เลือดออกขณะตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วจะอันตรายหรือเปล่า

เลือดออกขณะตั้งครรภ์

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง เลือดออกขณะตั้งครรภ์ เกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วจะอันตรายหรือเปล่า เลือดออกขณะตั้งครรภ์เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุที่อันตรายและไม่อันตราย จึงควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยว่าสาเหตุที่มีเลือดออกจากช่องคลอดนั้น เกิดจากอะไรกันแน่ อันตรายแค่ไหน เมื่อมี “เลือดออกในช่องคลอด” ขณะตั้งครรภ์ โดยทั่วไป สตรีมีครรภ์ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ มักพบเลือดออกเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีเลือดออกในช่วงไตรมาสที่สองและสามจะถือว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินและอาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีเลือดออกในปริมาณมาก จึงควรไปพบสูตินรีแพทย์โดยเร็วที่สุด สาเหตุของเลือดออกขณะตั้งครรภ์ ปกติแล้วอาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์นั้นจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน และสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ  การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก อาการเลือดออกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจมีสาเหตุ เช่น 1. เลือดล้างหน้าเด็ก  คนท้องอาจมีเลือดล้างหน้าเด็กออกมาคล้ายเลือดประจำเดือนโดยมีลักษณะเป็นจุดเลือดเล็ก ๆ ในช่วง 6-12 วันแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากไข่ปฏิสนธิเข้าไปฝังตัวในผนังมดลูก ซึ่งปกติเลือดชนิดนี้จะหายไปได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือประมาณ 2-3 วัน 2. การแท้งบุตร  ภาวะนี้พบได้บ่อยที่สุดในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยมักจะส่งผลให้มีอาการปวดเกร็งหน้าท้องส่วนล่างอย่างรุนแรงหรือมีเนื้อเยื่อถูกขับออกมาทางช่องคลอด ทั้งนี้ คนท้องที่มีเลือดออกในช่วงแรกของการตั้งครรภ์อาจไม่ได้แท้งบุตรเสมอไป  3. ท้องนอกมดลูก  เกิดจากความผิดปกติของการปฏิสนธิของไข่และอสุจิ ทำให้ตัวอ่อนไปฝังตัวอยู่ภายนอกโพรงมดลูกโดยเฉพาะบริเวณท่อนำไข่ เมื่อเจริญเติบโตก็อาจส่งผลให้ท่อนำไข่แตก ทำให้มีเลือดออก ปวดเกร็งหน้าท้องส่วนล่างอย่างมาก หรือเวียนศีรษะได้ แม้ท้องนอกมดลูกจะเป็นอันตรายต่อร่างกายคุณแม่ แต่เป็นกรณีที่มักพบได้น้อย […]

คุณแม่หลังคลอดน้ำนมน้อย จะกู้น้ำนมยังไงได้บ้าง 

คุณแม่หลังคลอดน้ำนมน้อย

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง คุณแม่หลังคลอดน้ำนมน้อย จะกู้น้ำนมยังไงได้บ้าง ปัญหาน้ำนมน้อยอาจทำให้คุณแม่มือใหม่เป็นกังวล แต่รู้หรือไม่ว่าปัญหานี้พบได้น้อยมาก เพราะร่างกายของผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมออกมาได้มากกว่าปริมาณที่ทารกต้องการ แต่อาจมีปัจจัยบางอย่างที่ส่งผลให้คุณแม่หลายคนมีน้ำนมน้อยและไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูก ซึ่งสาเหตุเกิดจากอะไร บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน น้ำนมแม่เกิดขึ้นได้อย่างไร  กระบวนการการผลิตน้ำนมนั้น จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 โดยร่างกายของคุณแม่จะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า โปรแลคติน ไปกระตุ้นสมองส่วนหน้า ทำให้เกิดกระบวนการผลิตน้ำนม แต่ยังไม่หลั่งออกมาเพราะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สร้างจากเด็กทารกคอยยับยั้งไม่ให้เกิดการหลั่งอยู่ น้ำนมหด นมน้อย นมไม่พอ เกิดจากอะไร 1.คุณแม่เริ่มต้นให้ลูกดูดนมช้า  การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมให้ประสบความสำเร็จ คุณแม่ต้องให้ลูกดูดนม 30 นาที หรือมากกว่านั้น พอคุณแม่ให้ลูกดูดบ่อย ๆ จะทำให้กระบวนการกระตุ้นการสร้างน้ำนมมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณแม่ก็จะมีน้ำนมให้ลูกกินอย่างเพียงพอ 2.ท่าอุ้มให้นมแม่ ท่าอุ้มของคุณแม่ส่งผลต่อการดูดนมของทารกด้วยเช่นกัน หากคุณแม่อุ้มลูกในท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ลูกน้อยไม่สามารถดูดนมได้อย่างเต็มที่ น้ำนมจึงถูกกระตุ้นน้อยทำให้น้ำนมแม่ไหลน้อยตามมา 3.ลูกดูดนมผิดวิธี ปกติแล้วทารกจะดูดนมแม่โดยการอมจากหัวนมจนลึกเข้าไปจนถึงลานนม เมื่อลูกไม่สามารถดูดนมได้ลึกตามที่ควรจะเป็น นมจึงไหลออกมาได้น้อย 4.ปัญหาหัวนมของคุณแม่ บางครั้งคุณแม่อาจมีหัวนมแบนหรือหัวนมบอดทำให้ลูกไม่สามารถดูดนมได้อย่างเต็มที่ เมื่อน้ำนมไม่ถูกกระตุ้นอย่างเหมาะสม น้ำนมแม่จึงค่อย ๆ หดลงไปเรื่อย ๆ 5.ลูกดูดนมไม่บ่อย หัวใจหลักของการกระตุ้นน้ำนมของคุณแม่หลังคลอด คือ การให้ลูกดูดนมแม่บ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 8 ครั้ง […]

หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้ มีลูกหัวปีท้ายปีดีไหม ต้องรอระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะตั้งท้องคนถัดไปได้

หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้ มีลูกหัวปีท้ายปีดีไหม ต้องรอระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะตั้งท้องคนถัดไปได้ คลอดลูกเสร็จแล้ว คุณพ่อคุณแม่วางแผนปั๊มลูกคนต่อไปทันที แต่ก็มีคำถามว่าแบบนี้มันจะเร็วเกินไปไหม หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้แบบปลอดภัย แล้วท้องต่อไปมีอะไรให้ต้องระวังบ้างหรือเปล่านะ หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้ หลังจากคลอดลูกคนล่าสุดแล้ว แพทย์จะแนะนำระยะปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ครั้งใหม่คือ 1-2 ปี เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่ได้พักฟื้นจากการตั้งครรภ์ครั้งก่อนหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย คุณแม่คงสงสัยว่า หลังคลอดกี่เดือนถึงท้องได้ ซึ่งต้องดูจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น 1. ความพร้อมของร่างกายคุณแม่  ร่างกายคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูสุขภาพ ให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ การดูแลสุขภาพหลังคลอด และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ 2. การดูแลมดลูกหลังคลอด  การตั้งครรภ์ ทำให้มดลูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มดลูกจึงเป็นอวัยวะที่รับบทหนักมาตลอด 9 เดือน จากเดิมที่ขนาดมดลูกคล้ายกับผลของชมพู่ ก็ต้องค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับทารกในครรภ์ เมื่อผ่านการคลอดลูกแล้ว มดลูกยังต้องใช้เวลาในการบีบรัดให้กลับสู่สภาพเดิม ระหว่างนั้นคุณแม่ควรดูแลด้วยการประคบอุ่นบ้างจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดหลังคลอดได้ 3. การดูแลฝีเย็บ  ฝีเย็บจะอยู่ระหว่างอวัยวะเพศและทวารหนัก เมื่อคลอดธรรมชาติ คุณหมอจะกรีดให้คุณแม่คลอดได้ง่ายขึ้น และเย็บติดไว้ ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บตึงหลังคลอดได้ การเตรียมตัวก่อนมีลูกคนต่อไป จึงควรดูแลแผลฝีเย็บให้หายดีก่อน 4. การเลือกรับประทานอาหาร  […]

น้ำคร่ำ คืออะไร มีหน้าที่สำคัญต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์อย่างไร

น้ำคร่ำ คืออะไร

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง น้ำคร่ำ คืออะไร มีหน้าที่สำคัญต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์อย่างไร น้ำคร่ำ คืออะไร มีหน้าที่ มีประโยชน์กับทารกในครรภ์หรือเปล่า และระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองกำลังมีอาการของน้ำคร่ำรั่ว หรือน้ำคร่ำแตก ต้องเช็กอย่างไรหรือมีสัญญานเตือนแบบไหน ไปทำความรู้จักน้ำคร่ำกัน น้ำคร่ำ คืออะไร น้ำคร่ำ (Amniotic fluid) เริ่มมีขึ้นมาพร้อม ๆ กับการตั้งครรภ์ของคุณแม่ น้ำคร่ำในช่วงอายุครรภ์ไตรมาสแรกจะถูกสร้างขึ้นมาจากถุงแอมเนี่ยนหรือถุงการตั้งครรภ์ และเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ไตรมาส 2 เป็นต้นไป น้ำคร่ำจะมาจากปัสสาวะของทารกในครรภ์ ส่วนประกอบในน้ำคร่ำจะมีทั้งสารโซเดียม คลอไรด์ และเหล็ก น้ำคร่ำที่ถูกสร้างขึ้นในแต่ละวันจะมีปริมาณอยู่ที่ 700-900 ซีซี น้ำคร่ำ สีอะไร โดยปกติแล้วน้ำคร่ำนั้นจะเป็นสีเหลืองใส หรือสีใส แต่ในบางครั้งจะพบว่าภายในน้ำคร่ำนั้นจะถูกปนไปด้วยของเหลวที่มีลักษณะเป็นสีเขียว หรือสีน้ำตาล ซึ่งนั่นคือการขับถ่ายครั้งแรกของทารกในครรภ์ที่มีการถ่ายของเสียออกมาครั้งแรก ที่เรียกว่า meconium แต่การทำงานของลำไส้ครั้งแรกของทารกจะเกิดขึ้นหลังจากการคลอดแล้ว หากทารกได้มีการขับถ่ายครั้งแรกภายในครรภ์แล้ว จะทำให้ทารกได้รับของเสียจากร่างกายของตนเองผ่านเข้าสู่ปอดโดยน้ำคร่ำอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจที่รุนแรง หรือที่เรียกว่า การสำลักเมโคเนียม โดยเฉพาะของเหลวที่มีความหนืดหรือมีความเข้มข้นมาก หน้าที่ของน้ำคร่ำคืออะไร ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ลูกน้อยของคุณก็จะเจริญเติบโตอยู่ภายในถุงน้ำคร่ำ ภายในมดลูกของคุณ โดยถุงน้ำคร่ำนั้นจะเริ่มก่อตัวในช่วงประมาณ 12 วันหลังจากที่คุณตั้งครรภ์ […]

ทำไมคนท้องต้องติดเข็มกลัดเมื่อตั้งครรภ์ ติดแล้วสามารถช่วยอะไรได้บ้าง

ทำไมคนท้องต้องติดเข็มกลัด

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง ทำไมคนท้องต้องติดเข็มกลัดเมื่อตั้งครรภ์ ติดแล้วสามารถช่วยอะไรได้บ้าง บ่อยครั้งที่เราเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ หรือไปไหนมาไหน เวลาเห็นคนท้อง สิ่งที่เราอาจจะสังเกตเห็นเป็นอันดับแรกๆ นั่นก็คือ คนท้องมักจะกลัดเข็มกลัดเอาไว้ที่บริเวณครรภ์ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะเกิดความสงสัยกันว่า ทำไมว่าที่คุณแม่ต้องกลัดเข็มกลัดด้วย การติดเข็มกลัดสามารถช่วยอะไรได้บ้าง ไปหาคำตอบกัน เข็มกลัดคนท้องคืออะไร เข็มกลัดคนท้อง จริง ๆ ก็คือเข็มกลัดสำหรับใช้ในการกลัดผ้า หรือกลัดสิ่งของทั่วไปนี่แหละ แต่นอกจากจะใช้สำหรับการกลัดผ้าหรือสิ่งของเข้าด้วยกันแล้ว ยังนิยมใช้กลัดติดไว้ที่เสื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อีกด้วย โดยติดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้คนทั่วไปได้มองเห็นและรับรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังตั้งครรภ์ โปรดเอื้อเฟื้อแก่สตรีมีครรภ์ในกรณีต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก ซึ่งปัจจุบันเข็มกลัดคนท้องก็มีการออกแบบให้มีความน่ารัก เก๋ไก๋ สวยงาม น่าใช้งาน ติดแล้วดูมีความแฟชั่น ไม่ใช่เข็มกลัดทั่วไปแบบสมัยก่อน ทำไมคนท้องต้องติดเข็มกลัดคนท้อง หากจะมองว่าจำเป็นสำหรับคนท้องไหม แน่นอนว่าก็มีหลายกรณีที่เข็มกลัดคนท้องเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์แต่ถ้าจะมองในแง่ที่ว่าความเชื่อโบราณกับการติดเข็มกลัดคนท้องนั้นงมงาย หลายคนก็อาจจะมองว่าไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจและวิจารณญาณของแต่ละคน ความเชื่อโบราณ เกี่ยวกับเข็มกลัดคนท้อง 1. การป้องกันแท้งลูก – คนสมัยโบราณเชื่อว่าการติดเข็มกลัดบนเสื้อผ้าที่สวมใส่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแท้งลูกหรือการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งเปรียบเสมือนการแก้เคล็ดอย่างหนึ่ง – ไม่ควรประมาทกับการดูแลตัวเองนะคะคุณแม่ เพราะเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น คนทำสืบต่อกันมาเพื่อให้เกิดความสบายใจ คนท้องบางคนติดเข็มกลัดแล้ว แต่เกิดภาวะแท้งลูกได้เช่นกัน – เครื่องรางของขลังช่วยแก้เคล็ด มีผลดีต่อความมั่นใจในการเดินทาง […]

คนท้องกินแตงโมได้ไหม ถ้ากินมากไปจะอันตรายหรือเปล่า

คนท้องกินแตงโมได้ไหม

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง คนท้องกินแตงโมได้ไหม ถ้ากินมากไปจะอันตรายหรือเปล่า คนท้องกินแตงโมได้ไหม ความกังวลใจของว่าที่คุณแม่หลายท่าน คงหนีไม่พ้นเรื่อง “อาหาร” โดยเฉพาะ “แตงโม” ผลไม้สุดชื่นใจในหน้าร้อน หลายคนคงเคยได้ยินคำเตือนว่า “คนท้องห้ามกินแตงโม” แต่จะจริงหรือไม่ บทความมีข้อมูลมาฝากกัน มาทำความรู้จัก แตงโม กัน แตงโม เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง เป็นพืชในวงศ์เดียวกับแคนตาลูปและฟัก จัดเป็นพืชล้มลุกเป็นเถา อายุสั้น เถาจะเลื้อยไปตามพื้นดิน มีขนอ่อนปกคลุม ผลมีทั้งทรงกลมและทรงกระบอก เปลือกแข็ง  มีทั้งสีเขียวและสีเหลือง บางพันธุ์มีลวดลายบนเปลือก เนื้อในของแตงโมมีสีแดง และในเนื้อก็มีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ แตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก และหวานมากแต่มีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้บางชนิดเนื่องจากน้ำตาลในผลคือน้ำตาลกลูโคส ​ คนท้องกินแตงโมได้ไหม  ในอดีต มีความเชื่อโบราณที่ว่าคนท้องห้ามกินแตงโม เพราะอาจทำให้คลอดลูกยาก เสี่ยงแท้ง หรือท้องอืด ท้องเสีย แต่จริงหรือเปล่า มาหาคำตอบกัน – คนท้องกินแตงโมได้ แต่ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป – ควรสังเกตอาการหลังทาน หากมีอาการผิดปกติ ควรหยุดทาน และปรึกษาแพทย์ – ปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการ […]

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คำถามที่คุณแม่ตั้งครรภ์สงสัย มาหาคำตอบไปด้วยกัน

คนท้องกินโกโก้ได้ไหม

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง คนท้องกินโกโก้ได้ไหม คำถามที่คุณแม่ตั้งครรภ์สงสัย มาหาคำตอบไปด้วยกัน คำถามยอดฮิต โกโก้มีคาเฟอีนไหม คนท้องกินโกโก้ได้ไหม ยิ่งโดยเฉพาะ โกโก้ปั่น โกโก้เย็น อีกหนึ่งเครื่องดื่มยอดนิยม ที่หอม หวาน อร่อย ถูกใจใครต่อใคร ไม่เว้นแม้แต่คุณแม่ตั้งครรภ์หลาย ๆ คนที่ต่างก็ตกหลุมความอร่อยของเครื่องดื่มโกโก้ด้วย แต่การดื่มโกโก้ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ ส่วนผสมของโกโก้มีสารอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือเปล่า ไปหาคำตอบกัน โกโก้คืออะไร โกโก้ คือ เมล็ดของต้นคาเคา (Cacao) ซึ่งเมื่อถูกเก็บเกี่ยวแล้ว เมล็ดของต้นคาเคาก็จะถูกนำมาผ่านกระบวนการเพื่อแปรรูปรสชาติและเนื้อสัมผัส โดยอาจจะถูกใช้ทั้งเมล็ดสด เมล็ดแห้ง หรือถูกบดเป็นผง หรือนำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารยอดนิยมอย่างช็อกโกแลตด้วย  โกโก้มีคาเฟอีนไหม โกโก้ หรือเมล็ดคาเคานั้นนอกจากจะให้ความอร่อยจนติดลิ้นใครต่อใครแล้ว ก็ยังมีคาเฟ อีนอยู่ด้วย โดยโกโก้ที่แปรรูปเป็นผงแล้ว และใช้สำหรับในการชงดื่มนั้น ผงโกโก้เพียง 1 ช้อนชา ให้คาเฟอีนสูงถึง 6.6 มิลลิกรัมเลยทีเดียว และผงโกโก้เพียว ๆ แบบไม่หวาน หรือไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ ขนาด 100 กรัม (หรือ 3.5 […]

อาการใกล้คลอดเป็นแบบไหน สัญญาณเตือนใกล้คลอดที่คุณแม่ต้องรู้

อาการใกล้คลอดเป็นแบบไหน

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง อาการใกล้คลอดเป็นแบบไหน สัญญาณเตือนใกล้คลอดที่คุณแม่ต้องรู้ เมื่ออายุครรภ์ของคุณแม่มากขึ้น  เชื่อว่าคุณแม่หลายคนโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่มักจะมีความกังวลในเรื่องของการคลอดอย่างอาการใกล้คลอดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และการดูแลคนท้องก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซึ่งคุณแม่มักจะต้องคอยสังเกตสัญญาณเตือนใกล้คลอดอยู่เสมอ เนื่องจากอาการของคนใกล้คลอดแต่ละคนไม่เหมือนกันซึ่งมีทั้งอาการที่พบได้เป็นปกติและอาการผิดปกติที่ต้องไปพบแพทย์ อายุครรภ์เท่าไหร่ที่ปกติคุณแม่จะเริ่มมีอาการใกล้คลอด โดยปกติแล้วคุณแม่มักจะตั้งครรภ์หรืออุ้มท้องลูกน้อยประมาณ 38- 42 สัปดาห์ อาการใกล้คลอดของคุณแม่มักจะเกิดในช่วงสัปดาห์ที่ 38- 42 เนื่องจากมดลูกเริ่มมีการบีบตัว หรือหดเกร็งมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูกน้อย ส่วนใหญ่อาการใกล้คลอดมักจะเป็นอาการเจ็บท้อง  ซึ่งมีทั้งเจ็บท้องเตือนและเจ็บท้องจริง โดยคุณแม่จะต้องหมั่นคอยสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเองอยู่เสมอ ถ้าหากพบว่ามีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที อาการใกล้คลอด มีอะไรบ้าง   1.ปวดท้องคล้ายมีประจำเดือน อาการปวดท้องคล้ายมีประจำเดือนเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในช่วงใกล้คลอด อาการนี้เกิดจากการหดตัวของมดลูก ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด อาการปวดนี้อาจเริ่มจากเบา ๆ แล้วค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความเจ็บปวดที่ค่อนข้างหนัก ซึ่งบางครั้งอาจมีลักษณะเป็นช่วง ๆ หรือมีการหดตัวเป็นจังหวะ การสังเกตและจดบันทึกการหดตัวของมดลูกจะช่วยให้คุณแม่ทราบว่าความถี่และความรุนแรงของการหดตัวเป็นอย่างไร 2.ปวดหลัง  อาการปวดหลังเป็นอาการทั่วไปที่มักเกิดกับแม่ท้อง แต่หากเริ่มมีอาการปวดหลังรุนแรงมากขึ้น ซึ่งในบางครั้ง อาจมาจากการที่ศีรษะของเด็กในครรภ์ ไปสัมผัสกับกระดูกสันหลังของแม่ท้องจึงทำให้มีอาการปวดหลังรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอีกสัญญาณของการใกล้คลอดได้เช่นกัน  3.มีน้ำใส ๆ หรือมูกเลือดออกจากช่องคลอด การที่มีน้ำใส ๆ หรือมูกเลือดออกจากช่องคลอดเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าปากมดลูกเริ่มเปิดและบางลง มูกเลือดที่ออกมานั้นเป็นผลจากการที่ปากมดลูกขยายและเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด […]

คุณแม่ตั้งครรภ์มีเซ็กส์ได้หรือไม่ อันตรายไหม

คุณแม่ตั้งครรภ์

บทความนี้ขอแนะนำ บทความเรื่อง คุณแม่ตั้งครรภ์มีเซ็กส์ได้หรือไม่ อันตรายไหม ท้องแล้วมีเซ็กส์ได้มั้ย คงเป็นคำถามคาใจของคุณแม่หลาย ๆ คน บ้างก็กลัวและกังวลว่าจะกระทบกับลูกในท้อง บ้างก็ไม่มีความรู้สึกอยากจะมีอะไรกับสามีเพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ทำให้อารมณ์เปลี่ยน แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าไม่ทำการบ้าน สามีจะไปมีคนอื่น เกิดปัญหาครอบครัวตามมาเสียมากกว่า บทความนี้มีคำตอบมาฝากกันว่า ต้องท้องมีเซ็กส์ได้ไหม มีเพศสัมพันธ์ตอนท้อง อันตรายหรือเปล่า ในความกังวลนี้ ก็มีข้อมูลความจริงอยู่ว่า การมีเซ็กส์ขณะตั้งครรภ์ ถือเป็นกิจกรรมทางเพศที่มีความปลอดภัย และไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ทั้งต่อแม่และเด็กในท้อง แต่เนื่องจากคุณแม่แต่ละท่านก็มีปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป ในคุณแม่ที่มีตัวครรภ์ไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ การมี เซ็กส์ถือว่าเป็นเรื่องที่ปลอดภัย และสามารถทำได้ ขณะที่คุณแม่บางท่านซึ่งอาจจะมีปัญหาสุขภาพมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาสุขภาพเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เช่น เคยมีเลือดออกขณะตั้งครรภ์  เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด (Preterm Labor) หรือมีประวัติการคลอดก่อนกำหนดในครรภ์ก่อนหน้า มีภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa) หรือมีภาวะปากมดลูกปิดหลวม (Incometence cervix) แพทย์อาจพิจารณาให้งดเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะคลอด เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของแม่และเด็ก คนท้องมีเพศสัมพันธ์ได้ถึงกี่เดือน โดยทั่วไปแล้วคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ ตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง ท้องในไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส […]

คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม ทานแล้วจะส่งผลอันตรายหรือเปล่า

คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม

บทความนี้ขอแนะนำบทความเรื่อง คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม ทานแล้วจะส่งผลอันตรายหรือเปล่า สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่รักสุขภาพ และชื่นชอบการรับประทานปลาดิบเป็นประจำอยู่แล้ว อาจกำลังสงสัยว่า คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม กินแล้วจะเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์หรือเปล่า บทความนี้มีคำตอบมาฝากกัน คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม หากคุณแม่สงสัยว่าคนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม คำตอบคือทานปลาแซลมอนได้แต่ไม่ควรทานแบบดิบ ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เนื่องจากในตัวปลานั้น อาจมีพาหะของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้ ซึ่งการรับประทานแซลมอนดิบ หรือแซลมอนรมควันเย็น ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้อลิสทีเรีย (Listeria) ที่ได้มาจากเชื้อแบคทีเรียในตัวปลานั่นเอง หากคุณแม่ได้รับเชื้อ ก็อาจเสี่ยงที่จะเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย หรือถึงขั้นแท้งบุตรได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรรับประทานแซลมอน รมควันร้อน หรือแซลมอนสุกไปก่อนในช่วงตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวคุณแม่ และทารกในครรภ์ด้วย คนท้องกินแซลมอนได้มากเท่าไหร่  อย่างที่รู้กันว่าปลาแซลมอนนั้น ให้สารอาหารที่สำคัญ และดีเยี่ยม และถือเป็นอาหารที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง เมื่อปรุงให้สุก แต่คุณแม่ก็ควรจำกัดปริมาณในการรับประทาน เพราะในตัวแซลมอนนั้น มีสารปรอทที่เป็นอันตราย ซึ่งหากรับประทานมากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ ก็อาจส่งผลให้ร่างกายเกิดการสะสมของสารปรอท จนส่งผลอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้ ทำให้สมองของลูกได้รับความเสียหาย และอาจมีปัญหาทางการมองเห็น และการได้ยิน แซลมอนและประโยชน์สำหรับคนท้อง แซลมอน ถือเป็นเนื้อปลาที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ซึ่งดีต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์มากเลย 1.แซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ช่วยบำรุงสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม บำรุงผิวให้แข็งแรง […]