คุณแม่หลังผ่าคลอดทานผลไม้อะไรได้บ้าง ผลไม้ชนิดไหนช่วยฟื้นฟูร่างกาย 

หลังผ่าคลอด

บทความนี้ขอแนะนำ “คุณแม่หลังผ่าคลอดทานผลไม้อะไรได้บ้าง ผลไม้ชนิดไหนช่วยฟื้นฟูร่างกาย” เพราะผักผลไม้มีวิตามินเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย ยิ่งเป็นคุณแม่หลังคลอดที่ต้องให้นมลูก การทานผักผลไม้จะช่วยบำรุงน้ำนมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผลไม้บางชนิดยังช่วยบำรุงร่างกายทำให้คุณแม่ฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้นอีกด้วย  แม่ผ่าคลอดกินผลไม้อะไรได้บ้าง หลังผ่าคลอดร่างกายของคุณแม่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูเป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณแม่ได้เสียเลือดไปมาก และมีแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง จึงจำเป็นต้องรับประทานผลไม้เพื่อช่วยในการสมานแผล และช่วยบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เรามาดูกันดีกว่าว่ามีผลไม้อะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อคุณแม่หลังคลอด 1.มะละกอสุก ในอดีต อาหารหลังคลอด ของคุณแม่มักจะจำกัด แต่ในปัจจุบันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วสามารถที่จะรับประทานอาหารได้หลากหลายขึ้น และมะละกอจัดว่าเป็นผลไม้บำรุงร่างกายคุณแม่หลังคลอดเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้มะละกอยังช่วยบำรุงน้ำนมช่วยให้การผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นด้วย โดยมะละกออุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไฟเบอร์ การทานมะละกอจะช่วยให้ร่างของคุณแม่กระปรี้กระเปร่า และระบบขับถ่ายได้ดีขึ้น 2.กล้วย กล้วยเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้หลังผ่าคลอด สำหรับคุณแม่ ที่มีประโยชน์มากมาย เพราะกล้วยอุดมไปด้วยโพแทสเซียม และไฟเบอร์ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณแม่หลังคลอดดีขึ้น นอกจากนี้กล้วยยังช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ช่วยให้คุณแม่หลังคลอดฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่อีกด้วย 3.แคนตาลูป แคนตาลูปถือเป็นอีกหนึ่ง ผลไม้หลังผ่าคลอด ที่คุณแม่สามารถทานได้ ในช่วงที่ให้นมลูกการทานแคนตาลูปที่ให้น้ำมากจะช่วยทดแทนน้ำที่ขาดไปจากการนำไปผลิตน้ำนมให้ลูก นอกจากนี้แคนตาลูปยังช่วยปรับสมดุลร่างกาย เพราะแคนตาลูปอุดมไปด้วยวิตามินซี ทั้งยังให้รสชาติที่หวานฉ่ำทานแล้วช่วยให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย 4.อะโวคาโด อะโวคาโดเป็น อาหารหลังคลอด ที่ดีของคุณแม่ เพราะอุดมไปด้วยไขมันที่ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระและโปรตีนที่สูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และที่สำคัญยังมีโพแทสเซียมสูงอีกด้วย ซึ่งดีทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยเลยทีเดียว […]

Babymoon Trip พาลูกในครรภ์เที่ยว  คืออะไร แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

พาลูกในครรภ์เที่ยว

บทความนี้ขอแนะนำ “Babymoon Trip พาลูกในครรภ์เที่ยว  คืออะไร แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง” พาลูกในครรภ์เที่ยว อาจมีความคล้ายคลึงกับการฮันนีมูน นั่นคือ การไปพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมก่อนคลอด โดยมีทารกในครรภ์ร่วมเดินทางไปด้วย แต่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ช่วงไหนถึงจะปลอดภัยและเหมาะที่สุดกับการไปเบบี้มูนครั้งนี้ล่ะ Babymoon Trip คืออะไร คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอาจเคยได้ยินการไปเที่ยวแบบ “Babymoon” หรือ “Babymoon Trip” แต่อาจไม่เข้าใจความหมาย หากคุณแม่ยังตั้งครรภ์อยู่และไม่ได้อยู่ในช่วงที่สุ่มเสี่ยงจะถึงกำหนดคลอด สามารถเที่ยวแบบ Babymoon ได้ เพราะการเที่ยวแบบนี้ คือ การไปเที่ยวกับคนรัก โดยที่มีเจ้าตัวน้อยอยู่ในครรภ์ เหมือนกับการพาลูกไปเที่ยว ก่อนที่ลูกจะคลอดออกมาลืมตาดูโลกนั่นเอง ถือเป็นการเติมความหวาน และเป็นการเติมเต็มช่วงเวลาที่พิเศษของคู่รัก ก่อนที่หลังจากนี้จะต้องปรับตัว และให้เวลาส่วนมากกับทั้งการทำงาน และการดูแลทารกที่ถือว่าไม่ง่ายเลย  อายุครรภ์เท่าไหร่เหมาะต่อการไปเที่ยวแบบ Babymoon ถ้าจะให้สบายตัวที่สุด แนะนำให้ว่าที่คุณแม่ให้ออกไปเที่ยวในช่วงไตรมาส 2 คือช่วง 14-28 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงที่อาการดีขึ้นจากการแพ้ท้อง เพราะในไตรมาสแรก ส่วนใหญ่คุณแม่จะคลื่นไส้อาเจียน ทานได้น้อย เหม็นทุกอย่าง อยากนอนอย่างเดียว พอเข้าไตรมาส 2 อาการแพ้เริ่มดีขึ้น อาหารเริ่มเป็นมิตร รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น […]

เป็นไข้เลือดออกตอนตั้งครรภ์อันตรายไหม ภัยร้ายที่ต้องเฝ้าระวัง

ไข้เลือดออก

บทความนี้ขอแนะนำ “เป็นไข้เลือดออกตอนตั้งครรภ์อันตรายไหม ภัยร้ายที่ต้องเฝ้าระวัง” ไข้เลือดออก ไม่ใช่แค่ทำอันตรายกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะหากคุณแม่ตั้งครรภ์ติดเชื้อนี้  ก็จะส่งผลอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยจนทำให้ถึงกับแท้งหรือตกเลือดได้ทั้งตอนตั้งครรภ์และขณะคลอด ซึ่งบทความนี้มีข้อมูลของไข้เลือดให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เฝ้าระวังกันมาฝากกัน ไข้เลือดออก คืออะไร ไข้เลือดออก คือโรคที่เกิดจากไวรัสเดงกี (Dengue) ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งพบได้บ่อยมากในประเทศไทยที่มีจำนวนยุงลายเยอะมาก ทำให้ประเทศไทยสามารถพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกได้ตลอดปี แต่มักมีการระบายหนักในช่วงฤดูฝน ที่มีจำนวนยุงลายมากเป็นพิเศษ อาการของโรคไข้เลือดออกนั้นจะแสดงอาการได้ในเฉลี่ยหลังจากถูกยุงกัด 3-15 วัน (โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 5-6 วัน) โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ติดเชื้อแต่อาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลย  คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นไข้เลือดออก ไม่เพียงแต่มีความเสี่ยงของตัวเองเท่านั้น เชื้อยังอาจผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ และทำให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยผิดปกติ คลอดก่อนกำหนด หรือเสียชีวิตในครรภ์ได้ แต่ไม่ได้ไปทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดของทารก ในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจจะมีอาการทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ อาการไข้เลือดออก ทั้งหมด 3 รูปแบบ 1.อาการที่มีเหมือนกันนั้นก็คือ จะมีไข้สูง และอาจมีผื่นเป็นปื้น และเกิดจุดแดง ๆ คล้ายหัดตามผิวหนัง อาการนี้โดยปกติมักเกิดในเด็กเล็กมากกว่า 2.อาการนี้จะมีไข้สูงเช่นกัน และจะมีอาการปวดทั่วร่างกาย เช่น ปวดรอบศีรษะ […]

แม่ตั้งครรภ์เป็นธาลัสซีเมีย ลูกในท้องมีโอกาสเป็นหรือเปล่า ป้องกันอย่างไรดี

แม่ตั้งครรภ์เป็นธาลัสซีเมีย

บทความนี้ขอแนะนำ “แม่ตั้งครรภ์เป็นธาลัสซีเมีย ลูกในท้องมีโอกาสเป็นหรือเปล่า ป้องกันอย่างไรดี” ธาลัสซีเมีย เป็นหนึ่งในโรคที่ใครหลายคนรู้จักและเคยได้ยินกัน โรคนี้อันตรายแค่ไหน หากคนท้องเป็นโรคนี้ หรือเป็นพาหะธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ แล้วลูกในครรภ์จะได้รับความเสี่ยงด้วยหรือไม่ บทความนี้มีข้อมูลมาฝากกัน ธาลัสซีเมีย โรคทางพันธุกรรมนี้คืออะไร โรคธาลัสซีเมีย หรือโรคโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของหน่วยพันธุกรรมแบบยีนด้อย ทำให้ร่างกายสร้างจำนวนฮีโมโกลบินซึ่งเป็นสารสีแดงในเม็ดเลือดแดงลดลง มีผลให้เม็ดเลือดแดงผิดปกติแตกง่าย นำไปสู่ภาวะโลหิตจางเรื้อรังหรือภาวะซีด และสภาวะแทรกช้อนอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี มีการเจริญเติบโตช้า มีภาวะเหล็กเกิน การทำงานของหัวใจ และตับผิดปกติ เบาหวาน เป็นต้น  โรคนี้สามารถเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งทารกจะได้รับยีนผิดปกติที่พ่อและแม่เป็นผู้ถ่ายทอดไปยังลูก ดังนั้นคู่แต่งงานที่กำลังวางแผนจะมีลูก หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรให้ความใส่ใจกับโรคนี้เป็นพิเศษ ธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ แม่ตั้งครรภ์เป็นธาลัสซีเมีย จะแบ่งออกได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ “เป็นพาหะธาลัสซีเมีย” จะมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทุกอย่าง แต่จะมียีนด้อยธาลัสซีเมียแฝงอยู่ และอาจถ่ายทอดสู่ลูกในท้องได้ ส่วน “เป็นโรคธาลัสซีเมีย” จะแสดงอาการให้เห็นชัดเจน เช่น ซีด ตาเหลือง อ่อนเพลีย      ท้องป่อง ตับและม้ามโต […]

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอารมณ์แปรปรวน โกรธ หงุดหงิด เอาแต่ใจ ต้องเข้าใจและควรรับมืออย่างไรดี

แม่ตั้งครรภ์มีอารมณ์แปรปรวน โกรธ หงุดหงิด

บทความนี้ขอแนะนำ “เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอารมณ์แปรปรวน โกรธ หงุดหงิด เอาแต่ใจ ต้องเข้าใจและควรรับมืออย่างไรดี” สาเหตุที่อารมณ์คุณแม่ตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยววีน อ่อนไหวง่าย  จนคนรอบข้างตามไม่ทัน โดยเฉพาะสามีที่รัก อาจจะงงอยู่พักใหญ่ อีกหนึ่งปัญหาหนักใจที่คนท้องอยากบอก โปรดเข้าใจอารมณ์คนท้อง ซึ่งอารมณ์แบบนี้เกิดจากสาเหตุใด บทความนี้มีคำตอบมาฝากกัน คนท้องอารมณ์แปรปรวน เกิดจากอะไร คนท้องอารมณ์แปรปรวน เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งเป็นฮอร์โมนคนท้องที่เกิดขึ้นกับคนท้องทุกคน ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยฮอร์โมนคนท้อง เป็นผลให้ระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (Serotonin) สารสื่อประสาทในกลุ่มแคททีโคลามีน (cathecholamines) โดยเฉพาะนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) มีความไม่สมดุล ส่งผลให้คนท้องอารมณ์แปรปรวน มีอารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย หากรับมือไม่ได้ อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า ส่งผลเสียต่อสุขภาพคุณแม่ และพัฒนาการทารกอีกด้วย  อารมณ์คุณแม่ตั้งครรภ์ ไตรมาสแรก คุณแม่ท้องอ่อนในช่วงไตรมาสแรก การเพิ่มขึ้นของระดับ ฮอร์โมนจะส่งผลให้คุณแม่กลายเป็นคนขี้รำคาญ หงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย แถมยังรู้สึกน้อยใจกับเรื่องง่าย ๆ และเอาแต่ใจตัวเองเพิ่มขึ้น บางครั้งก็เกิดอารมณ์อ่อนไหว ซึมเศร้า ร้องไห้ง่าย แถมอารมณ์ทางเพศยังไม่ค่อยคงที่ด้วยนะ อารมณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ ในไตรมาสแรกนั้น คุณพ่อ […]

อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ในระยะ 3 เดือนแรกที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้

อาการบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์

บทความนี้ขอแนะนำ “อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ในระยะ 3 เดือนแรกที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้” อาการคนท้อง เป็นกลุ่มอาการที่จะบอกให้คุณแม่ทราบและสังเกตตัวเองได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า นี่ฉันอาจจะกำลังตั้งครรภ์รึเปล่านะ แต่อาการคนท้องระยะแรก ๆ ที่สามารถสังเกตได้มีอะไรบ้าง และอาการคนท้องจะเริ่มขึ้นตอนไหน บทความนี้มีคำตอบมาฝากกัน อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะกำลังตั้งครรภ์ สำหรับคุณแม่ที่เคยผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว ย่อมรู้ถึงอาการต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณบอกถึงการตั้งครรภ์เป็นอย่างดี หรือบางคนแม้จะผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว ก็อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับอาการตั้งครรภ์ก็เป็นไปได้เช่นกัน อาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะกำลังตั้งครรภ์ มีอาการแบบไหนบ้าง เพื่อให้ว่าที่คุณแม่รู้และเตรียมรับมือให้ได้ 1.ประจำเดือนขาด เริ่มแรกเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ จะมีอาการประจำเดือนขาด ดังนั้นถ้าคุณแม่มีการจดบันทึกการมารอบเดือนก็จะทำให้สังเกตได้ง่าย ซึ่งหากประจำเดือนของคุณแม่ขาดเกิน 10 วัน ก็สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการประจำเดือนขาดสามารถเกิดขึ้นได้หากร่างกายเกิดความเครียด กินยาคุมกำเนิด หรือเป็นโรคบางชนิด 2.เต้านมคัด ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจพบว่าหน้าอกหรือเต้านมนั้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยหน้าอกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น หากคล้ำแล้วจะรู้สึกแข็งกว่าปกติและมีอาการเจ็บร่วมด้วย อาการเหล่านี้อาจค่อย ๆ รุนแรงขึ้นจนทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสโดนหน้าอกหรือมีการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่อาการคัดเต้านมอาจลดน้อยลงหลังจากตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน 3.อาการคลื่นไส้ หรืออาการแพ้ท้อง สำหรับผู้ที่เพิ่งตั้งท้องได้ 1 […]

คนท้องกินนมเปรี้ยวได้ไหม นมเปรี้ยวมีประโยชน์กับคนท้องเป็นอย่างไร 

คนท้องกินนมเปรี้ยวได้ไหม

บทความนี้ขอแนะนำ “คนท้องกินนมเปรี้ยวได้ไหม นมเปรี้ยวมีประโยชน์กับคนท้องเป็นอย่างไร” เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์แล้วอาจจะอยากกินนมเปรี้ยว หรือเป็นคนชอบกินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่คนท้องกินนมเปรี้ยวได้ไหม การกินนมเปรี้ยวในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ อาจต้องศึกษาฉลากให้ดี หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะคนท้องสามารถกินนมเปรี้ยวได้ แต่การกินต้องเลือกให้ถูกและดื่มในปริมาณพอเหมาะเพื่อให้ผลดีต่อสุขภาพครรภ์ มาทำความรู้จักประเภทของนมเปรี้ยว 1. นมเปรี้ยว หมายถึง ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากนมหรือผลิตภัณฑ์นมซึ่งเกิดจากการหมักบ่มด้วยจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดกรดแล็กติกเป็นหลัก  2. โยเกิร์ต หมายถึง นมเปรี้ยวซึ่งมีจุลินทรีย์ใช้ในการหมักบ่มที่มีชีวิตคงเหลืออยู่ 3. โยเกิร์ตปรุงแต่ง  หมายถึง โยเกิร์ตที่ผ่านการปรุงแต่งกลิ่น รส สี หรือวัตถุอื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ แยม เป็นต้น ซึ่งอาจแยกชั้นในภาชนะบรรจุ หรือผสมรวมเข้าด้วยกัน  และมีจุลินทรีย์ใช้ในการหมักบ่มที่มีชีวิตคงเหลืออยู่ 4. นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม  หมายถึง นมเปรี้ยวที่ผ่านการเจือจางและปรุงแต่งกลิ่น รส สี หรือวัตถุอื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น น้ำผลไม้ น้ำผึ้ง เป็นต้น สำหรับดื่มโดยตรง และมีจุลินทรีย์ใช้ในการหมักบ่มที่มีชีวิตคงเหลืออยู่  5. นมเปรี้ยวพร้อมดื่มพาสเจอไรซ์ หมายถึง นมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่ผ่านการทำลายจุลินทรีย์ ด้วยความร้อนโดยกระบวนการพาสเจอไรซ์ และมีจุลินทรีย์ใช้ในการหมักบ่มที่มีชีวิตจำนวนหนึ่ง 6. นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม […]

คุณแม่ตั้งครรภ์ทาเล็บได้หรือไม่ จะเป็นอันตรายกับทารกในครรภ์หรือเปล่า

คู่มือสำหรับ คุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “คุณแม่ตั้งครรภ์ทาเล็บได้หรือไม่ จะเป็นอันตรายกับทารกในครรภ์หรือเปล่า” แม้ว่าจะท้องอยู่ แต่การตั้งท้องก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของการเสริมสวยของคุณแม่แต่อย่างใด การทาเล็บ เพ้นท์สีเล็บ หรือทำเล็บลวดลายต่าง ๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจต่อตัวเองให้กับคุณแม่หลาย ๆ คนได้ แต่น้ำยาทาเล็บก็มีสารเคมี จะส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่นะ คุณแม่ตั้งครรภ์ทําเล็บได้ไหม ทาเล็บในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นอันตรายหรือไม่ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทาเล็บ ทำสีเล็บ เพ้นท์เล็บได้ เพราะน้ำยาทาเล็บนั้นไม่ได้ส่งผล กระทบโดยตรงต่อทารกในครรภ์แต่อย่างใด แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ เพราะการสัมผัสหรือสูดดมสารเคมีจากน้ำยาทาเล็บบ่อย ๆ อาจเป็นอันตรายได้  โดยสารเคมีที่มักใช้เป็นส่วนประกอบในยาทาเล็บ มีดังนี้ – โทลูอีน (Toluene) เป็นสารเคมีที่ช่วยให้น้ำยาทาเล็บมีผิวเรียบเมื่อทาลงบนเล็บ และเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เล็บ ขณะเดียวกันก็ยังใช้เป็นส่วนประกอบในน้ำยาล้างเล็บด้วย ซึ่งการสูดดมหรือได้รับสารโทลูอีนเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้ดวงตา ลำคอ และปอดเกิดการระคายเคืองได้ แต่หากสูดดมหรือสัมผัสโดนสารนี้ในปริมาณมาก อาจทำให้ระบบประสาทเสียหายและทารกในครรภ์พิการได้ – ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารเคมีที่ช่วยให้น้ำยาทาเล็บแข็งตัวขึ้น ซึ่งการสูดดมสารฟอร์มาลดีไฮด์เข้าไปนั้น อาจทำให้ดวงตา จมูก ลำคอ และปอดเกิดการระคายเคืองได้ อีกทั้งการสัมผัสหรือสูดดมสารนี้เข้าไปในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม สารเคมีชนิดนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ เพราะจะสลายไปอย่างรวดเร็วภายในร่างกายของคุณแม่ – ไดบูทิลพาธาเลต […]

คนท้องกินช็อกโกแลตได้ไหม กินแล้วมีประโยชน์ไหม ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า

คู่มือสำหรับ คุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “คนท้องกินช็อกโกแลตได้ไหม กินแล้วมีประโยชน์ไหม ส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือเปล่า” ช็อกโกแลตถือว่าเป็นของหวานชิ้นโปรดของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เลยก็ว่าได้ และในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เองนั้นก็อาจจะมีอาการที่อยากจะทานของหวานอย่างเช่นช็อกโกแลตอยู่แล้วด้วย แต่ในช็อกโกแลตนั้นมีทั้งน้ำตาล ไขมัน จะส่งผลอันตรายต่อคุณแม่ ตั้งครรภ์หรือเปล่า   ช็อกโกแลต คืออะไร หากพูดถึงของหวานที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกคงหนีไม่พ้นช็อกโกแลต โดยช็อกโกแลตนั้นได้มาจากผลของต้นโกโก้ ทั้งนี้ช็อกโกแลตนั้นเป็นการนำผลของต้นโกโก้มาผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ จนได้มาเป็นช็อกโกแลตแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งช็อกโกแลตนั้นจะถูกแบ่งออกไปตามประเภทต่าง ๆ มากมาย ขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ถูกนำเติมแต่งเพิ่มเติม และกรรมวิธีในการแปรรูปเมล็ดโกโก้ โดยทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบอาหารคาวหวานต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง คนท้องกินช็อกโกแลต ได้ไหม ตัวช็อกโกแลตค่อนข้างที่จะมีประโยชน์อยู่เช่นเดียวกัน จะมีสารฟลาโวนอยด์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยสารเหล่านี้จะเข้ามาช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือด และระบบหัวใจของคุณแม่ทำงานได้ดีมากขึ้น แถมยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งทั้งต่อตัวเราและลูกในท้องด้วยนั่นเอง ดังนั้นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว การรับประทานช็อกโกแลตถือว่าไม่เป็นอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ แต่ในขณะเดียวกันในการกินช็อกโกแลตถ้าจะให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คุณแม่อาจจะต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรกินเยอะจนเกินไป คนท้องกินช็อกโกแลตแล้วลูกจะดำหรือเปล่า เรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับการทานช็อกโกแลตแล้วทารกในครรภ์จะออกมาดำนั้น เป็นเรื่องราวของสังคมอุดมความเชื่อแบบไทย ๆ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังมีคนเชื่อว่า กินอาหารที่มีสีคล้ำ ลูกจะออกมาผิวดำอยู่ดี “ช็อกโกแลต” จึงเป็นอีกหนึ่งจำเลยสังคม รองจากเฉาก๊วย เปียกปูน ไก่ดำ และถั่วดำ เป็นต้น ทั้ง […]

การอยู่ไฟหลังคลอดคืออะไร มีประโยชน์แค่ไหน แล้วคุณแม่หลังคลอดจำเป็นที่จะต้องอยู่ไฟไหม

คู่มือสำหรับ คุณแม่

บทความนี้ขอแนะนำ “การอยู่ไฟหลังคลอดคืออะไร มีประโยชน์แค่ไหน แล้วคุณแม่หลังคลอดจำเป็นที่จะต้องอยู่ไฟไหม” คุณแม่มือใหม่มักได้รับคำแนะนำให้ “อยู่ไฟหลังคลอด” ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่ส่งต่อกันมา โดยเชื่อว่าการอยู่ไฟจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติได้โดยเร็วขึ้น ซึ่งความเชื่อนี้ช่วยได้จริงหรือไม่ มีประโยชน์อย่างไร จำเป็นไหมที่ต้องอยู่ไฟหลังคลอด บทความมีข้อมูลมาฝากกัน  การอยู่ไฟ คืออะไร การอยู่ไฟ คือ วิธีการฟื้นฟูสุขภาพสำหรับคุณแม่หลังคลอดตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งตามหลักของแพทย์แผนไทยแล้ว ร่างกายของคนเราจะประกอบไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ แต่การคลอดลูกจะทำให้คุณแม่เสียธาตุไฟออกไปจำนวนมาก ดังนั้น การอยู่ไฟจึงเป็นการช่วยเพิ่มธาตุไฟและเพิ่มสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยการอยู่ไฟในปัจจุบันได้มีถูกปรับเปลี่ยนจากรูปแบบการอยู่ไฟแบบดั้งเดิมเพื่อช่วยให้คุณแม่มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยประโยชน์ของการอยู่ไฟหลัก ๆ ได้แก่ การช่วยขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น ฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนล้า และช่วยกระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟหลังคลอดจำเป็นไหม การแพทย์ในยุคปัจจุบันยังพัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก โดยก่อนที่จะคลอดแพทย์จะทำการฉีดยา “ออกซิโทซิน” หรือยาเร่งคลอด ซึ่งยาดังกล่าวจะช่วยให้มดลูกบีบและหดตัวลงหลังคลอด และมีการเย็บปิดแผลคลอดลูกอย่างดี จึงไม่ต้องกังวลว่าหลังคลอดแล้วมดลูกจะไม่หดตัว หรือมดลูกจะไม่เข้าอู่ จึงไม่จำเป็นต้องมีการอยู่ไฟแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เรื่องการอยู่ไฟก็อาจจะเป็นเรื่องปัจเจก หากสนใจหรืออยากลองทำ ก็สามารถทำได้ เพราะการอยู่ไฟในสมัยนี้ก็มีการพัฒนาและปรับให้เข้ากับโลกในปัจจุบันมากขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัยควรทำการอยู่ไฟกับสถานบริการที่น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตถูกต้อง ระยะเวลาของการอยู่ไฟ ต้องอยู่นานเท่าไหร่  อยู่ไฟ ระยะเวลาของการอยู่ไฟโดยส่วนใหญ่แล้วของเป็นบุคคลธรรมดาที่อยู่ตามต่างจังหวัดก็จะให้ระยะเวลาของการอยู่ไฟประมาณ 30 […]