาการแพ้แบบเฉียบพลัน คือหากร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านั้นไปแล้ว ไม่เกิน 2 ชั่วโมงจะเกิดอาการแพ้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น มีผื่นขึ้นที่ลำตัวหรือใบหน้า ปากบวม หายใจติดขัด อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต อาการแพ้แบบเรื้อรัง คือ จะมีอาการถ่ายเหลว ลูกปวดท้องแบบเรื้อรัง หรือเด็กบางรายอาการหนักถึงขั้นถ่ายมีมูกเลือดปนได้ หรือเด็กบางคนอาจลำไส้อักเสบจนร่างกายไม่สามารถดูดซึมอาหารได้ และสุดท้ายคือ อาการแพ้แบบเฉียบพลันผสมกับเรื้อรัง เด็กจะมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง มีน้ำมูก ถ่ายเหลว เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ต้องหยุดอาหารที่สงสัยทันที 2. เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรงมากขึ้น ด้วยการให้ลูทานนมแม่ให้ได้นานที่สุด  อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนและสมบูรณ์แบบที่สุด สนับสนุนให้เด็กทานนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป […]

6 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกอย่างไรให้แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ให้เขามีความสุขในทุกวัน

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกให้แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เป็นวิถีการเลี้ยงลูกรูปแบบใหม่ที่ไม่เพียงส่งเสริมให้เด็กมีความเก่งฉลาดรอบรู้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุข ทัศนคติดี ซึ่งคือพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ สามารถแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจึงรวบรวม เคล็ดลับในการเลี้ยงลูก ให้เขามีความสุขในทุกๆวันมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เริ่มต้นที่ผู้ปกครองต้องมีความสุขในการเลี้ยงลูกก่อน อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเด็กนั้นสามารถเรียนรู้และซึมซับพฤติกรรมรวมถึงอารมณ์ความรู้สึกได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนั้น หากอยากให้ลูกเติบโตเป็นเด็กที่อารมณ์ดี มีความสุข มีทัศนคติที่ดี จะต้องเริ่มต้นที่ผู้ปกครองต้องทำตัวเองให้มีความสุข ให้รอบตัวมีแต่พลังบวก เพื่อถ่ายทอดให้ลูกได้ซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นจะช่วยหล่อหลอมให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่มีความสุขมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีนั่นเอง 2. เปลี่ยนมุมมองความคาดหวัง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้แม่ในยุคสมัยใหม่นี้ มักคาดหวังให้ลูกเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ จนอาจลืมไปว่า เรากำหนดกฎเกณฑ์ในชีวิตลูกมากจนเกินไป ทำให้เขาไร้อิสระทางความคิด การมุ่งเน้นในความสมบูรณ์แบบมาเกินไป อาจทำให้ลูกมีความวิตกกังวลและซึมเศร้า ได้สูงมาก ดังนั้น หากคุณอยากให้ลูกเก่งฉลาด และมีความสุข ลองเปลี่ยนมุมมองเป็นการคากหวังในความพยายามของลูกแทนดู หากลูกมีความพยายามและทำสิ่งใดได้สำเร็จ ให้คุณชื่นชมเขา ให้รางวัลเล็กๆน้อยเพื่อเป็นกำลังใจ จะทำให้เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงขึ้น กล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่ๆมากขึ้น มีประโยชน์เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ และมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง 3. สอนลูกให้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี การปล่อยโอกาสให้ลูกได้อยู่กับเพื่อนๆนั้นเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์อย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าการที่ลูกได้อยู่กับเพื่อนนั้นจะทำให้เขามีความรู้สึกสนุกสนานและปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมาได้มากยิ่งขึ้น ลูกจะได้เรียนรู้พฤติกรรม การสื่อสาร มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รวมไปถึงสามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี การปล่อยให้เขาได้เล่นอย่างอิสระกับเพื่อนๆนั้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ในด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมให้เขามีความสุขสนุกสนานกับการเล่นได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 4. ส่งเสริมให้ลูกมองโลกในแง่ดี เป็นข้อสำคัญในการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมากการฝึกให้ลูกมองโลกในแง่ดีนั้นจะช่วยให้เขามีความสุขและสนุกกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น […]

7  เคล็ดลับ ส่งลูกไปโรงเรียนอย่างไร ให้ปลอดภัยจากโรคระบาดโควิด-19

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ไปโรงเรียนอย่างไรให้ปลอดภัยจากโควิด-19 อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในประเทศไทยยังคงมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายแห่งมีมาตรการป้องกันเชื้อโรคนี้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสถานศึกษา ที่เป็นศูนย์รวมการเรียนรู้ของเด็กๆ จำเป็นอย่างมากที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเฝ้าระวังโรคระบาดนี้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับ ในการปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและเหมาะสม จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. อธิบายความสำคัญของโรคนี้ ให้ลูกได้ตระหนักถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากคุณมีเด็กเล็กข้อนี้ถือว่าสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ในบางครั้งลูกอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่ในทุกวัน ว่าทำไมถึงต้องมีการป้องกันตนเองมากมายขนาดนี้ ดังนั้นการอธิบายให้ลูกได้เข้าใจความรุนแรงของโรคนี้จะทำให้เขาได้ตระหนักถึงความสำคัญ ในการป้องกันตนเองมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้เป็นการเล่านิทานให้ฟัง ลูกจะเข้าใจและยอมรับฟังง่ายมากขึ้น 2. ปลูกฝังลูกเรื่องสุขอนามัยที่ดี เพราะเมื่อเราส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว เราไม่สามารถคอยดูแลเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ซึ่งเรื่องของสุขอนามัยนั้นสำคัญมาก การรักษาความสะอาดที่ดีจะช่วยขจัดเชื้อไวรัสได้ แนะนำให้ผู้ปกครองกำชับเรื่องการหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพราะมือเป็นอวัยวะที่สัมผัสสิ่งของอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การล้างมือเป็นประจำ จะช่วยตัดวงจรของเชื้อโรคลงได้นั่นเอง 3. จัดเตรียมข้าวกล่องให้ลูกไปโรงเรียน เพราะะในยุคโรคระบาดนี้ เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของ อาหารการกิน หากคุณแม่เตรียมข้าวกล่องไว้ให้ลูกก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจขึ้นได้ในระดับหนึ่ง อุปกรณ์การทานอาหารเตรียมให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น แก้วน้ำ ช้อน ช้อนส้อม เป็นสิ่งของส่วนตัว ที่ไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น แต่ถ้าหากไม่มีเวลามากพอที่จะเตรียมข้าวให้ลูกทาน แนะนำให้คุณกำชับเรื่องความสะอาด ไม่ใช้หลอดหรือแก้วน้ำรวมกับเพื่อน ล้างมือก่อนทานอาหารทุกครั้ง […]

7 ข้อดี ของการส่งเสริมพัฒนาการลูกด้วยทักษะ EF (Executive Functions)

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ส่งเสริมพัฒนาการลูกด้วยทักษะ EF ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของสมองส่วนหน้า ให้ลูกได้มีกระบวนการทางความคิดและจัดระเบียบความสัมพันธ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นทักษะขั้นสูงที่คุณสามารถส่งเสริมให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก การเลี้ยงลูกด้วยเทคนิคนี้จะช่วยให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจึงรวบรวมข้อดีของการเลี้ยงลูกด้วยทักษะ EF มาฝากกันจะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เพิ่มความสามารถทางด้านความคิด ทักษะ EF นี้เป็นทักษะที่จะช่วยทำให้ลูกมีความยืดหยุ่นทางความคิดมากยิ่งขึ้น โดยไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากจนเกินไป ทำให้เขามีมุมมองการเรียนรู้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น  มีความคิดที่ก้าวไกล สามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้ด้วยหลากหลายวิธี คุณพ่อคุณแม่สังเกตได้จากการเล่นของลูก หากลูกประสบปัญหาใดก็ตาม แล้วเขามีกระบวนการทางความคิดและวิธีแก้ไขที่แตกต่างไปจากเดิม ทดลองในหลากหลายมุมมากยิ่งขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าลูกมีความสามารถทางด้านความคิดที่ยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับวิธีแก้ไขปัญหาในรูปแบบเดิมๆ จะทำให้เขาใช้ชีวิตในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2. เด็กมีความสามารถในการจดจำ ทักษะ EF จะส่งเสริมให้กระบวนการจดจำข้อมูลของเด็กนั้นแม่นยำมากยิ่งขึ้น เขาสามารถเรียนรู้ และนำความรู้ที่มีมาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี มีการจำจดสิ่งต่างๆรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถส่งเสริมเขาได้ด้วยการ ชวนเข้าครัวทำอาหาร เป็นผู้ช่วยตัวน้อย คอยสังเกตวัตถุดิบรอบตัว และขั้นตอนการทำอาหารต่างๆ วิธีนี้จะช่วยฝึกให้ลูกเป็นคนช่างสังเกตได้อีกด้วย 3. ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเอง เป็นทักษะที่มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างมาก เพราะในแต่ละวัน อารมณ์คนเราส่วนใหญ่มักไม่คงที่อยู่ตลอด มีสดชื่นแจ่มใส ขุ่นมัวบ้างเป็นบางเวลา หรือในบางครั้งมีเศร้าโศกเสียใจ รวมไปถึงโมโห เกรี้ยวกราด ทักษะ EF จะช่วยให้ลูกควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น แสดงออกมาอย่างเหมาะสม คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกได้ด้วยการให้ลูกรู้จัก […]

เลี้ยงลูกเชิงบวก ส่งเสริมพัฒนาการที่ดี ฉลาดสมวัย

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า การเลี้ยงลูกเชิงบวก เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยส่งเสริมให้เขามีพัฒนาการและความสามารถที่ฉลาดสมวัย สถาบันครอบครัวที่ดี จะหล่อหลอมให้เด็กเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น การปลูกฝังทัศนคติที่ดี ให้กับลูกตั้งแต่ยังเด็ก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกมีพื้นฐานของสุขภาพกาย และสุขภาพจิตดี วันนี้เราจึงมีวิธีในการเลี้ยงลูกเชิงบวก มาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเด็กๆนั้นจะมีพฤติกรรมที่เลียนแบบบุคคลที่อยู่ใกล้ชิด ดังนั้นถ้าหากอยากให้ลูก มีลักษณะนิสัยพื้นฐานที่ดี ต้องเริ่มต้นจากตัวผู้ใหญ่เองเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการวางตัวในสถานการณ์ต่างๆอย่างเหมาสม กระบวนการคิดและทัศนคติที่ดีในเชิงบวก พูดจาสุภาพ อ่อนโยน เด็กๆจะค่อยๆเรียนรู้ และซึมซับพฤติกรรมเหล่านี้จนติดเป็นนิสัย ส่งผลให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตได้นั่นเอง 2. เลี้ยงลูกด้วยเหตุและผล งดใช้อารมณ์ในการตัดสิน ข้อนี้สำคัญมาก ส่วนใหญ่แล้ว เราจะพบว่าผู้ใหญ่มักออกคำสั่งกับเด็ก ห้ามทำโน่นนี่โดยไร้เหตุผลอธิบาย เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและทำให้เด็กเชื่อฟัง แต่การออกคำสั่งเช่นนี้เป็นการปิดกั้นพัฒนาการของลูกโดยตรง เขาจะไม่เกิดกระบวนการทางความคิด การเลี้ยงลูกเชิงบวกนี้ให้คุณแม่เน้นการอธิบายเหตุและผลให้ลูกเข้าใจ หากไม่ต้องการให้ลูกทำอะไรให้อธิบายสั้นๆอย่างชัดเจน ใช้คำที่กระชับ เข้าใจง่าย ไม่ยืดเยื้อ  3. ใช้ท่าทางและสีหน้า แทนการดุด่าหรือตีลูก เด็กส่วนใหญ่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความต้องการ อยากเล่น อยากลองสูง เมื่อสิ่งไหนไม่เหมาะสมให้คุณพ่อคุณแม่ใช้สีหน้าและท่าทางในการเตือนเขา คุณต้องมีความจริงจัง และหนักแน่น จะทำให้ลูกรู้สึกเกรงกลัวแบะยอมรับฟังเหตุผลได้มากยิ่งขึ้น เช่น […]

5 ประโยชน์ ของเด็กที่ได้เล่นกับพ่อแม่เป็นประจำ ส่งผลดีต่อพัฒนาการ

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ประโยชน์ของการเล่นกับพ่อแม่ นอกจากจะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในครอบครัว ให้อบอุ่นและแน่นแฟ้นมากขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะทุกกิจกรรม จะช่วยให้ลูกได้พัฒนาระบบประสาทและสมอง มีกระบวนการคิดวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเล่นกับพ่อแม่ซึ่งเป็นบุคคลที่เขาไว้ใจและสนิทสนมที่สุด จะทำให้เขาได้แสดงความสามารถทั้งหมดที่มีออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ทั้งร่างกายและความคิดพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด วันนี้เราจึงรวบรวมประโยชน์ของการเล่นกับลูกมาฝากกัน จะมีข้อดีอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. ส่งผลให้ลูกมีร่างกายและจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้น มีหลากหลายกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนา การทางด้านเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นซ่อนหา การวิ่งไล่ การเล่น เป็นตัวละครสมมุติเช่น ตำรวจจับผู้ร้าย กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กได้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเขาทำกิจกรรมสำเร็จ จะทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ลูกอยากเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวมากยิ่งขึ้น  และที่สำคัญ การได้เล่นกับพ่อแม่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 2. ลูกมีความแข็งแกร่งและเอาชนะความกลัวได้  เป็นอีกหนึ่งทักษะที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า คุณเป็นแรงผลักดันที่ดีให้กับลูก เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขากล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ สร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ เขาจะสามารถเอาชนะความกลัวที่อยู่ภายใต้จิตใจของเขาได้ ลูกจะรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้อยู่กับคุณ  เช่น การก้าวเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ การเล่นกระโดด เป็นต้น ซึ่งทักษะเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้เขากล้าเรียนรู้กับสิ่งต่างๆรอบตัวมากขึ้น กล้าเผชิญโลกกว้าง ถือเป็นข้อดี ที่จะช่วยสร้างเขาให้เข้มแข็ง มีความแข็งแกร่ง และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ด้วยความสามารถของตัวเอง 3. มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างพูดช่างคุย เป็นธรรมดาของการที่คนเราอยู่กับผู้ที่ไว้ใจจะแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้มากที่สุด เด็กก็เช่นเดียวกัน  […]

6 เคล็ดลับ ในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวให้มีความสุขที่สุด

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

วิธีรับมือกับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว นั้นสำคัญมาก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาเป็นเด็กที่มีคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งถ้าหากคุณไม่ประสบความสำเร็จ ในเรื่องของชีวิตคู่ ทำให้คุณต้องยิ่งรับมือกับการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น กับภาระที่คุณต้องแบกรับทั้งหมดนั้นหนักหนามากเลยทีเดียว จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณจะต้องมีการวางแผนชีวิตต่อจากนี้ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การเลี้ยงลูกนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับในการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูกอย่างไรให้คุณและลูกมีความสุขที่สุด จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. หาเวลาดูแลตัวเอง ก่อนที่คุณจะดูแลลูกได้อย่างดีนั้น ต้องไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต เมื่อร่างกายของคุณแข็งแรงพร้อมที่จะเผชิญกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้นและสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ  2. หาที่ปรึกษาที่ดี แน่นอนว่าการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนั้นคุณจะต้องรับมือกับทุกปัญหาด้วยตัวเองเพียงลำพัง การมีที่ปรึกษาที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถระบายความรู้สึก หรือขอคำแนะนำในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุณ จะยิ่งเข้าอกเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น  การแชร์ประสบการณ์ต่างๆน้ำจะช่วยให้คุณรู้สึกดีและมีความสุขในการเลี้ยงลูกมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคุณจะมีกำลังใจขึ้นมากเลยทีเดียว 3. หารายได้พิเศษ ข้อนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดีอยู่แต่ว่าการเลี้ยงลูกนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก ยิ่งคุณเลี้ยงลูกคนเดียวแล้วเราก็ เรื่องค่าใช้จ่ายจะเข้ามารุมเร้าจนอาจทำให้คุณเกิดความเครียดขึ้นได้ ดังนั้นทางที่ดีคุณจึงควรหารายได้เสริม เพื่อใช้เงินตรงส่วนนั้นเป็นเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจได้มากยิ่งขึ้น 4. คุณต้องมีการวางแผนในชีวิต การเลี้ยงลูกเพียงลำพังนั้นจำเป็นอย่างมากที่คุณต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ คุณต้องมีแผนสำรองหรือมีรายชื่อคนสนิทที่จะสามารถติดต่อยามต้องการขอความช่วยเหลือได้ในทันที นอกจากนี้การมองหาสถานที่เลี้ยงเด็กรายวันก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เมื่อยามที่คุณจะต้องไปทำธุระด่วน จะมีสถานที่ไว้คอยรองรับฝากลูกไว้ในยามคับขัน ถ้าคุณวางแผนเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะทำให้คนรู้สึกคลายความกังวลใจลงได้มากเลยทีเดียว 5. สร้างกิจวัตรประจำวันให้ลูก ถ้าลูกมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน มีกิจวัตรประจำวันทำตามกำหนดเวลาได้อย่างชัดเจนจะยิ่งทำให้คุณสามารถจัดสรรและควบคุมสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น สร้างเวลาในการตื่นนอนให้ลูกจนเป็นนิสัย เวลาในการทานอาหารแต่ละมื้อ หรือรวมไปถึงเวลาเข้านอน […]

9  กิจกรรมเสริมพัฒนาการ  ชวนลูกเล่นในยุคโควิด

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ชวนลูกเล่นในยุคโควิด ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ปกครองควรใส่ใจและให้ความสำคัญ  ถึงแม้ว่าลูกนั้นจะไม่สามารถออกไปเล่นนอกบ้านได้ แต่การเล่นก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกได้ดีที่สุด  ดังนั้นแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมสันทนาการ มาช่วยกระตุ้นให้ลูกรู้สึกตื่นเต้นและแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา  นอกจากจะช่วยให้เด็กๆสนุกสนานแก้เบื่อได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยพัฒนาทั้งระบบประสาท สมองรวมถึงร่างกายของลูกให้แข็งแรงสมวัยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวมกิจกรรมสร้างสรรค์เพิ่มความสนุกสนานให้กับเด็กๆมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. กิจกรรมพับกระดาษ  เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะกระตุ้นให้เด็กๆได้ใช้จินตนาการออกมาอย่างเต็มที่  การพับกระดาษนี้ลูกสามารถออกแบบได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การพับจรวด พับดาว พับนก พับเรือ เป็นต้น นอกจากลูกจะได้ฝึกฝนจินตนาการให้กว้างไกล ยังสามารถพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ให้แข็งแรงใช้ได้อีกด้วย 2. ชวนลูกเข้าครัวทำอาหาร อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพาลูกเข้าครัว มีประโยชน์ครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฝึกพัฒนาระบบประสาทและสมอง ให้ทำงานประสานกับกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่  ลูกจะสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวมากยิ่งขึ้น  ช่วย ฝึกสมาธิ  รวมไปถึงช่วยกระชับความสัมพันธ์กันภายในครอบครัวได้อีกด้วย  ที่สำคัญ ทักษะการเข้าครัวนี้จะช่วยให้ลูกประกอบอาหารทานเองได้หายห่วง 3. เล่านิทาน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถชวนลูกได้ทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย  กิจกรรมนี้จะช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับลูกได้เป็นอย่างดี  เรื่องราวในนิทานจะช่วยให้เด็กๆสนุกและคิดตามตัวละครต่างๆ เกิดจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด  จากงานวิจัยพบว่า เด็กที่ฟังนิทานจากผู้ปกครองเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ทางด้านภาษา การฟังและการสรุปความ ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ควรสนับสนุน  4. เปิดห้องคาราโอเกะ  เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะถูกใจเด็กๆอย่างแน่นอน เด็กในวัยนี้เขาจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกับการเล่น การจัดคอนเสิร์ตภายในบ้านจะช่วยให้เด็กผ่อนคลาย และได้ระเบิดอารมณ์ออกมาทางเสียงเพลง […]