เลี้ยงลูกในห้องแอร์ ลูกจะติดแอร์ไหม จะมีผลเสียต่อสุขภาพไหม

เลี้ยงลูกในห้องแอร์

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง เลี้ยงลูกในห้องแอร์ ลูกจะติดแอร์ไหม จะมีผลเสียต่อสุขภาพไหม ว่าประเทศไทยของเราร้อนมากๆ คุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกในบ้านก็ต้องเปิดแอร์ อยู่ในห้องแอร์ตั้งแต่ยังเล็ก ร่างกายจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง จากอากาศที่หนาวเย็นในบ้านมาสู่อากาศที่ร้อนอบอ้าวนอกบ้าน ถ้าดูแลไม่ดีก็อาจเกิดปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับเด็กมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิด  เลี้ยงลูกในห้องแอร์ ลูกจะติดแอร์ไหม ด้วยความที่สภาพอากาศในบ้านเราเป็นเมืองร้อน คนส่วนใหญ่จึงมักจะติดการใช้ชีวิตที่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า แอร์ และสำหรับบ้านที่มีลูกเล็กก็มักจะมีคำถามตามมาว่า ถ้าเกิดอยู่ในห้องแอร์มากไป ลูกจะติดแอร์ไหม จะออกไปข้างนอกยากหรือเปล่า เลี้ยงลูกในห้องแอร์ มีข้อดีข้อเสียกับลูกน้อยอย่างไร ข้อดีของการให้ลูกอยู่ในห้องแอร์ สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในห้องได้ ทำให้ลูกไม่เหนียวตัว นอนหลับได้สนิท อารมณ์ดี  ลดความหงุดหงิด ความไม่สบายตัวให้ลูกได้ ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก ข้อเสียของการเลี้ยงลูกในห้องแอร์ ปัญหาสุขภาพของการเลี้ยงลูกในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ เกิดจากการทำงานของเครื่องปรับอากาศหรือแอร์นั้นจะทำการดูดความชื้นและไอร้อนในบริเวณนั้นๆ และปล่อยอากาศที่แห้งจนทำให้รู้สึกเย็นสบายออกมา ลองสังเกตดูได้เลยว่าหากมีการเลี้ยงลูกอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ จะต้องเจออาการดังต่อไปนี้ 1. ผิวแห้ง ผิวลูกจะแห้ง ลอกเป็นขุยหรือเป็นแผ่น ร่วมกับมีอาการคัน หากไม่มีการบำรุงผิวด้วยโลชั่นมาก่อน 2. มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา เด็กๆ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา โดยเฉพาะอาการคัน และระคายเคือง เพราะอากาศที่แห้ง แอร์จะดูดเอาความชื้นในอากาศไปจนหมดนั่นเอง 3. โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้ […]

ลูกเหงื่อออกตอนนอน อันตรายไหมสัญญาณบ่งบอกอะไรหรือเปล่า

ลูกเหงื่อออกตอนนอน

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง ลูกเหงื่อออกตอนนอน อันตรายไหมสัญญาณบ่งบอกอะไรหรือเปล่า คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่ให้ลูกนอนในห้องแอร์และ ตั้งอุณหภูมิไว้ที่  25 องศาเซลเซียล ลูกน้อยของคุณจะต้องดึงผ้าห่มทุกที อีกทั้งในบางรายยังมีเหงื่อออกตามร่างกาย อาทิ หัว ผม เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดจากอะไรนั้นและมีอันตรายร้ายแรงหรือไม่ ต้องติดตาม  ทำไมลูกถึงมีเหงื่อออกตอนนอน ลูกเหงื่อออกตอนนอน เกิดจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมีมาก จึงเกิดการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ แต่คุณแม่ควรสังเกตุอาการอื่นๆร่วมกับเหงื่อออก เช่น นอนกัดฟัน นอนกรน ดูดนมแล้วเหนื่อย เช่นนี้ถือเป็นความผิดปกติที่คุณแม่ต้องระวังนะ เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการอื่น ๆ ได้ ลูกมีเหงื่อออกที่ศีรษะมาก            โดยสาเหตุที่ทารกมักจะมีเหงื่ออกบริเวณศีรษะนั้น เกิดจาก กลไกการระบายความร้อนออกจากร่างกาย ของเด็ก ๆ เนื่องจากเด็ก ๆ นั้นต้องการพลังงานสูงมากกว่าผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับน้ำหนัก โดยพลังงานจากสารอาหารต่าง ๆจะถูกนำมาใช้เพื่อการสร้างเนื้อเยื่อ สร้างเซลล์สมอง สร้างเซลล์กล้ามเนื้อ และ อวัยวะต่าง ๆ ด้วยการนี้เบบี๋จึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก ๆ ขยายความอีกนิดนึง โดยกล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกนั้นเป็นเซลล์กล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย จึงต้องการพลังงานสูง  ก็จะสังเกตได้ว่าชีพจรของทารกนั้นจะเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ โดยเด็กแรกเกิดชีพจรจะเต้น 140 ครั้งต่อนาที […]

เพลงกล่อมเด็ก ช่วยให้ลูกนอนหลับสบาย นอนหลับได้ง่าย และช่วยกระตุ้นพัฒนาการจริงไหม

เพลงกล่อมเด็ก

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง เพลงกล่อมเด็ก ช่วยให้ลูกนอนหลับสบาย นอนหลับได้ง่าย และช่วยกระตุ้นพัฒนาการจริงไหม เพลงกล่อมเด็ก หรือเพลงกล่อมลูกเป็นหนึ่งในยุทธวิธีที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องขุดขึ้นมาใช้เพื่อกล่อมให้เจ้าตัวเล็กสิ้นฤทธิ์ และผล็อยหลับ หลังจากกระปรี้กระเปร่าใช้พลังงานมาตลอดทั้งวัน แต่เพลงกล่อมเด็ก ไม่เพียงแต่ช่วยให้เด็กหลับง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะเชื่อกันว่าเพลงกล่อมลูก หรือเพลงกล่อมเด็กพัฒนาสมองได้ แต่คำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทำไมเพลงกล่อมเด็กถึงมีส่วนต่อการพัฒนาสมองของเด็กได้ เพลงกล่อมเด็กมีประโยชน์จริงหรือ ก่อนที่เราจะมาฟันธงกันว่า เพลงกล่อมเด็กมีประโยชน์จริงหรือเปล่านั้น เราคงจะต้องเท้าความไปยังหมวดใหญ่ของเพลงกล่อมเด็กกันก่อน นั่นก็คือเรื่องของดนตรี ที่มีผลการศึกษาและผลการวิจัยหลายสำนักที่แสดงให้เห็นว่า ดนตรีสามารถส่งผลต่อสมองของคนเราได้ และดนตรียังมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านของภาษา การอ่าน และการสื่อสาร ทำให้เด็กพร้อมต่อทุกย่างก้าวของพัฒนาการด้านการเรียนรู้   เพลงกล่อมลูก ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของการได้ยินให้กับทารกในครรภ์ เพราะเสียงเพลงจากแม่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกได้โดยตรงตั้งแต่เด็กยังอยู่ในท้องแม่ ความสูงต่ำของทำนองเพลงจะกระตุ้นให้เซลล์สมองที่ทำหน้าที่รับเสียงในแต่ละ ย่านความถี่มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทำให้เด็กมีความสามารถในการแยกแยะความสูงต่ำของเสียงได้ นี่คือรากฐานของพัฒนาการด้านภาษา เพลงกล่อมลูกควรเป็นเพลงพื้นบ้านหรือเพลงสากล จริง ๆ แล้วเพลงกล่อมเด็กไม่ว่าจะเป็นเพลงไหน ก็ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน ดังนั้น เพลงกล่อมเด็กจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงสากล สามารถใช้เพลงใดก็ได้ จะเป็นเพลงพื้นบ้านของท้องถิ่นใดก็ได้ ขอเพียงมีจังหวะที่ช้า นุ่มนวล ผ่อนคลาย ก็จะช่วยให้ลูกฟังแล้วเคลิบเคลิ้มได้ง่าย ดีต่อการนอนหลับ และมีส่วนช่วยพัฒนาสมองของเด็กได้เหมือนกัน เพลงกล่อมเด็กพัฒนาสมอง ได้อย่างไร         มีหลายอย่างที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมองลูกน้อยได้ […]

เทคนิคชวนลูกน้อยไปตัดผม ให้เขาไม่กลัวและสบายใจ

เทคนิคชวนลูกน้อยไปตัดผม

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง เทคนิคชวนลูกน้อยไปตัดผม ให้เขาไม่กลัวและสบายใจ  นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณพ่อ คุณแม่ หลายๆ คนกำลังกลุ้มใจ จะทำอย่างไรดีเมื่อต้องพาลูกน้อยไปตัดผม พอเข้าร้านตัดผมทีไร เจ้าตัวน้อยก็จะร้องไห้โวยวายทุกที นั่นอาจจะมาจากลูกกลัวเสียง บัตตาเลี่ยนที่ดังอยู่ข้าง ๆ หูก็เป็นได้ และก็ยังมีกรรไกรคม ๆ ตัดฉับ ๆ อยู่บนหัวอีกด้วย ยิ่งทำให้เกิดความกลัวเข้าไปใหญ่ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะรับมือและแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดีนะ พาลูกไปที่ร้านเพื่อตัดผมครั้งแรก สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ได้รู้ขั้นตอนเกี่ยวกับการตัดผมให้ลูกน้อยแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกกลัวและกังวลที่จะตัดผมให้ลูกเองอยู่ดี เราก็อาจจะตัดสินใจพาลูกไปตัดผมที่ร้านได้เลยนะ โดยเราอาจจะพาลูกไปหาช่างทำผมที่มืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านการตัดผมเด็กและทารก เพราะพวกเขาเหล่านี้ค่อนข้างจะคุ้นเคยและชำนาญเกี่ยวกับการตัดผมกันอยู่แล้ว หากลูกน้อยของคุณไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาก็อาจจะมีงอแงและรู้สึกกลัวกับการนั่งบนเก้าอี้ตัดผมได้ ยิ่งเป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน สิ่งนี้อาจจะทำให้เด็กบางคนร้องไห้ขึ้นมาได้เลย เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะคอยอยู่ข้าง ๆ ลูกให้มากที่สุดนะ เทคนิค พาลูกเข้าร้านตัดผม ให้ราบรื่น  1. แทนคำว่า “ตัด” ด้วยคำอื่น เพราะ “ตัด” ฟังดูน่ากลัวหรือเสียวไส้ว่าจะเจ็บเอา ลองเปลี่ยนเป็นว่าเราจะไป “เล็มผม” กัน หรือเรียกกรรไกรว่า “ที่เล็มผม” ก็ช่วยลดความกลัวได้ 2. จินตนาการกับตุ๊กตา โดยเริ่มจากการชวนพี่น้องตุ๊กตาไปตัดผม หรือสมมติ ให้ตุ๊กตาแทนตัวลูกก็ได้ตามแต่สถานการณ์จะพาไป […]

“ออทิสติกเทียม” ภัยเงียบของเด็กติดจอ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องระวัง

ออทิสติกเทียม

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง “ออทิสติกเทียม” ภัยเงียบของเด็กติดจอ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรต้องระวัง คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้านอาจเปิดคลิปให้ลูกดูหรือให้เล่นเกมเพื่อที่จะทำให้ลูกอยู่นิ่งมากขึ้น ควบคุมง่าย และดูแลง่ายขึ้น แต่ถ้าเด็กมีอาการงอแงเวลาไม่ได้ดูจอตามที่ต้องการ แต่หารู้ไม่ว่าการให้ลูกติดจอมากเกินไปอาจส่งผลให้ลูกน้อยเสียงเป็น “ออทิสติกเทียม” ได้ ทำความรู้จักกับ “ภาวะออทิสติกเทียม” ภาวะออทิสติกเทียม เป็นภาวะที่เด็กขาดการกระตุ้นในการสื่อสาร 2 ทาง (Two-way Communication) ส่งผลให้เกิดความล่าช้าทางการสื่อสารและมีพัฒนาการทางสังคมที่ไม่ปกติ คือไม่พูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยมักเกิดจากการที่ผู้เลี้ยงดูหรือพ่อแม่ปล่อยปละละเลย ไม่พูดคุยหรือเล่นกับลูก และปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์ หรือเล่นอุปกรณ์สื่อสารอย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนมากเกินไป ซึ่งเหมือนการให้เด็กรับสารทางเดียว หรือที่เรียกว่า One-way Communication ออทิสติกแท้กับเทียม ต่างกันมากน้อยแค่ไหน  ออทิสติกแท้ จะเป็นกลุ่มโรค ที่ความผิดปกติของสมองจนส่งผลต่อพัฒนาการ แต่ออทิส ติกเทียมนั้นไม่ใช่โรค แต่มักจะมีประวัติปัญหาการเลี้ยงดู ไม่ได้มาจากพันธุกรรมเหมือนกับออ ทิสติกแท้ กรณีออทิสติกเทียมหากรู้ทัน และปรับแก้ จะหายได้เร็วต่างกับออทิสติกแท้ ซึ่งต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่า อาการของโรคออทิสติกเทียม จะคล้ายคลึงกับโรคออทิสติกทั่วไป ได้แก่ – ซุกซนอยู่ไม่นิ่ง – ไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรมอื่น ๆ ได้นาน […]

อยากเลี้ยงแมว แต่จะอันตรายต่อเด็กไหม เลี้ยงแมวในบ้านได้หรือเปล่า

เลี้ยงแมวจะอันตรายต่อเด็กไหม

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง อยากเลี้ยงแมว แต่จะอันตรายต่อเด็กไหม เลี้ยงแมวในบ้านได้หรือเปล่า เชื่อว่าหลายครอบครัวจะต้องมีสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่รักสัตว์ อาจจะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นเพื่อนยามอยู่บ้าน แต่เมื่อวันใดที่ครอบครัวเริ่มมีสมาชิกใหม่คือ ลูกน้อยน่ารักเพิ่มเข้ามา การเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านพร้อมกับลูกน้อยอันตรายต่อลูกน้อยหรือไม่ วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน เลี้ยงเด็กกับแมวได้ไหม การเลี้ยงแมวกับลูกนั้นสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะเลี้ยงแมวในบ้าน ไม่ควรจะปล่อยแมวออกไปข้างนอกบ่อยนัก เพราะแมวที่อยู่นอกบ้าน หรือแมวที่เลี้ยงแบบเปิดโล่งมีโอกาสที่ติดเชื้อมากกว่าแมวที่อยู่ในบ้าน เช่น พยาธิ ไข้ตับอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า แคมไฟโลแบคเตอร์ และพยาธิ รวมถึงการพาแมวไปหาสัตวแพทย์บ่อย ๆ ก็จะเป็นวิธีช่วยให้เสริมความมั่นใจ และเสริมสุขภาพที่ดีให้กับแมวได้โดยควรพาแมวไปตรวจอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี และควรใช้ยากำจัดพยาธิด้วย อันตรายจากแมวที่อาจเกิดขึ้นได้กับเด็ก  ก่อนที่คุณแม่จะตัดสินใจเลี้ยงแมวในบ้าน ควรคำนึงถึงอันตราย ดังนี้ 1.ทำให้เด็กขาดอากาศหายใจ คุณแม่ไม่ควรให้แมวนอนใกล้ ๆ กับเด็ก และควรปิดประตูห้องให้สนิททุกครั้งเมื่อเด็กนอน เพื่อไม่ให้แมวเข้าไปรบกวนเด็ก เพราะแมวบางตัว มีนิสัยชอบคลุกคลีกับคน ซึ่งหากเด็กกำลังนอนอยู่ แมวอาจขึ้นไปนอนทับใบหน้าของเด็ก จนทำให้เด็กหายใจไม่ออกได้ 2.เด็กกินขนแมว แมวมักจะขนร่วง ซึ่งหากลูก ๆ ของคุณแม่ยังเป็นทารก อาจมีบางครั้งที่เขาเผลอหยิบจับขนแมวเข้าปาก หากเด็กคนไหนเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว อาการภูมิแพ้อาจกำเริบได้ แต่อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่ที่โตมากับแมวและสุนัขมักจะไม่ค่อยเป็นโรคภูมิแพ้ 3.โดนแมวข่วน เมื่อเด็กๆ […]

ลูกเล่นมือถือก่อนวัย อาจจะส่งผลเสียระยะยาว คุณพ่อแม่คุณต้องระวัง

ลูกเล่นมือถือก่อนวัย

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง ลูกเล่นมือถือก่อนวัย อาจจะส่งผลเสียระยะยาว คุณพ่อแม่คุณต้องระวัง สมัยนี้โทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ทุกคนต้องพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา แม้จะเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ ก็สามารถใช้โทรศัพท์มือถือเป็นแล้ว ทำให้เด็กสมัยใหม่ไม่ได้เล่นเหมือนกับเด็กยุคก่อนๆ แต่หันมาเล่นเกมและเสพความบันเทิงผ่านทางมือถือแทน ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้เตือนเอาไว้ว่า อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวอาจจะไปถึงสุขภาพจิตของลูกได้เลย ซึ่งจะจริงไหม ไปหาคำตอบกัน ควรให้ลูกดูโทรศัพท์ตอนไหน   ซึ่งอายุที่เหมาะสมสำหรับการให้ลูกใช้โทรศัพท์จะแตกต่างกันตามช่วงวัย เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ เพราะอาจส่งผลต่อพัฒนาการและจินตนาการของเด็ก สำหรับเด็กที่อายุ 3-6 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกเล่นโทรศัพท์มือถือได้ไม่เกิน 30 นาที ส่วนเด็กที่อายุ 6 ขวบขึ้นไป ถือเป็นวัยที่เริ่มมีพัฒนาการและสามารถมีวิจารณญาณในการรับรู้ได้ แต่ถ้าปล่อยให้ลูกเล่นมือถือมากเกินไป ก็อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ สายตาเสีย เกิดโรคอ้วน และส่งผลต่อสุขภาพจิตตามมา เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือครั้งละไม่เกิน 1 ชั่วโมง อาการที่บ่งบอกว่าลูกกำลังติดมือถือมากเกินไป – สนใจหรือเลิกทำกิจกรรมที่เคยชอบ – เลยหน้าที่ความรับผิดชอบ – ควบคุมเวลาเล่นมือถือของตนเองไม่ได้ – หงุดหงิด โมโหรุนแรง เด็กเล่นมือถือกระทบสุขภาพ การวิจัยของแพทย์พบว่า เด็กเล่นโทรศัพท์มือถือนาน ๆ จะมีผลต่อพัฒนาการของสมอง […]

ลูกนอนฝันร้าย ละเมอ ตื่นกลางดึก อาการเหล่านี้ปกติหรือไม่

ลูกนอนฝันร้าย

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง ลูกนอนฝันร้าย ละเมอ ตื่นกลางดึก อาการเหล่านี้ปกติหรือไม่ ฝันร้ายเป็นภาวะที่พบได้ทุกวัย แต่มักพบในเด็กอายุระหว่าง 3–6 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เด็กตกใจกลัวและตื่นกลางดึก ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกกลัวจนไม่สามารถนอนหลับต่อได้ ทั้งนี้ เด็กส่วนมากจะฝันร้ายน้อยลงเมื่อโตขึ้น แต่หากฝันร้ายเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรบกวนการนอนหลับ ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลอันตรายต่อลูกหรือไม่  ลูกฝันร้าย ควรทำอย่างไร จะมีอาการตั้งแต่ นอนกระสับกระส่าย จนไปถึงส่งเสียงกรีดร้องเสียงดัง การดูแลเด็กในช่วงเวลานั้น ก็โดยการปลุกให้ตื่น แล้วกอดปลอบโยนให้เด็กสงบจากความตกใจกลัว บอกให้รู้ว่า แม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว ไม่ต้องกลัว ให้เขาสงบแล้วหลับต่อเอง ทั้งนี้อาจไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ หรือพาไปล้างหน้า เพราะอาจทำให้เด็กตื่นจนกลับไปนอนหลับยาก เด็กกลุ่มนี้จะจำความฝันได้ ลองให้เขาเล่าว่าฝันถึงอะไร จะได้รู้ว่าเขากังวลใจเรื่องไหน เพื่อที่จะแก้ไขได้ถูกต้อง เด็กนอนละเมอ ควรทำอย่างไร เป็นอีกภาวะที่พบได้บ่อยในเด็กวัยอนุบาล เด็กจะมีอาการลืมตาตื่นเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ขยับแขน ขา ไปมา อาจร้องโวยวายเสียงดัง หรือ ร้องไห้ บางราย เดินละเมอได้ กรณีนี้ จะปลุกตื่นยาก ถ้าตื่นมาก็จะจำไม่ได้ว่าฝันอะไร เมื่อเด็กมีภาวะนี้คุณแม่สามารถดูแลโดยการให้เขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ดูแลไม่ให้ตกเตียง กลุ่มนี้จะไม่ตอบสนองต่อการปลอบโยน จะหายได้เองเมื่อโตขึ้น สาเหตุที่ทำให้ลูกฝันร้าย เรื่องของการฝันร้ายไม่สามารถเจาะจงสาเหตุได้แน่ชัด […]

อาการข้างเคียงหลังลูกน้อยฉีดวัคซีน ที่พ่อแม่ควรรู้และต้องเฝ้าระวัง

อาการข้างเคียงหลังลูกน้อยฉีดวัคซีน

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง อาการข้างเคียงหลังลูกน้อยฉีดวัคซีน ที่พ่อแม่ควรรู้และต้องเฝ้าระวัง การฉีดวัคซีน ของเด็กในช่วงวัยเเรกเกิดจนถึงช่วงอายุ 12 ปี นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อเเม่ไม่ควรละเลย เพราะการฉีดวัคซีนเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน โดยหลังจากฉีดวัคซีนเเล้วคุณพ่อคุณเเม่ควรสังเกตุอาการเบื้องต้นก่อนประมาณ 30 นาที เช่น หายใจลำบาก เพราะลูกน้อยอาจจะมีผลข้างเคียงจากวัคซีนเกิดขึ้นก็ได้ ถ้าเกิดมีอาการข้างเคียงคุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไรดี สร้างภูมิคุ้มกันด้วย “วัคซีน” ตั้งแต่วัยแรกเกิด การฉีดวัคซีนให้กับลูกน้อย เริ่มได้ตั้งแต่วัยแรกเกิดไปจนถึงอายุ 12 ปี โดยวัคซีนส่วนใหญ่จะผลิตมาจากเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกทำให้อ่อนแรงด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อเชื้อโรคที่อ่อนแรงจนไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้ถูกฉีดเข้าไป จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มขึ้นมาได้ กำหนดการฉีดวัคซีนของเด็กในแต่ละวัย การฉีดวัคซีนในเด็กจะเป็นไปตามแบบแผนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ โดยสำนักโรคติดต่อมีการสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนได้ฟรีสำหรับเด็กทุกคนในปี 2561 จำนวน 9 ชนิด ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้ถึง 11 โรค คือ วัคซีนวัณโรคหรือวัคซีนบีซีจี วัคซีนโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี วัคซีนโรคคอตีบ วัคซีนโรคไอกรน วัคซีนโรคบาดทะยัก วัคซีนโรคโปลิโอที่มีทั้งแบบชนิดรับประทานและชนิดฉีด วัคซีนโรคหัด วัคซีนโรคหัดเยอรมัน วัคซีนโรคคางทูม วัคซีนโรคไข้สมองอักเสบเจอี และวัคซีนโรคเอชพีวี นอกจากนี้ยังมีวัคซีนเสริมที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกฉีดเพิ่มเติมได้ตามคำแนะนำของแพทย์ อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนที่ต้องระวัง อาการข้างเคียงหลัง การฉีดวัคซีนของลูกน้อย และวิธีดูแลที่ถูกวิธี หลังฉีดวัคซีนด้วยสภาพร่างกายของเด็กและชนิดของวัคซีนที่ได้รับ […]

ลูกน้อยเลือดกำเดาไหล อันตรายแค่ไหน สัญญาณบ่งบอกที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ

ลูกน้อยเลือดกำเดาไหล

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง ลูกน้อยเลือดกำเดาไหล อันตรายแค่ไหน สัญญาณบ่งบอกที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ช่วงอากาศร้อน ลูกน้อยอาจมีเลือดกำเดาไหล เช็กอาการอย่าปล่อยผ่าน เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณอันตรายแรกเริ่ม มาดูวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการป้องกันเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก อาการเลือดกำเดาไหล  อาการเลือดกำเดาไหล หรือ Epistaxis หมายถึง การที่มีเลือดออกจากโพรงจมูก ทางด้านหน้าหรือด้านหลังโพรงจมูก อาจออกข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ สามารถพบได้ทุกเพศและทุกวัย มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สาเหตุที่พบบ่อยของเลือดกำเดาไหลคืออะไร สาเหตุที่พบบ่อยของเลือดกำเดาไหล มักจะเกิดจากการแคะ แกะ เกา ในโพรงจมูกอย่างแรง จนเส้นเลือดฝอยในจมูกแตก โดยเฉพาะในเด็ก จึงมักพบเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 2 ขวบจนถึงช่วงวัยประถมต้น ( 2-10 ปี ) เมื่อเด็กโตขึ้นอาการจึงมักจะดีขึ้น จนหายไปได้เอง ในฤดูกาล ที่อากาศเย็น และ แห้ง เช่นฤดูหนาว หรือ เกิดจากอุบัติเหตุกระทบกระแทกบริเวณจมูก และ ใบหน้า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหลได้บ่อย นอกจากนี้เลือดกำเดาไหล อาจเกี่ยวข้องกับการสั่งน้ำมูกแรง ๆ เพราะจมูกบวม อักเสบ จากสาเหตุต่าง […]