5 เคล็ดลับ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูก ร่างกายแข็งแรงพร้อมเรียนรู้อย่างเต็มที่

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

การ  เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูก  ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญและคุณพ่อคุณแม่หลายท่านกำลังเป็นกังวลใจในเรื่องนี้ ขอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้โรคระบาดเกิดขึ้นมากมาย บางครั้งอาจมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เด็กเสียชีวิตได้เลย จึงทำให้หลายคนตระหนักถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์จะช่วยให้เด็กนั้นมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วันนี้เราจะรวบรวมเคล็ดลับวิธีการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันง่ายๆให้ลูกมีสุขภาพดีมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. ให้ลูกทานนมแม่ เป็นสิ่งแรกเลยที่คุณสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด เพราะคุณทราบหรือไม่ว่าน้ำนมแม่นั้นมีประโยชน์มหาศาลกับลูก โดยเฉพาะน้ำนมส่วนแรกที่มีลักษณะสีเหลือง ที่เราเรียกว่า Colostrum เป็นน้ำนมที่ร่างกายของคุณแม่ผลิตออกมาเป็นชนิดแรกจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญและช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น จะเกิดขึ้นเพียง 2-3 วันแรกเท่านั้นหลังจากนั้นน้ำนมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ก็จะให้คุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดยน้ำนมแม่นั้นจะอุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันชนิดดี ที่มีชื่อว่า DHA  ที่มีส่วนช่วยพัฒนาระบบประสาทและการเรียนรู้ทางด้านต่างๆนั่นเอง 2. ทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าลำไส้นั้น คือระบบภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยมีระบบทางเดินอาหารเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ ดังนั้นจำเป็นอย่างมากถ้าหากคุณอยากเสริมสร้างภูมิคุ้มกันลูกให้แข็งแรง จะต้องส่งเสริมให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ จะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายนั้น เต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น LPR ที่จะช่วยไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้จัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง  3. ให้ความสำคัญกับการนอนหลับมากขึ้น ถ้าลูกห่วงเล่นหรืออดนอนจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นคุณจะต้องปลูกฝังวินัยในการพักผ่อนให้เพียงพอ เช่น โดยเด็กในวัย 1-2 ปีจะต้องนอนวันละ 11-14 ชั่วโมง ถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เป็นต้นการพักผ่อนที่เพียงพอนี้จะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งเสริมให้หลั่งฮอร์โมนหรือสารเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีมากขึ้น นั่นหมายความว่าลูกก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง 4. […]

สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย เดินทางไม่ไกลใกล้เมืองกรุง

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย เดินทางไม่ไกลใกล้เมืองกรุง” ปัจจุบันโลกพัฒนาก้าวไกลไปมาก และสมาร์ทโฟนก็เป็นทางเลือกที่คุณพ่อคุณแม่นำมาให้ลูกได้เล่น ได้ใช้ ได้ดู เพื่อนให้เด็ก ๆ สงบนิ่ง แต่บอกเลยว่าถ้าหากลูกติดสมาร์ทโฟนเกินไปจะเป็นผลเสียในอนาคตอย่างมาก เราอยากให้พ่อแม่ให้เวลากับลูกมากขึ้น โดยการที่พาเด็ก ๆ นั้น ออกไปท่องเที่ยวและพบเจอกับธรรมชาติมากขึ้นดีกว่า เพื่อให้เขาได้เริ่มเรียนรู้ และรู้จักโลกใบใหม่นอกบ้าน ว่ามันสนุก และมีอะไรให้เริ่มเรียนรู้อีกมากมายเลย จะมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย 1. คุ้งบางกระเจ้า คุ้งบางกระเจ้า ตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่สีเขียวเป็นสถานที่ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นปอดของคนเมือง มีเนื้อที่ครอบคลุมมากกว่า 12,000 ไร่ ประกอบด้วย ท้องที่ 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางกอบัว ตำบลบางกะเจ้า และ ตำบลบางยอ เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีป่าจาก ร่องสวน ป่าชายเลนธรรมชาติ  ซึ่งทางคุ้งบางกระเจ้าได้พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากขึ้น ซึ่งการท่องเที่ยวในคุ้งบางกระเจ้าก็จะมีกิจกรรมดังนี้ เที่ยวชมทั่วไป เดินเล่น หาของอร่อยทาน ปั่นจักรยานเที่ยว ซึ่งเราสามารถเลือกเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ […]

ลูกน้อย กับ สัตว์เลี้ยง เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วจะมีผลอย่างไรต่อเด็กบ้าง

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “ลูกน้อย กับ สัตว์เลี้ยง เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วจะมีผลอย่างไรต่อเด็กบ้าง” เด็ก ๆ หลายคนมักจะมาอ้อนขอคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงสัตว์ แต่ด้วยวัยที่ยังอายุน้อย คุณพ่อคุณแม่กกลัวว่าลูกน้อยอาจจะยังไม่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งชีวิตได้ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความอดทน ไม่มีความมุ่งมั่น และกลัวว่าสัตว์เลี้ยงนั้นจะมาทำร้ายลูก ปละอาจจะมีเชื้อโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ยังไงการเลี้ยงสัตว์ก็ยังมีข้อดี แถมยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้อีก ซึ่งข้อดีของการเลี้ยงสัตว์นั้นจะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลยดีกว่า ข้อมูลที่ควรศึกษาก่อนการเลี้ยงสัตว์ ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะอนุญาตให้เขาเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ต้องศึกษาข้อมูลและนิสัยใจคอของสัตว์ชนิด ๆ นั้นก่อนว่า เหมาะสมกับวัยของลูกเราหรือเปล่า ราคาของสัตว์เลี้ยงนั้นมันแพงเกินตัวเกินความจำเป็นไปไหม บ้านพักที่อยู่อาศัยมีสถานที่ที่เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์หรือเปล่า สัตว์ตัวนั้นขนของมันส่งผลร้ายต่อลูกน้อยหรือไม่ และสอบถามทัศนคติของคนในบ้านทุกคนว่าพร้อมที่เลี้ยงชนิดนั้น ๆ ด้วยหรือเปล่า ทุกอย่างต้องมีขอบเขตและข้อตกกันเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทุกคนในบ้าน ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์ 1. ฝึกให้มีความเป็นผู้นำ ก่อนที่ลูกน้อยจะมาขออนุญาตเลี้ยงสัตว์นั้น เขาจะต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมาในระดับหนึ่งแล้ว หรืออาจจะเห็นภาพสัตว์เลี้ยงจากสื่อออนไลน์ หรือสื่อประเภทอื่น ๆ มา แล้วเกิดความรัก ความชอบที่อยากจะเลี้ยง จนเขานั้นตัดสินใจเอ่ยปากเพื่อขอเลี้ยง และเกลี่ยกล่อมพูดหว่านล้อมให้คุณพ่อคุณแม่คล้อยตาม จนยอมใจอ่อนทำตามใจเขาได้ 2. ฝึกให้เขามีสมาธิ สัตว์เลี้ยงบางประเภทก็ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ดูแลแบบใกล้ชิด ซึ่งการที่เขาได้เลี้ยงสัตว์เท่ากับดูและหนึ่งชีวิต เขาจะต้องมีสมาธิ และตั้งใจอย่างมาก […]

การให้ลูกเล่นดินทราย มีประโยชน์มากมาย แถมยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการได้อีกด้วย

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำ “การให้ลูกเล่นดินทราย มีประโยชน์มากมาย แถมยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการได้อีกด้วย” การเล่นดินเล่นทราย พ่อแม่หลายคนอาจจะห้ามและไม่อยากให้ลูกเล่น เพราะมันนั้นจะทำให้เสื้อผ้าสกปรก เนื้อตัวเปื้อนมอมแมม แต่บอกเลยว่าการปล่อยให้ลูกได้เล่นทรายนั้น จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างดีเยี่ยมเลย และเป็นการให้ลูกได้มีกิจกรรมทำเพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้จดจ่ออยู่กับสมาร์โฟน แต่มันจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านไหนบ้างนั้น มีข้อดีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า 1. เสริมสร้างจินตนาการ การเล่นทรายจะทำให้เด็กน้อยได้เริ่มใช้ความคิดของตัวเอง ได้เริ่มใช้จินตนาการได้เองว่าเขานั้น จะนำทรายมาทำให้เป็นรูปอะไร บ้าน รถ ปราสาท วงกลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือทำตามพิมพ์รูปสัตว์ก็ได้ และถ้าหากพ่อแม่สนับสนุน และซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นที่เล่นกับทรายมาด้วยนั้น  จะทำให้เขานั้นมีความคิดสร้างสรรคมากขึ้น ไม่มีขอบเขตบังคับตายตัว และคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะคาดไม่ถึงกับสิ่งประดิษฐ์ที่ลูกน้อยสร้างมากับกองทรายก็ได้ 2. เสริมพัฒนาการทางร่างกาย เมื่อเราปล่อยให้ลูกน้อยได้สัมผัสจับทราย เท้าเปื้อนดิน เดิน หรือวิ่งเล่นไปบนพื้นทราย อย่างอิสระไร้ข้อบังคับ ก็จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายได้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น ช่วยให้หัวใจ ปอด และระบบหมุนเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้นไปอีก แถมยังได้สัมผัสกับแดดอุ่น ๆ  และสายลมบาง ๆ ก็ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกายให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นไปอีกด้วย ทั้งสนุก ทั้งมีคุณประโยชน์ที่สามารถเป็นเกราะป้องกันร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว 3. เสริมสร้างพัฒนาการทางด้านสมอง ทรายนั้นมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันออกไปหลายแบบ ทั้งทรายหยาบ ทรายละเอียด แห้ง […]

คำพูดต้องห้ามที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก เพราะอาจจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี

ในบทความนี้ขอแนะแนว “คำพูดต้องห้ามที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก เพราะอาจจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี” คำพูดของพ่อแม่ ผู้ปกครองก็เหมือนวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถควบคุมดูแลให้เด็ก ๆ ลูก ๆ เชื่อฟังในคำสั่งสอนและอยู่ในกรอบในกฎระเบียบได้ แต่คำพูดบางคำก็เหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปที่ใจของลูก ๆ และกลายเป็นรอยแผลที่ไม่อาจจะรักษาให้หายได้ดังเดิม ซึ่งก่อนที่พ่อแม่จะพูดหรือกล่าวอะไรออกไปให้คิดให้ดีก่อนที่จะกล่าวออก ไม่อย่างนั้นความหวังดีอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งตรงความมากกว่า 1. คำพูดสั่งห้ามต่างๆ เช่น “อย่า ไม่ หยุด ห้ามทำ” คำพูดเหล่านี้ “อย่า ไม่ หยุด ห้ามทำ” เป็นคำพูดดีพ่อแม่มักจะพูดอยุ่บ่อย ๆ เนื่องจากเด็กในช่วงอายุ 2 ขวบขึ้นไป อยู่ในช่วงวัย ที่เริ่มเรียนรู้ และเริ่มลองทำอะไรมากมากมายแล้ว ซึ่งบางเด็กน้อยก็อาจจะทำไปด้วยการไม่รู้ความตามอายุ แต่สั่ง “อย่า ไม่ หยุด ห้ามทำ” กับเด็กในช่วงวัย 2 ขวบขึ้นไปนั้น มันเหมือนกับเป็นสิ่งท้าท้ายให้เขาได้ลองทำมากกว่าเสียอีก และคำพูดเหล่านี้ หากเด็กโตมากขึ้น ฟังคำเหล่านี้บ่อยขึ้นมันอาจจะส่งผลเสียต่อเด็ก ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ และไม่กล้าที่จะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่พบเจอได้เลย ฉะนั้นคำพูดเหล่านี้ หากว่าลูก ๆ ไม่ได้อยู่ในจุดที่อันตรายเกินควบคุม […]

5 เคล็ดลับ แก้ปัญหาคำพูดติดปาก “เดี๋ยวก่อน” ของลูกอย่างได้ผล

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่หลายท่านต้องเจอ เมื่อลูกเจริญเติบโตถึงวัยที่เริ่มเรียนรู้ในการยอมรับและปฏิเสธสิ่งที่ตนเองชอบได้ รวมไปถึงเริ่มรู้จักการต่อรอง ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะต้องเจอคำว่า เดี๋ยวก่อน กับลูกอย่างแน่นอน ซึ่งบางท่านรุนแรงถึงขั้นพูดคำนี้จนติดปาก เป็นทุกครั้งเมื่อต้องการบอกให้ลูกทำอะไรก็จะมีการผลัดผ่อนไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ ให้คุณทราบหรือไม่ว่าพฤติกรรมการต่อรองของลูกนั้นจะติดจนเป็นนิสัยทำให้อาจจะกลายเป็นเด็กขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้เขาปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยากเมื่อเขาเติบโตขึ้นมา ให้ตระหนักถึงความสำคัญในข้อนี้เราจึงรวบรวมวิธีการแก้ปัญหาคำพูดติดปากของลูกมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนะติดตามกันเลย 1. จัดตารางกิจกรรมของลูกให้เหมาะสม เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนจัดการและบริหารเวลาด้วยวิธีการจัดตารางกิจกรรมให้กับลูก เพื่อให้เขามีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงคือ คุณจะต้องไม่จัดตารางกิจกรรมของลูกแน่นจนเกินไป  เพราะอาจทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า อยากจะผลักความรับผิดชอบนั้นออกไป ซึ่งนี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเริ่มรู้สึกต่อรอง และใช้คำว่าเดี๋ยวก่อน จนติดเป็นนิสัย ดังนั้น ให้คุณกลับมาลองทบทวนดูว่า กิจกรรมที่กำหนดให้ลูกในแต่ละวันนั้นแน่นจนน่าอึดอัดหรือไม่ และลองปรับให้เหมาะสมดู ลูกจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไม่กดดันและเหนื่อยล้าจนเกินไป 2. ช่วยลำดับความสำคัญให้ลูก  ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าเด็กส่วนใหญ่นั้นจะไม่สามารถที่จะลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เขาอาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่และมีภารกิจต้องทำหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การทำการบ้าน  การอาบน้ำ ทานข้าว ช่วยแม่ทำงานบ้าน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง เลยได้แต่ผลัดผ่อน และยืดเยื้อเวลาออกไป จนติดเป็นนิสัยนั่นเอง การช่วยลำดับความสำคัญให้ลูกนั้น จะทำให้เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 3. ฝึกดำเนินชีวิตให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ปัญหาที่ชอบพูด เดี๋ยวก่อน หรือผัดวันประกันพรุ่ง มักเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่มีความตรงต่อเวลา […]

5 เคล็ดลับ ปราบเซียนเด็กชอบพูดโกหกได้อย่างอยู่หมัด

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ปรับนิสัยเด็กพูดโกหก ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกำลังกังวลใจ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นลักษณะนิสัยที่พบได้บ่อยมากในเด็ก ซึ่งลักษณะนิสัยเหล่านี้มักมีที่มาที่ไป ส่วนใหญ่แล้วเด็กที่ไม่ยอมพูดความจริง อาจมีสาเหตุมาจากกลัวผู้ใหญ่ไม่พอใจ กลัวโดนดุ หรือโดนทำโทษ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมของลูกสะท้อนให้เห็นถึงการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง ถ้าหากอยากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต้องเริ่มจากพ่อแม่ที่เปลี่ยนวิธีการตอบสนอง ไม่ตำหนิลูกในทันที ใช้ความสงบ สร้างทัศนคติใหม่ให้กับลูก ถ้าหากทำอะไรผิดพลาดลูกก็จะกล้ายอมรับ โดยที่ไม่จำเป็นต้องโกหกอีกต่อไป วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีปราบเซียนเด็กชอบพูดโกหกมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เมื่อลูกทำผิดพลาด ต้องไม่ตำหนิลูกอย่างรุนแรง พ่อคุณแม่ต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อนว่า เขายังไม่สามารถที่จะแยกแยะความถูกผิดหรือความเหมาะสมได้มากเท่าที่ควร ดังนั้นอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากลูกทำผิดอะไรให้คุณรับฟังด้วยเหตุผล ไม่ด่วนตัดสิน และไม่ตำหนิลูกในทันที เพราะนั่นจะทำให้เขาขาดความมั่นใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาปกปิดความผิดเพราะไม่อยากโดนตำหนิ หรือโดนทำโทษนั่นเอง 2. ปรับทัศนคติที่พ่อแม่ คุณต้องทำใจเลยว่าเด็กๆนั้นมักชอบเล่นซนอยู่เสมอ ซึ่งนั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะเขาจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่อยู่รอบตัวเขาได้มากยิ่งขึ้น ทำให้เขามีประสบการณ์และมีความคิดที่เป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น สิ่งที่คุณควรทำคือปรับวิธีการคิดและทำให้ลูกไว้ใจ เมื่อทำอะไรผิดเขาจะกล้าที่จะบอกกับคุณในทันที เช่น เมื่อลูกทำน้ำหก ให้คุณพูดกับลูกอย่างอ่อนโยน ว่าให้รีบทำความสะอาดพื้น เดี๋ยวจะทำให้หนูลื่นล้มได้นะ แทนการตำหนิว่า เล่นอะไร น้ำหกเลอะเทอะไปหมด จะทำให้เขากลัวและรีบปฏิเสธจนติดเป็นนิสัยนั่นเอง 3. ต้องฝึกความรับผิดชอบให้กับลูก ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จะช่วยหล่อหลอมให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก มีคุณภาพ การมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำนั้น นอกจากจะปรับนิสัยไม่ให้ลูกพูดโกหกแล้ว ยังช่วยให้เขามีความซื่อสัตย์ที่มากขึ้นอีกด้วย  ทำผิดก็กล้ารับผิด […]

6 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกเชิงบวก เสริมสร้างพัฒนาการ ส่งเสริมให้ลูกมีความสุข

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

เคล็ดลับเลี้ยงลูกเชิงบวก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสถาบันครอบครัวนั้นถือเป็นสถาบันเบื้องต้นที่คุณสามารถปลูกฝังคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกได้ เพราะเด็กคนหนึ่งที่จะเติบโตขึ้นมามองโลกกว้าง จะมีลักษณะนิสัยอย่างไรขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่นั้นเอง ดังนั้นวิธีการเลี้ยงลูกจึงสำคัญและจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่คือการให้ความรัก ความเข้าใจ รวมไปถึงวิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกที่จะช่วยส่งเสริมให้เขามีพัฒนาการที่ดีและมีความสุขในชีวิตได้วันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกเชิงบวกมาฝากกัน จะมีวิธีใดบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย 1. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก อันดับแรกก็มีคุณจะอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนลักษณะอย่างไรต้องเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก เพราะในธรรมชาติของเด็กงั้นจ่ายชอบเลียนแบบคนที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เขาจะเรียนรู้พฤติกรรมรวมไปถึงทัศนคติต่างๆจากพ่อแม่ ดังนั้นถ้าคุณเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก จะช่วยปลูกฝังให้เขาเป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพในอนาคตได้แน่นอน 2. การรักษาสัญญาก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกเชิงบวก ที่จะสามารถช่วยสร้างความเชื่อใจให้กับลูกได้ ลูกจะมีความเชื่อมั่นในตัวของคุณพ่อคุณแม่มากยิ่งขึ้น   สามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญการรับปาก หรือรักษาสัญญานี้จะช่วยให้คุณสามารถอบรมสั่งสอนลูกได้ง่ายยิ่งขึ้น  3. สอนให้ลูกรู้จะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เพราะในธรรมชาติของแต่ละคนนั้นย่อมมีความแตกต่างกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทางวัฒนธรรม ภาษา ทัศนคติ หรือรวมไปถึงลักษณะนิสัย ซึ่งการสอนให้ลูกรู้จักเข้าใจคนอื่น หรือเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้นแล้ว จะให้ลูกรู้จักเอาใจใส่คนรอบข้าง เป็นเด็กที่อ่อนโยน  ไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง รวมถึงสามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย 4. ส่งเสริมให้ลูกได้ใช้ความคิดของตัวเอง เป็นอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญในการดำเนินชีวิต เทคนิคนี้จะช่วยให้ลูกมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง เขาจะรู้สึกอิสระทางความคิดมากยิ่งขึ้น โดยคุณอาจจะเริ่มปลูกฝังทักษะนี้ได้จากชีวิตประจำวันเช่น ให้เขาเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ชอบ ให้เขาเป็นฝ่ายเลือกเมนูอาหารที่อยากทานบ้าง หรืออาจจะปลูกฝังจากการ ช่วยทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ ลูกจะได้ใช้กระบวนการความคิดและพัฒนาสมองได้ดียิ่งขึ้น 5. ส่งเสริมให้ลูกมองโลกในแง่ดี ถ้าหากลูกมีทักษะนี้จะช่วยให้เขาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าลูกจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือเหตุการณ์ที่ผิดหวัง เขาจะสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้เป็นอย่างดี […]

5 เคล็ดลับ วิธีรับมือกับลูกติดโทรศัพท์ที่ใช้แล้วเห็นผลจริง

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

วิธีรับมือกับลูกติดโทรศัพท์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสื่อสารที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเด็กในยุคนี้มากที่สุด คงมีคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยเลยที่ต้องกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ แต่โทรศัพท์มือถือก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ในการเรียนรู้และมีประโยชน์มากหากใช้ถูกวิธี ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการรับมือแล้วจัดการกับวิธีการใช้โทรศัพท์มือถือของลูกให้มีประโยชน์สูงสุดมาฝากกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย 1. มีเวลาอยู่กับลูกให้มากยิ่งขึ้น อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันนี้คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่นั้นมักจะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หรือมีระยะเวลาในการเลี้ยงลูกจำกัดดังนั้น มือถือจึงเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการและดูแลกับลูกได้มากยิ่งขึ้น แต่คุณทราบหรือไม่ว่าทุกครั้งที่คุณยึดโทรศัพท์มือถือให้กับลูกนั้นเหมือนเป็นดาบสองคม ที่ทำร้ายลูกทางอ้อม ถ้าหากลูกใช้ผิดวิธี และเกิดการติดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกโดยตรง  จากการสำรวจแล้วพบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่พ่อแม่มีเวลาเล่นด้วยกันมากขึ้น เด็กจะไม่สนใจอุปกรณ์สื่อสารเลย ดังนั้นถ้าหากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาที่ลูกติดโทรศัพท์มือถืออย่างหนักอยู่นั้นแนะนำให้คุณหาเวลาให้ลูกมากยิ่งขึ้น จะช่วยสานสัมพันธ์กับลูกให้เขาลดความสนใจโทรศัพท์มือถือเหล่านั้นลง โดยคุณสามารถหากิจกรรมสนุกสนานมาดึงดูดความสนใจลูกเช่น การเล่นบอร์ดเกม การเล่นกีฬาที่มีความท้าทาย จะช่วยได้มากเลยทีเดียว 2. พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะธรรมชาติของเด็กแล้วนั้นจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมของคนรอบตัว ดังนั้นก่อนที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกให้เลิกติดโทรศัพท์มือถือนั้น ควรเริ่มต้นจากคุณพ่อคุณแม่ให้มีพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือในเชิงบวก ใช้งานโทรศัพท์มือถือเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เช่น ไม่เล่นมือถือขณะทานข้าว หลีกเลี่ยงการตอบแชทหรือท่องโลกโซเชียลขณะทำกิจกรรมกับลูก ไม่เล่นโทรศัพท์ก่อนนอน และที่สำคัญต้องลดการใช้โทรศัพท์มือถือเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก จะช่วยปลูกฝังลักษณะนิสัยของเขาให้สนใจเทคโนโลยีเหล่านี้ลดน้อยลง  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โทรศัพท์มือถือนั้นก็ยังคงมีประโยชน์และสามารถให้ความรู้กับเด็กได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรปลูกฝังวินัยในการใช้อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้ให้ลูกอย่างเหมาะสม จะช่วยลดภาวะและลดความเสี่ยงที่ลูกจะได้รับอันตรายจากแสงสีฟ้าน้อยลงด้วย และที่สำคัญ จะลดการส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านอื่นๆของลูกลงได้เป็นอย่างดี 3. อธิบายผลกระทบอาการติดโทรศัพท์ให้ลูกได้รับรู้ จากบทความของนักกิจกรรมบำบัดแล้วพบว่าเด็กในช่วง 3-6 ปีจะมีพัฒนาการทางด้านความคิดที่มีเหตุและมีผลมากยิ่งขึ้น  เขาสามารถเรียนรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่จะสามารถปลูกฝังและอธิบายถึงผลกระทบจากการติดโทรศัพท์มือถือให้ลูกได้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาตระหนักถึงผลเสียของการใช้โทรศัพท์มือถือได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง 4. ปลูกฝังให้ลูกมีวินัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือนั้นจะเปรียบเสมือนดาบสองคมแต่ในปัจจุบันนี้เราปฏิเสธการใช้โทรศัพท์มือถือได้ยากมาก ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้คือการปลูกฝังวินัยการใช้โทรศัพท์ให้ลูกอย่างเหมาะสม เช่นการจัดตารางเวลาในการใช้โทรศัพท์ […]

5 ทักษะพื้นฐาน ที่ควรปลูกฝังลูก เพื่อให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ

สารพันปัญหา แม่และเด็ก

ทักษะขั้นพื้นฐานในชีวิต เป็นสิ่งที่สำคัญ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องอยากอบรมสั่งสอนให้ลูกมีทักษะการใช้ชีวิตที่สามารถดูแลตัวเองได้ ซึ่งทักษะการใช้ชีวิตเหล่านั้นคุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าคุณสามารถปลูกฝังให้เขารับรู้และสัมผัสได้ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะการมีทักษะขั้นพื้นฐาน จะช่วยให้ลูกสามารถจัดการกับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น เผชิญกับอุปสรรคต่างๆในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยลูกจะสามารถปรับตัว จัดการกับอารมณ์และความคิดของตนเองได้เป็นอย่างดี วันนี้เราจึงรวบรวมทักษะพื้นฐานที่ควรปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็กมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างและติดตามกันเลย 1. ความตั้งใจและความพยายามจะชนะทุกสิ่ง ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพสิ่งที่คุณจะปลูกฝังเป็นทักษะขั้นพื้นฐานให้กับลูกนั้นคือกระบวนการความคิด และการวิเคราะห์พิจารณาเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วยความพยายามอย่างตั้งใจ โดยลูกจะสามารถใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเผชิญกับปัญหาและวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยคุณสามารถปลูกฝังให้กับลูกได้จากการตั้งคำถามการเล่านิทาน ให้ลูกได้ใช้กระบวนการทางความคิดและสติปัญญามากยิ่งขึ้น เป็นต้น 2. ปลูกฝังให้เขามีความคิดเชิงบวก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทัศนคติที่ดีจะนำพาให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เด็กก็เช่นเดียวกันถ้าหากคุณปลูกฝังให้เขามีความคิดเชิงบวกตั้งแต่ยังเล็ก เขาจะสามารถมองเห็นข้อดีจากสถานการณ์ต่างๆรอบตัวได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขบนทัศนคติเชิงบวก โดยคุณสามารถปลูกฝังให้ลูกได้หลากหลายวิธี เริ่มตั้งแต่คำพูดของคุณ หมั่นชื่นชมลูกอยู่เสมอเมื่อเขาประพฤติปฏิบัติตัวดี หรือเมื่อลูกทำผิดให้คุณใช้ความคิดเชิงบวกในการอบรมสั่งสอนเขา ลูก จะค่อยๆซึมซับพฤติกรรมและความคิดที่ดีกับพ่อแม่นั้นเอง 3. สอนให้เขารู้จักปรับตัวเข้ากับสังคม ทุกการเจริญเติบโตลูกน้อยจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นอีก หนึ่งทักษะที่สำคัญ ที่จะช่วยให้เขาสามารถเติบโตได้อย่างมีความมั่นใจไร้กังวลนั่นก็คือการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดี ถ้าหากลูกมีทักษะขั้นพื้นฐานนี้จะช่วยให้เขามีความมั่นใจในตนเองไร้ความกังวลและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของทุกก้าวย่างในชีวิตได้เป็นอย่างดี  โดยคุณสามารถปลูกฝังทักษะเหล่านี้ได้ด้วยการสอนให้เขามองเห็นภาพจากสิ่งที่อยู่รอบตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเช่น สายลม แสงแดด หรือรวมไปถึงสภาพแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้เขาเห็นภาพและรู้จักกับการปรับตัวได้มากยิ่งขึ้น 4. ปลูกฝังให้เขาเห็นคุณค่าในตนเองมากยิ่งขึ้น  สำหรับเด็กๆนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจคำว่าคุณค่าของตนเอง บางคนคิดว่าเขาจะมีคุณค่าในตนเองเพิ่มมากขึ้นถ้าหากมีผลการเรียนที่ดี พ่อแม่จะสนใจแล้วรักเขามากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักให้กำลังใจลูก ไม่ว่าลูกจะมีผลการเรียนดีหรือไม่ก็ตาม ห้ามใช้คำพูดในการตัดสินพฤติกรรมต่างๆของลูก […]